ตอนที่ 536 วันนี้เขาแปลกมาก / ตอนที่ 537 มันพฤติกรรมอะไรของคุณ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 536 วันนี้เขาแปลกมาก

 

 

           หลังจากซูหรานไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเดินไปยังหน้าโต๊ะกินข้าว มองฉู่เจียเสวียนแล้วหยิบตะเกียบบนโต๊ะขึ้นมา คีบผักที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาโดยไม่ลังเล แม้ว่าอาหารยาพวกนี้ดูภายนอกไม่สวยงาม แต่ว่าหากมองให้ดีแล้ว สมุนไพรจำนวนไม่น้อยก็พบเจอได้ทั่วไป

 

 

           ฝีมือของซูหรานไม่เลว เผยหนานเจวี๋ยกินอย่างเอร็ดอร่อย ฉู่เจียเสวียนมีสีหน้าต่อต้าน

 

 

           “รสชาติไม่เลว ไม่อยากกินด้วยกันเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว มองฉู่เจียเสวียนพร้อมถามด้วยสีหน้าจริงจัง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้าสุดชีวิต เธอไม่ต้องการกินอาหารแปลกประหลาดพวกนี้ ใครจะรู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง

 

 

           “ก็กับข้าวธรรมดาทั่วไป คุณลองกินดูสิ” เผยหนานเจวี๋ยพูดต่อ มีความรู้สึกเหมือนกำลังกล่อมเด็กคนหนึ่ง

 

 

           “ฉันไม่หิว” ฉู่เจียเสวียนตอบทันทีโดยไม่คิด

 

 

           ซูหรานลงมาจากชั้นบน ในมือมีเสื้อผ้าสะอาด เขาเดินมาหาเผยหนานเจวี๋ย แล้วพูดด้วยความนอบน้อม “เชิญคุณเปลี่ยนเสื้อครับ”

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยกวาดตามองเสื้อผ้าในมือของซูหรานเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าซูหรานจะเอาชุดลำลองมาให้เขา เขาสวมใส่เครื่องแต่งกายอย่างเป็นทางการตลอดเวลา ไม่ค่อยสวมใส่ชุดลำลอง

 

 

           “ทำไมถึงเป็นตัวนี้” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่น

 

 

           “ในบ้านหลังนี้ สวมตัวนี้เหมาะสมมากครับ” ซูหรานต้องการเปลี่ยนโรคสวมชุดเป็นทางการแม้เวลาอยู่บ้านของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           แม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่เผยหนานเจวี๋ยก็ยังเปลี่ยนเสื้อ เขาไม่ได้สวมใส่ชุดลำลองแบบนี้มานานแล้ว

 

 

           เมื่อเผยหนานเจวี๋ยออกมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า ดวงตาของฉู่เจียเสวียนเป็นประกาย เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเผยหนานเจวี๋ยที่ถอดชุดสูทแล้วสวมชุดลำลองนั้น จะมีความเปล่งปลั่งและให้ความรู้สึกสนิทชิดเชื้อเหมือนพี่ชายข้างบ้านแบบนี้

 

 

           “มองอะไร” เผยหนานเจวี๋ยเดินเข้ามาหาฉู่เจียเสวียนขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย

 

 

           “มากินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อย” ยื่นมือดึงมือของฉู่เจียเสวียน เดินไปยังโต๊ะกินข้าว พาฉู่เจียเสวียนนั่งลงบนเก้าอี้อย่างดี แม้ว่าเธอจะมีท่าทีต่อต้านเพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ให้ความร่วมมือดีต่างจากเหมือนก่อน

 

 

           “ข้าวล่ะ” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับซูหราน

 

 

           “เย็นนี้กินพาสต้าดีไหมครับ” ซูหรานออกความเห็น เขาไม่คิดว่าการที่เขาพูดออกมาแบบนี้ไม่เหมาะสมตรงไหน

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองซูหรานอย่างไม่พอใจ ไม่ได้เจอเขาเพียงไม่นาน เขากลับยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก หรือช่วงนี้เขาอารมณ์ไม่ดีจึงทำอะไรไร้ยางอายแบบนี้?

 

 

           “ผมจะไปหุงข้าวครับ” ซูหรานพูดด้วยความรู้สึกผิดภายใต้สายตาของเผยหนานเจวี๋ย จากนั้นก็หันหลังกลับไป

 

 

           วันนี้ซูหรานต่างจากปกติจริงๆ แม้แต่ฉู่เจียเสวียนเองก็อดไม่ได้ที่จะมองเขา

 

 

           ความผิดปกติของซูหรานแบบนี้ก็ทำให้เผยหนานเจวี๋ยประหลาดใจมากเช่นกัน เขาไม่เคยทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มาก่อน ทำไมตอนนี้ถึงทำผิดแล้วผิดอีก เขาเป็นอะไรไปกันแน่

 

 

           ฉู่เจียเสวียนฝืนกินอาหารบำรุงจนหมด แม้เธอจะรู้สึกว่ารสชาติมันแปลกๆ เธอก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม

 

 

           หลังจากกินข้าวเสร็จ ซูหรานก็เข้ามาเก็บถ้วยและตะเกียบ เผยหนานเจวี๋ยมองซูหรานที่เก็บข้าวของเงียบๆ คิ้วขมวดเข้าหากัน ตั้งแต่ไหนแต่ไรซูหรานจะไม่มีวันทำงานเก็บถ้วยตะเกียบพวกนี้อย่างเด็ดขาด มันเป็นงานของคนรับใช้ วันนี้เขาแปลกเกินไปจริงๆ

 

 

           “เก็บของเสร็จแล้ว ไปที่ห้องหนังสือผม” เผยหนานเจวี๋ยคุยกับซูหรานที่กำลังเก็บถ้วยและตะเกียบ

 

 

           “ครับ” ซูหรานส่งยิ้มสดใสให้เผยหนานเจวี๋ย รอยยิ้มนั้นราวกับว่าเจือปนน้ำตาด้วย เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้วอีกครั้ง

 

 

           ในห้องหนังสือ

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน มองดูซูหรานที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา สีหน้างงงวย

 

 

           “ทำไมวันนี้ถึงดูแปลกๆ แบบนี้” เผยหนานเจวี๋ยมองเขาพร้อม เอ่ยถามด้วยความขึงขัง

 

 

           “แปลกเหรอครับ” ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ซูหรานฝืนยิ้ม

 

 

 

 

       ตอนที่ 537 มันพฤติกรรมอะไรของคุณ

 

 

           “นี่มันพฤติกรรมอะไรของคุณ?” เผยหนานเจวี๋ยนับว่าใจกว้างกับซูหรานมากแล้ว ถ้าไม่มิตรภาพระหว่างพวกเขาอยู่บ้างล่ะก็ เขาก็คงกำจัดเขาไปนานแล้ว

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดมาโดยตลอด ดังนั้นผู้ช่วยของเขาจึงได้รับการฝึกฝนเหมือนหุ่นยนต์ และแทบไม่เคยทำงานผิดพลาดเลย

 

 

           ในเวลานี้ซูหรานทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้เขาไม่เข้าใจจริงๆ

 

 

           “น้ำที่หกแล้วมิอาจหวนคืน กระจกที่แตกมิอาจประสาน อันไหนกันแน่ที่ถูกต้อง? วัฒนธรรมจีนช่างบอบบางและลึกซึ้งเหลือเกิน” ซูซานรำพันด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าพูดให้เผยหนานเจวี๋ยฟัง แต่ก็เหมือนกับพูดให้ตัวเองฟัง ในเวลานั้นเขาเองก็แยกไม่ออกว่าอันไหนร้ายแรงกว่ากัน

 

 

           “อกหักเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยเดาสาเหตุที่ผิดปกติของซูหรานออกแล้ว ดูเหมือนว่าไม่ว่าใคร หากได้สัมผัสกับความรักแล้ว ต่างกลายเป็นคนแปลกประหลาดทุกคน

 

 

           “ไม่เคยครอบครองมาก่อน จะบอกว่าสูญเสียได้ยังไง” ซูหรานส่ายหน้า ฝืนยิ้ม รอยยิ้มนั้นราวกับจะเผยน้ำตาออกมา เขาก็ไม่เคยครอบครองจะบอกว่าสูญเสียได้อย่างไร

 

 

           อาจเป็นเพราะความรักของซูหรานส่งผลต่อเผยหนานเจวี๋ย เขากล่าวกับซูหรานด้วยความเมตตา “คุณลางานวันนึงเถอะ จัดการอารมณ์ให้ดีแล้วค่อยกลับมาทำงาน”

 

 

           “ขอบคุณท่านประธาน” ซูหรานเดินออกจากห้องหนังสือราวกับร่างไร้วิญญาณ เผยหนานเจวี๋ยมองดูแผ่นหลังของซูหรานพร้อมจมดิ่งอยู่ในความคิด

 

 

           ไม่ว่าผู้ชายแข็งแกร่งสักเพียงใด สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความรัก

 

 

           “น้ำที่หกแล้วมิอาจหวนคืน กระจกที่แตกมิอาจประสาน?” เผยหนานเจวี๋ยนั่งพึมพำกับตัวเองอยู่บนเก้าอี้ นี่ไม่ใช่ภาพแห่งความเป็นจริงระหว่างเขากับฉู่เจียเสวียนหรอกหรือ

 

 

           ภายในห้องโถง ฉู่เจียเสวียนจ้องหน้าจอโทรทัศน์เขม็ง ท่าทางดูโทรทัศน์ที่จริงจังเช่นนั้น ที่จริงความคิดของเธอกำลังล่องลอยไปไกลแล้ว

 

 

           ไม่รู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยมานั่งข้างเธอตั้งแต่เมื่อไร เผยหนานเจวี๋ยก็เลียนแบบฉู่เจียเสวียนด้วยการจ้องมองหน้าจอโทรทัศน์เขม็ง ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันเลย

 

 

           ภายในห้องโถงที่กว้างใหญ่ มีเพียงเสียงโทรทัศน์ ไร้ซึ่งเสียงรบกวนอื่นใด

 

 

           “ฉันขอสาปแช่งคุณ สาปแช่งให้ชั่วชีวิตนี้ของคุณ ไม่แก่ไม่ตาย ไม่เจ็บไม่ไข้ มองเห็นความเจริญรุ่งเรืองของโลกใบนี้อย่างเดียวดาย” เสียงเศร้าโศกดังมากจากโทรทัศน์ ผู้หญิงที่อยู่ในนั้นร้องไห้อย่างน่าสังเวช

 

 

           “เฮ้อ…” ฉู่เจียเสวียนถอนหายใจแผ่วเบา

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยไม่สนว่าในโทรทัศน์มีอะไร เขาแค่ต้องการนั่งอยู่ข้างๆ ฉู่เจียเสวียนอย่างสงบเท่านั้น

 

 

           เมื่อความง่วงจู่โจม ฉู่เจียเสวียนพยายามเบิกตากว้าง ไม่เช่นนั้นวินาทีต่อไป เธอก็จะถูกความง่วงพาตัวไปแล้ว เธอยังต้องกลับเข้าไปในเมืองอีก

 

 

           หันไปมองเผยหนานเจวี๋ยที่มีสีหน้าสงบนิ่ง ฉู่เจียเสวียนโมโหสุดขีด ความง่วงก็หายไปไม่น้อย

 

 

           “เมื่อไรคุณจะพาฉันกลับไป!” ในที่สุดฉู่เจียเสวียนก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปาก ในน้ำเสียงมีความโกรธ

 

 

           “ตอนนี้ฝนตกหนักมาก คุณไม่กลัวว่าออกไปแล้วจะเกิดอันตรายเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเรียบๆ ใช้สายตาบอกให้ฉู่เจียเสวียนมองสภาพอากาศด้านนอก

 

 

           นอกหน้าต่าง ฝนตกหนักราวกับว่าต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้ ตอนนี้ฝนตกมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย

 

 

           “ฮึ…” ฉู่เจียเสวียนพ่นหายใจเบาๆ เธอก็ไม่สามารถบังคับให้เผยหนานเจวี๋ยพาเธอไปส่งในสภาพอากาศแบบนี้ได้ มันอันตรายเกินไปแล้ว

 

 

           ในที่สุดฉู่เจียเสวียนได้แต่ละสายตากลับไปที่หน้าจอด้วยความไม่พอใจ ทำทีเป็นตั้งใจดูโทรทัศน์ 

 

 

           มุมปากของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้มเล็กน้อย มองดูฉู่เจียเสวียนที่เป็นแบบนี้ รู้สึกว่าเธอน่ารักมาก

 

 

           ในที่สุดความเหนื่อยล้าก็มาเยือนฉู่เจียเสวียน เสียงในโทรทัศน์เป็นเหมือนเสียงกล่อมเด็ก ฉู่เจียเสวียนเพียงรู้สึกว่าเปลือกตาหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเธอก็ยังพ่ายแพ้ให้กับความง่วง หัวสัปหงกพิงอยู่บนไหล่ของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           เมื่อเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอดังขึ้น เผยหนานเจวี๋ยจึงหันไปมองฉู่เจียเสวียน ใบหน้าของเขามีความพึงพอใจอย่างยิ่ง