บทที่ 1406 หลอมรวมวิญญาณอมตะรักตัวเอง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหนีไปได้จริงๆ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ในวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเว่ยใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวสังเกตสถานการณ์ในสวรรค์สีขาว

 

นางขมวดคิ้วก่อนที่ดวงตาของนางจะส่องประกายขึ้น

 

“โชค”

 

นางคาดเดา

 

นางนึกถึงวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ฟางหยวนทำลายมันและอาจได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด

 

“น่าเสียดายที่วิธีการของข้าสามารถค้นหาตำแหน่งของฟางหยวนเท่านั้น มันไม่สามารถแสดงภาพสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจและใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวอีกครั้ง

 

ในเวลาต่อมาฉากของสายธารแห่งกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น

 

ฟงจิวเก้อและหงซื่อบินไปยังสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่ใกล้ที่สุด

 

“สาขาของสายธารแห่งกาลเวลานี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่มันเพียงพอให้เจ้าออกไป” หงซื่อชี้นิ้วไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อส่งเจ้าออกไป อย่าต่อต้าน”

 

ฟงจิวเก้อพยักหน้าและป้องหมัดขึ้น “ต้องรบกวนแล้ว”

 

หงซื่อกำลังจะกล่าวต่อแต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป

 

“อสูรปีแรกกำเนิดตัวนั้นงั้นหรือ?” การแสดงออกของฟงจิวเก้อเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

“ไม่!” หงซื่อมองไปข้างหน้าที่เต็มไปด้วยหมอกอันหนาทึบ

 

“แปลก เหตุใดถึงมีหมอกอยู่ที่นี่?” ฟงจิวเก้อขมวดคิ้ว

 

หงซื่อตื่นเต้นมาก “หมอกนี้ อย่าบอกข้าว่า…”

 

ในเวลานี้ทั้งสองเริ่มเห็นเงาปรากฏขึ้นในสายหมอก

 

ร่างที่คลุมเครือถูกบดบังและไม่สามารถระบุตัวตน

 

การแสดงออกของหงซื่อดูตื่นเต้นมากขึ้นขณะที่ฟงจิวเก้อรู้สึกสับสน

 

ในไม่ช้าหมอกบางส่วนก็เคลื่อนตัวออกไปและเผยให้เห็นส่วนหนึ่งของเงาขนาดใหญ่ ในที่สุดฟงจิวเก้อก็เห็นว่ามันคือสิ่งใด

 

“ที่นี่มีเกาะด้วยงั้นหรือ?”

 

“ถูกต้อง มันคือเกาะบัวหิน! ตำนานกล่าวว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงอยู่ที่นี่!” หงซื่อกล่าวเสียงสั่น

 

แม้เทพปีศาจบัวแดงจะเป็นศัตรูกับวังสวรรค์แต่เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงย่อมดึงดูดความโลภของผู้คนได้อย่างง่ายดาย

 

“รออยู่ที่นี่ ข้าจะกลับมาในไม่ช้า” หงซื่อกล่าวก่อนจะบินออกไปอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตามหมอกดูเหมือนจะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของหงซื่อ เมื่อหงซื่อเข้าไปใกล้ มันก็ถอยห่างออกไป

 

หงซื่อไม่สามารถลดระยะทาง ตรงข้ามมันกลับยาวไกลขึ้น

 

ครู่ต่อมาหมอกก็หายไปพร้อมกับเกาะหินลึกลับ

 

หงซื่อกลับมาด้วยความผิดหวัง การแสดงออกของเขากลายเป็นน่าเกลียด

 

กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยที่เฝ้ามองอยู่ยังรู้สึกผิดหวัง

 

แต่ไม่นานนางก็ขมวดคิ้ว

 

นางตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ‘เหตุใดเกาะบัวหินถึงปรากฏขึ้น? เป็นเพราะฟางหยวนทำลายสาขาของสายธารแห่งกาลเวลางั้นหรือ? แต่หงซื่อและฟงจิวเก้อคลาดกับมันไปแล้ว สิ่งสำคัญคือผู้ใดที่ต้องการเข้าไปในเกาะบัวหิน พวกเขาจำเป็นต้องมีวิญญาณกาลเวลา’

 

…..

 

ภาคใต้ ตระกูลวู

 

ค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้น

 

วูหยงยืนอยู่ด้านหน้าค่ายกลวิญญาณและเฝ้ามองด้วยความพึงพอใจ

 

ผู้อาวุโสสูงสุดผู้หนึ่งของตระกูลวูกล่าวมาจากด้านข้าง “ผู้อาวุโสวูเป่ย เราทำให้ท่านลำบากแล้ว”

 

“มันเป็นหน้าที่ของข้า มันไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อย” ผู้อาวุโสวูเป่ยกล่าวอย่างสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน

 

เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลของตระกูลวู

 

ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่ถูกส่งไปดูแลค่ายกลวิญญาณของภาคใต้แทนฟางหยวน

 

หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนกลับมาจากภาคเหนือและวางแผนส่งวูเป่ยออกมาเพื่อที่เขาจะได้กลับเข้าไปในค่ายกลวิญญาณของภาคใต้อีกครั้ง

 

วูเป่ยสามารถหลบหนีจากอันตรายในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันได้ด้วยวิธีนี้

 

ในการต่อสู้ครั้งนั้น ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ กระทั่งวิญญาณอมตะที่พวกเขาใช้สร้างค่ายกลวิญญาณก็ถูกยึดครองโดยวังสวรรค์

 

อย่างไรก็ตามไม่นานมานี้วูหยงได้ทำข้อตกลงกับวังสวรรค์ เขาปล่อยฟงจิวเก้อและรับวิญญาณอมตะกลับคืน

 

วูหยงส่งคืนวิญญาณอมตะทั้งหมดกลับสู่มือเจ้าของ

 

การกระทำนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาพุ่งสู่จุดสูงสุด

 

กองกำลังต่างๆของภาคใต้ต้องขอบคุณวูหยงและรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้

 

นอกจากวูหยงจะเปิดเผยคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบ้านไม้ไผ่สายลม เขายังแสดงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ที่ค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วง นี่ทำให้กองกำลังทั้งหมดของภาคใต้รู้สึกวิตกกังวล

 

ดังนั้นแม้วูหยงจะไม่สามารถกำจัดสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา แต่สถานะของตระกูลวูก็เปลี่ยนไปมาก

 

กองกำลังที่บุกยึดครองแหล่งทรัพยากรของตระกูลวูจากก่อนหน้านี้ถอยกลับและยังต้องจ่ายค่าชดเชย

 

ตระกูลเฉียวเป็นกองกำลังย่อยของตระกูลวู ดังนั้นแหล่งทรัพยากรของพวกเขาที่ถูกยึดครองโดยตระกูลปาและตระกูลเซี่ยก็ถูกส่งคืนเพราะชื่อเสียงของตระกูลวูเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามวูหยงยังไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์ดังกล่าว หลังจากกลับมาเขาพยายามควบคุมสถานการณ์และทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มากขึ้น

 

แต่กองกำลังอื่นไม่ได้เกิดขึ้นจากความว่างเปล่า พวกเขายังสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

 

หลังจากทั้งหมดการสูญเสียของตระกูลวูรุนแรงเกินไป

 

พวกเขาสูญเสียวิญญาณอมตะไปหลายดวง ฟางหยวนฉกชิงวิญญาณอมตะหกดวงและหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งแสนก้อนไปจากพวกเขา

 

แต่ตระกูลวูไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป

 

วูหยงต้องการชดเชยความสูญเสียของเขาจากกองกำลังอื่น แต่เขายังไม่ลือวายร้ายฟางหยวน!

 

ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้คำสั่งของวูหยง วูเป่ยเป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากนั้นพวกเขายังขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะตระกูลจื่อ

 

“เอาล่ะ ลงมือได้” ดวงตาของวูหยงส่องประกายขึ้นขณะที่เขาออกคำสั่งวูเป่ย

 

หัวใจของวูเป่ยสั่นสะท้านขึ้นเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความโกรธและความเกลียดชังภายใต้การแสดงออกที่สงบนิ่งของวูหยง

 

‘ผู้ใดจะคิดว่าวูอี้ไห่จะเป็นคนหลอกลวง ฮืม เขาช่างกล้าหาญนัก เขากล้าหลอกตระกูลวู! เราจะแสดงให้เจ้าเห็นตอนนี้ว่าตระกูลวูไม่สามารถยั่วยุ!’ วูเป่ยคิดขณะกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณ

 

ค่ายกลวิญญาณนี้เป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพีที่ใช้ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของฟางหยวนในการจัดตั้ง

 

หน้าที่ของมันคือการสร้างปัญญาให้ฟางหยวน มันเหมือนท่าไม้ตายของวูหยงที่เขาใช้โจมตีฟางหยวนมาก่อนหน้านี้

 

แต่ค่ายกลวิญญาณสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

 

“ทำต่อไป” วูหยงกล่าว

 

วูเป่ยพยักหน้า

 

วูหยงต้องการเจรจากับฟางหยวน

 

อย่าลืมว่าวิญญาณอมตะของตระกูลวูยังอยู่ในมือของฟางหยวน

 

แน่นอนว่าวูหยงต้องการนำพวกมันกลับมา

 

แม้ฟางหยวนจะหนีไปที่ทะเลทรายตะวันตก วูหยงก็ยังไม่ยอมแพ้

 

‘เกราะหวนคืนของฟางหยวนทรงพลังเกินไป แต่ท่าไม้ตายนี้ต้องใช้พลังจิตและพลังงานอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนจะสามารถใช้งานมันตลอดเวลาได้อย่างไร?’

 

‘ด้วยค่ายกลวิญญาณนี้ เราสามารถโจมตีหรือหยุดได้ทุกเมื่อตามต้องการ’

 

‘ปล่อยให้เขาทรมานก่อนที่เราจะเจรจา’

 

วูหยงวางแผน

 

ขณะที่ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งาน พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน

 

“ครืน…”

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

“เหตุใดถึงเกิดแผ่นดินไหว? ผู้อมตะบางคนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติงั้นหรือ?”

 

“นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติ เส้นโลหิตปฐพีกำลังสั่นสะเทือน นี่มันรุนแรงกว่าแผ่นดินไหวทั่วไป!”

 

“โอ้ ไม่ ผู้อาวุโสวูเป่ย!”

 

ผู้อมตะตระกูลวูอ้าปากค้างเมื่อตระหนักถึงบางสิ่ง

 

“บึม!”

 

ค่ายกลวิญญาณระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง วูเป่ยกระอักเลือดออกมาและล้มลงหมดสติอยู่บนพื้น

 

…..

 

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ร่างกายของผมที่หกเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มันเป็นภาพที่ดูน่าอนาถเล็กน้อย

 

“ขั้นตอนสุดท้าย!” ดวงตาของผมที่หกกลายเป็นสีแดง

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ยินและเร่งส่งมอบทรัพยากรอมตะให้ผมที่หก

 

แม้เขาจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา แต่เนื่องจากฟางหยวนขอให้ผมที่หกเป็นผู้หลอมรวม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องปฏิบัติตาม

 

ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือผมที่หก

 

“ติ๊ง!”

 

เสียงที่คมชัดดังออกมาจากกองไฟ

 

ไม่นานมันก็หยุดพร้อมกับกองไฟที่ดับมอดลง ตอนนี้เหลือเพียงก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางอากาศ

 

ผมที่หกสูดหายใจและพึมพำ “ออกมา วิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ด!”

 

“แคร็ก!”

 

รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นก่อนที่มันจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขณะที่วิญญาณอมตะบินออกมา

 

การหลอมรวมวิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ดประสบความสำเร็จในที่สุด!