บทที่ 1640 -การประลองเป็นตาย

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1640 -การประลองเป็นตาย

 

ในตอนนี้พวกเขาก็ได้ผู้ที่จะเข้าร่วมการประลองครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าในตอนนี้หยินเทียนยืนยันว่ามีส่วนร่วมในการประลองแต่เขาก็ถูกปฏิเสธโดยเฟิงซี่และหยินชา แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่เห็นด้วยที่เขามีส่วนร่วมในการประลองครั้งนี้ เพราะว่าอาการของเขานั้นยังไม่หาย

 

อีกหนึ่งเหตุผลหากหยินเทียนเข้าร่วมการ เขาจะต้องเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่จะถูกจัดการยิ่งไปกว่านั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา นิกายจันทรานิรันกาลจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงจะมีเพียงสี่คนเท่านั้นที่เจ้ารวมต่อสู้ในครั้งนี้

 

ชิงสุ่ยไม่รู้จักชื่อจริงๆของชายชราหวัง ดังนั้นเขาจึงมักเรียกชายชราว่าอาวุโสหวัง ซึ่งชายชราก็ดูเหมือนจะชื่นชอบให้เขาเรียกเช่นนั้น หลังจากท่านอาหารเย็นเสร็จ ชายชราหวังได้เริ่มสอบถามชิงฟุยเรื่องทักษะการทําอาหารของเขา รวมถึงสูตรอาหารต่างๆ ในเวลานี้ชิงสุ่ยได้แบ่งปันสูตรอาหารและเครื่องปรุงที่เขามีให้กับชายชรา

 

เขายังคงมีส่วนผสมมากมายที่เก็บอยู่ในดินแดนหยก ดังนั้นเขาจึงสามารถมอบให้ชายชราไปโดยไม่คิดอะไร ในตอนนี้ดินแดนหยกได้ติดอยู่ที่ระดับแปดมาเป็นเวลานาน แม้แต่ตัวของชิงสุยก็ไม่รู้ว่าจะเลื่อนระดับให้มันได้อย่างไรในตอนนี้

 

สําหรับทั้งเรียนแบบสัตว์อสูรทั้งเก้าของเขา ก็ได้มาถึงรูปแบบมังกรซึ่งเป็นรูปแบบสุดท้ายแล้วถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ชํานาญมากพอที่จะใช้มัน สําหรับทักษะเสริมสร้างกายาบรรพกาลของเขาก็ติดอยู่ที่ชั้นที่แปดเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยยังไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่ามันจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่เก้าได้ในเร็ววัน ……..

 

ชิงสุ่ยมีทักษะในการสังหารจํานวนมาก แต่เขามักจะเน้นหลักไปที่การฝึกฝนร่างกายของเขามากกว่า นอกจากนี้ความสามารถในการป้องกันของเขาคืออํานาจที่ทรงพลังที่สุดของเขา อย่างไรก็ตามด้วยทักษะที่เขามีมันก็มากพอจะทดแทนกับความแข็งแกร่งในการจู่โจมของเขา

 

ดังนั้นในขณะนี้เขาสามารถประสานการโจมตีของเขากับเฟิงซ์ได้ แม้จะไม่มากพอที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามแต่เขาก็สามารถช่วยเหลือเฟิงซ์ให้จัดการกับคนทั้งหมด

 

ในเวลานี้ข่าวลือได้แพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง อีกสามวันการประลองเป็นตายของตระกูลหยินและหงจะเริ่มขึ้น

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยกลับไปที่ลานบ้านของเขาและไปหาผู้หญิงทั้งสองคน

 

“ท่านป้าบอกเราว่าเราจะจบเรื่องทั้งหมดโดยการประลองเพียงครั้งเดียว และทั้งสองฝ่ายสามารถส่งคนออกมาได้เพียงแค่สิบคนเท่านั้น” ชิงสุ่ยนั่งลงข้างๆพวกเธอและอธิบาย

 

ขณะที่เขาองดูพวกเธอที่อยู่ใกล้ๆ หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันคงจะดีไม่น้อย ถ้าเขาสามารถมีอะไรกับพวกเธอทั้งสองคนได้พร้อมๆกัน แต่ในตอนนี้เขายังคงไม่สามารถแตะต้องพวกเธอได้ เช่นเดียวกันหลิงเหยียน และฉิงชิงที่สามารถสังเกตเห็นสายตาที่แปลกประหลาดของชิงสุ่ย แต่พวกเธอก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในเวลานี้

 

“ แล้วฝั่งเราจะส่งตัวแทนไปกี่คนกันละ?” หลิงเหยียนถาม

 

“ สี่!” ชิงสุยตอบอย่างรวดเร็ว

 

“ ดูเหมือนว่าไม่จําเป็นที่จะต้องให้ข้าและน้องชิงลงมือสินะ” เธอกล่าวออกมา

 

“จริงๆแล้วข้าเองก็ไม่ได้บทบาทอกไรมากนัก ข้าเป็นเพียงผู้สนันสนุนการประลองเท่านั้น หน้าที่หลักๆจะอยู่ที่ท่านป้าเฟิง และก็พี่หยินชา”

 

“แล้ว ตัวแทนคนอีกของเราคือใคร” ฉินชิงถามหลังจากคิดสักครู่

 

“ ชายชราหวังที่เป็นพ่อครัว” ชิงสุ่ยยิ้มและพูดว่า

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทั้งสองก็ตกตะลึงอย่างมาก พวกเธอรู้ว่าชายชราหวังคือใคร พวกเธอเคยพบเขาครั้งหนึ่งในงานเลี้ยง และเขาก็ได้เป็นคนที่จัดอาหารให้พวกเธอ หากดูเพียงภายนอกพวกเธอก็คิดว่าเขาเป็นแค่พ่อครัวธรรมดาเท่านั้น ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง

 

ในช่วงวันที่สอง ชิงสุ่ยไม่ได้ฝึกฝนแต่อย่างใด เขาจะใช้เวลาส่วนมากในการปรับแต่ความแข็งแกร่งให้หญิงสาวทั้งสอง นอกจากนี้เขายังได้ด้วยเหลือเฟิงซี่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเธอขึ้น

 

นอกจากเฟิงซี่แล้วเขายังช่วยหยินชา และชายชราหวังอีกด้วย ในเวลาที่เหลือชิงสุ่ยได้นัดทุกๆ คนมาเพื่อฝึกฝนรูปจตุรทิศร่วมกัน โดยที่ชายชราหวังยืนอยู่ในตําแหน่งของพยัคฆ์ขาว ในขณะที่ชิงสุ่ยจะยืนอยู่ในตําแหน่งของมังกรเขียว หยินชาจะยืนอยู่บนตําแหน่งของเต่าดํา สําหรับเฟิงซี เอจะประจําอยู่ในตําแหน่งวิหกเพลิง

 

ความสามารถของชิงสุ่ยคือการควบคุมกระแสของการต่อสู้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเร็วมากมายขนาดไหน เขาเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหวใดๆในการต่อสู้ เขากลับให้ชายชราหวังไว้เป็นผู้ดูแลบทบาทหลักที่น่ารังเกียจ ตําแหน่งที่เขายืนอยู่คือตําแหน่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยพื้นฐานแล้วรูปแบบการต่อสู้จะเปลี่ยนไปตามบุคคลที่ยืนอยู่ในตําแหน่งแนวหน้า เพื่อให้พวกเขาทําการประสานงาน ช่วยเหลือสนับสนุน เข้าหากันได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นชิงสุ่ยจึงเน้นย้ำกับทุกๆคนว่าทุกๆคนต้องดูแลตําแหน่งของตัวเองให้ดีที่สุด

 

สาเหตุที่ชิงสุ่ยให้ชายชราหวังเป็นแนวหน้าเพราะเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าใครอื่นๆ นอกจากนี้เขายังมีสัตว์อสูรที่มีความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยม มันเป็นเวลานานแล้วที่เขาส่งมันออกไปสู้รบครั้งสุดท้าย เมื่อเขาเรียกมันออกมา ชิงสุ่ยตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อมองไปที่ภาพลักษณ์ของมัน มันคือนั้นเป็นอสูรอุกกาบาต ที่มีความสามารถไม่ได้ด้อยกว่าอสูรรัตกาลของเขาเลย แต่ที่ทําให้ชิงสุ่ยรู้กตกตะลึงก็คือความแข็งแกร่งของมันมากมายกว่าอสูรของเขาหลายเท่านัก หากพูดในแง่ของความแข็งแกร่ง ในตอนนี้มันเหนือกว่าอสูรของเขาอย่างมาก

 

พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งทั้งหมด จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่กับตัว เนื่องจากเขาเองก็มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังเขาจึงคาดหวังให้พวกเขามีสัตว์ร้ายที่ทรงพลังเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยไม่ได้วางแผนที่จะเรียกพวกมันออกมา ถึงแม้ตัวเขาจะสามารถประสานงามกับสัตว์อสูรของเขาได้ดี แต่ในตอนนี้เขาไม่ใช่กุญแจสําคัญของแผน

 

เหตุผลที่ชิงสุ่ยเลือกรูปแบบจุตรทิศนั้นเพราะพวกเขามีสี่คน ที่จริงแล้วเขามีรูปแบบมากมายที่สามารถนํามาใช้ได้ แต่ถึงอย่างไรรูปแบบนี้ก็ไม่จําเป็นต้องใช้เวลามากมายในการเรียนรู้ จึงอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดที่สามารถใช้ได้เลยในตอนนี้

 

ชายชราหวังและหยินชารู้สึกถึงกับสิ่งนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากมายเมื่ออยู่ในรูปแบบนี้ของชิงสุ่ย สําหรับตําแหน่งที่เราเลือกยืนอยู่นั้นทําให้เขาสามารถเพิ่มความเร็วได้ 30% ตําแหน่งของชายชราหวังช่วยให้สร้างความเสียเสียหายเพิ่มขึ้น 30% สําหรับหยินชาที่ๆเขาอยู่ช่วยให้พลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้น30% สําหรับเฟิงซี่ เพิ่มพลังวิญญาณของเธอขึ้น 30%

 

พวกเขาทุกคนอิจฉากับการที่ชิงสุ่ยมีรูปแบบนี้อย่างมาก ในทางตรงกันข้ามชิงสุ่ยยิ้มและพูดว่า “ ถ้าพวกท่านสนใจที่จะเรียนรู้มัน ข้าสามารถสอนพวกท่านได้ในภายหลัง แต่ขึ้นอยู่กับพวกท่านว่าจะสามารถเข้าใจมันได้ถึงขนาดไหน”

 

ความจริงที่ความสามารถของรูปแบบจุตรทิศนั้นทรงพลังถึงขนาดนนี้นั้นเพราะชิงสุ่ย นี่เป็นเพราะชิงสุ่ยเป็นคนสร้างรูปแบบนี้ขึ้น หลังจากนั้น ชิงสุ่ยได้เพิ่มความแข็งแกร่งของรูปแบบนี้ลงไปด้วย หงส์เพลิงสะบั้นและ รัศมีแห่งเทพสังหาร

 

มันยิ่งทําให้ทุกๆคนตกตะลึงมากยิ่งขึ้น แม้แต่เฟิงซีก็ยังประหลาดใจมากเช่นกัน แม้ว่าเธอจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสามารถลึกลับของชิงสุ่ยมาก่อน แต่เธอก็ไม่เคยคาดหวังให้พวกเขาจะสามารถทําได้ถึงขนาดนี้

 

ชายชราหวังและหยินชาใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะได้สติกลับมา พวกเขามองดูไปที่ชิงสุ่ย ราวกับว่าเว่าพวกเขากําลังมองดูสัตว์ประหลาดอยู่ก็มิปาน

 

“ อย่ามองข้าแบบนั้น ตอนนี้พวกท่านรู้แล้วหรือยังว่าทําไมท่านป้าเฟิงต้องการให้ข้ามาที่นี่ตอนนี้? นี่คือความ ทั้งหมดของข้า แต่หากให้ต่อสู้จริงๆข้าคงทําอะไรได้ไม่มากนัก “ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

มันน่าหลงใหลมาก ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในระยะเวลาอันสั้น โดยที่เพิ่มความสามารถให้การจู่โจมของข้าเพิ่มขึ้นเกือบ 809% และการป้องกันของข้าเพิ่มถึง50% นี่มันคืออะไรกัน…”

 

สําหรับหยินชาในตอนนี้พลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นถึง 80% และความสามารถในการจู่โจมของเขาเพิ่มขึ้นประมาณ 50%

 

“ ในตอนนี้ข้า มีความรู้สึกว่าข้าสามารถกําจัดคนทั้งของตระกูลหงได้โดยเพียงลําพัง” ชายชราหวังกล่าวด้วยจิตวิญญาณของวีรบุรุษขณะที่เอื้อมมือไปที่ก้อนเมฆ

 

ถึงอย่างไรเขาก็ได้ถอนหายใจออกมา แต่ถ้าไม่มีชิงสุ่ยพลังของข้า ก็จะกลับไปเป็นเหมือนที่เคยเป็น… ”

 

ทุกคนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคําพูดของชายชราหวัง ถึงแม้จะมีอํานาจมาขึ้นเท่าไรก้ตามนี้ก็ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของพวกเขา

 

ในวันที่สามชิงสุ่ยออกไปฝึกฝนตามปกติในตอนเช้า เขาพบเจอชายชราหวังที่ถือมีดเล่มหนึ่งในมือ ซึ่งมันดุธรรมดาอย่างมาก มันเป็นมีดทําครัวทั่วไป ในขณะที่เขาควงมันอย่างง่าย เมื่อมองไปพักใหญ่ชิงสุ่ยรู้ได้ในทันที่ว่านี้คืออาวุธของเขา

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้ขัดจังหวะเขา ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาชิงสุ่ยได้มอบยาเม็ดยาหลายอย่า’ให้กับเขา และช่วยเหลือเขาในการปรับแต่งรากฐานใหม่เกือยทั้งหมด

 

ในเวลานี้ที่ศูนย์กลางของนิกายผู้คนจํานวนมากได้มารายล้อมเพื่อรอดูการประลองครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสจากตระกูลใหญ่ๆหรือผู้คุมกฎของนิกายก็ต่างมาอยู่ในที่แห่งนี้

 

วันนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นี่ นอกเหนือจากคนของนิกายแล้ว ยังมีบุคคลภายนอกอีกไม่กี่คนได้เข้าชบการประลองในครั้งนี้ ตอนนี้กลุ่มของชิงสุ่ยและตระกูลหงมาถึงลานประลองเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่หยินเทียนและคนอื่นๆ นั่งอยู่ที่ข้างๆลานประลอง มีผู้คนมากมายตะโกนชื่อของเขา

 

“ ท่านประมุข หยินเทียนกลับมาแล้ว”

 

“ ใช่แล้วดูเหมือนว่าคราวนี้ ตระกูลหงจะหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ”

 

“พวกข้าบ้ารึไม่ เมื่อท่านประมุขหยินเทียนกลับมาแล้ว ทําไมพวกเขาจึงกล้าท้าทายตระกูลหยินกันละมันผิดปกติอย่างยิ่งทําไมพวกเขาถึงทําเช่นนี้?

 

“อาจเป็นไปตามที่ตระกูลหงพูดเอาไว้จริงๆตอนนี้ท่านประมุขอาจจะอ่อนแอลงก็ได้”

 

“ ตระกูลหงช่างน่ารังเกียจจริง! พวกเขาคิดแสวงหาผลประโยชน์จากความโชคร้ายของคนอื่น!”

 

“ นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เขายังคงมีสถานะสูงเช่นนี้แม้จะสูญเสียพลัง ไม่แปลกที่ผู้คนจะเริ่มดูกกเขา”

 

ในสามวันก่อนหน้านี้ เพิ่งที่ได้เสนอการประลองให้กับตระกูลหงซึ่งพวกเขาก็ตอบรับมันโดยทันที จํานวนผู้บ่มเพาะสิบคนที่ให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมาก และพวกเขารู้ว่าในตอนนี้ตระกูลหยินไม่สามารถที่จะขอความช่วยเหลือจากใครได้

 

ในตอนนี้ชายชราคนหนึ่งได้ปรากฏตัวบนท้องฟ้า ก่อนที่เขาจะพูดว่า “ วันนี้เป็นวันที่ตระกูลหงและหยินเผ่าจะท้าประลองเป็นตายกัน และข้าก็แน่ใจว่าพวกเจ้าทุกๆคนต้องรู้เกี่ยวกับมัน ดังนั้นข้าคิดว่าข้าไม่จําเป็นต้องพูดถึงมันอีกครั้ง ดังนั้นเรามาเริ่มกันดีกว่า ”

 

ในเวลานั้นเองชายชราคนคนนั้นก็ได้กล่าวออกมาอีกครั้ง “ ข้าเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของที่นี้และข้าก็มาที่นี่ในฐานะกรรมการเพื่อจับตาดูสถานการณ์ที่นี่ กฏของการประลองเป็นตายนั้นง่ายมาก ทั้งสองฝ่ายต้องส่งตัวแทนลงมาไม่เกินสิบคน ผู้ชนะจะได้รับการตัดสินสามารถสังหารหรือไว้ชีวิตอีกฝ่าย ผู้เข้าร่วมทุกคนต้องความรับผิดชอบต่อชีวิตของเขาเอง ข้าหวังว่าทั้งสองตระกูลสามารถปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ได้ ”

 

ข้าสงสัยจริงๆว่าใคร

 

“ นี่มันสนามรบชัดๆ ผู้เข้าร่วมมีความรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง… รจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้”

 

“ สิบคน เจ้าคิดว่าตระกูลหยินจะมีกําลังพอหรือไม่?”

 

“แน่นอนว่า! นอกจากนี้ได้ยินข่าวมาว่าตระกูลหงได้บังคับชิงเฟิงและหมิงอวไม่ให้ช่วยเหลือพวกเขาอีกด้วย ข้าไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาจะหากําลังจากไหนเข้าประลองในครั้งนี้

 

“ ดูเหมือนว่า ตระกูลหยินจะตกอยู่ในสถานการณ์ลําบากที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ตระกูลหงก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ถ้าข้าเดาไม่คิดนิกายจันทรานิรันกาลกําลังจะเกิดผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “

 

“ ตอนนี้ข้าขอเชิญตัวแทนของทั้งสองฝ่ายขึ้นบนเวที!” ชายชราที่เป็นกรรมการกล่าว