ตอนที่ 538 กระจกแตกมิอาจประสาน / ตอนที่ 539 ความอ่อนโยนของเขา

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 538 กระจกแตกมิอาจประสาน

 

 

           “พวกเราประสานกระจกที่แตกกันดีไหม ไม่ทะเลาะกันได้หรือเปล่า” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยแผ่วเบา แววตาที่มองเธออ่อนโยนจนราวกับจะมีน้ำหยดออกมา

 

 

           “อืม” ฉู่เจียเสวียนออกเสียงเบาๆ ราวกับกำลังตอบรับเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           “งั้นผมถือว่าคุณรับปากแล้วนะ” เผยหนานเจวี๋ยยิ้มเอ่ย ยื่นมือหยิกแก้มที่งดงามของฉู่เจียเสวียนเบาๆ มองดูริมฝีปากที่มีเสน่ห์ เขารู้สึกอดใจไม่ไหวเล็กน้อย

 

 

           เช้าวันรุ่งขึ้น พื้นดินกว้างใหญ่ที่ถูกสายฝนชำระล้างเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่น ทั้งดอกไม้และดอกไม้ใบหญ้าดูมีชีวิตชีวา ราวกับว่าได้สวมเสื้อตัวใหม่

 

 

           ภายในห้องนอน ฉู่เจียเสวียนค่อยๆ ลืมตาตื่น เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏสู่สายตา สมองก็ว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง

 

 

           ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ฉู่เจียเสวียนลุกพรวดจากเตียงทันที เดินไปที่ข้างหน้าต่าง เปิดผ้าม่านออก ภายนอกหน้าต่างอากาศแจ่มใส ลมพัดผ่านใบหน้าของเธออย่างละมุนละไม

 

 

           เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เธอไม่รู้ว่าเธอมาอยู่บนเตียงได้อย่างไร โชคดีที่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใบหน้าน่ากวนใจของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           จู่ๆ ก็นึกถึงเผยหนานเจวี๋ย เธอรู้สึกเกลียดจนกัดฟันกรอด ทำให้เธอต้องโกหกซูซาน!

 

 

           เธอต้องรีบกลับไปทำงาน เมื่อวานไม่ได้ไปทำงาน จะต้องมีงานรอเธอเป็นกองแน่ๆ

 

 

           “ก๊อกๆ…” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนเหลือบไปมองเวลา เพียงแค่หกโมงเช้าเท่านั้น ใครกันนะมาแต่เช้าแบบนี้?

 

 

           “เชิญค่ะ” แม้จะสงสัย แต่ฉู่เจียเสวียนก็ยังเอ่ยปากให้คนเข้ามา

 

 

           เสียงประตูเปิดออก ใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยปรากฏขึ้นตรงหน้าฉู่เจียเสวียนทันที ทันทีที่เห็นเผยหนานเจวี๋ย ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนก็เย็นชา

 

 

           “อรุณสวัสดิ์” เผยหนานเจวี๋ยทักทายเธออย่างผ่อนคลาย

 

 

 

 

           “ขอบคุณที่รบกวนตั้งแต่เช้า” ฉู่เจียเสวียนกล่าด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน

 

 

           “หรือว่าคุณไม่อยากกลับเข้าเมืองแต่เช้า?” เผยหนานเจวี๋ยพูดขึ้น รบเร้าฉู่เจียเสวียนด้วยน้ำเสียงมีความสุข

 

 

           “อ่อ” ฉู่เจียเสวียนพูดกับเผยหนานเจวี๋ยด้วยสีหน้าเย็นชา เธอตัดสินใจที่จะยอมรับแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นคนที่เสียเปรียบก็มีแต่เธอเท่านั้น

 

 

           ความน่าเชื่อถือของเขาที่มีต่อเธอได้หมดไปแล้ว ฉะนั้นตอนนี้ฉู่เจียเสวียนไม่เชื่อในคำพูดของเขาแล้ว

 

 

           “ตอนนี้อาหารเช้าเสร็จแล้ว รีบลงไปเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบก็หันหลังออกไปทันที

 

 

           เมื่อคืนฉู่เจียเสวียนเข้านอนเร็วตามที่คุณหมอบอก ห้ามนอนเยอะเกินไปและห้ามนอนน้อยเกินไป

 

 

เผยหนานเจวี๋ยไม่ต้องการให้ฉู่เจียเสวียนนอนมากเกินไป ฉะนั้นจึงตั้งใจเลือกเวลามาปลุกเธอแต่เช้า คิดไม่ถึงว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเองแล้ว ดูเหมือนว่านาฬิกาในตัวเธอยังดีมาก

 

 

           ฉู่เจียเสวียนขยี้ตา เมื่อเห็นว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ก็ครุ่นคิดว่าจะลงไปกินอาหารเช้าดีหรือไม่

 

 

           แน่นอนว่าเธอรีบกลับเข้าเมือง แต่ก็ไม่รู้ว่าคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยนั้นจริงหรือหลอก ถึงอย่างไรระยะหลังมานี้ เขารับปากเธอแล้วว่าจะไม่มาข้องเกี่ยวกับเธออีกแต่ก็ทำไม่ได้ อีกทั้งยังชอบเปลี่ยนใจในช่วงเวลาที่สำคัญด้วย

 

 

           ฉู่เจียเสวียนล้างหน้าล้างตา ในเมื่อนอนไม่หลับแล้วก็ลงไปทานอาหารเช้าดีกว่า

 

 

           ในห้องกินข้าว เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังอ่านพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในมือ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนลงไปข้างล่างแล้วนั่งลงตรงหน้าของเผยหนานเจวี๋ยโดยตรง รักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาให้ไกลที่สุด

 

 

           “มาแล้วเหรอ” มองดูฉู่เจียเสวียนที่อยู่ตรงหน้า แววตาเปื้อนรอยยิ้ม ไม่ถือสาที่เธอนั่งไกลเขาเลยสักนิด

 

 

           “อืม” ตอบรับเสียงเบา สีหน้าของฉู่เจียเสวียนยังคงไร้อารมณ์

 

 

           “เสิร์ฟอาหารเช้าได้แล้ว” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับคนรับใช้ข้างๆ

 

 

           “ครับ ท่านประธาน” คนรับใช้ได้ยินก็รีบยกอาหารเช้ามาทันที

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองดูโจ๊กถ้วยเล็กตรงหน้า ในโจ๊กนั้นราวกับมีสิ่งของแปลกประหลาดจำนวนมาก ไม่รู้ว่าของเหล่านั้นคืออะไร เธอมองโจ๊กด้วยความรังเกียจ เธอต้องการกินหนมปังกับแซนวิช! และอยากกินของหวาน!

 

 

 

 

       ตอนที่ 539 ความอ่อนโยนของเขา

 

 

           “ไม่หิวเหรอ” ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยเริ่มกินแล้ว เห็นใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของฉู่เจียเสวียน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 

 

           เขาตั้งใจให้คนทำอาหารเช้ามื้อนี้เป็นพิเศษเพื่อเธอ ล้วนมีสารอาหารครบถ้วน แม้ว่าภายนอกอาจไม่สวยงาม แต่ว่ารสชาติไม่เลวเลยทีเดียว

 

 

           “รอให้เย็นหน่อยค่อยกิน” ฉู่เจียเสวียนกล่าวด้วยความอึดอัดเล็กน้อย

 

 

           “อ่อ” เผยหนานเจวี๋ยรีบกวนโจ๊กในชามอย่างรวดเร็ว คิดจะใช้วิธีนี้เพื่อให้อุณหภูมิของโจ๊กลดลง ผ่านไปไม่นาน โจ๊กในชามดูเหมือนว่าไม่ร้อนมากแล้ว จึงยื่นมือผลักโจ๊กไปตรงหน้าฉู่เจียเสวียน “กินชามนี้สิ”

 

 

           โจ๊กที่เดิมทีหน้าตาไม่ดีอยู่แล้ว หลังจากถูกเขากวน ก็ยิ่งดูไม่น่ากินเข้าไปอีก

 

 

           ฉู่เจียเสวียนผลักโจ๊กกลับไปด้วยความรังเกียจ เธอไม่อยากกินชามของเขาชามนี้

 

 

           “ขอบคุณ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยสองคำนี้ออกมาอย่างไม่เต็มใจ แต่เธอก็ยังรู้สึกซาบซึ้งกับความหวังดีของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           ภายใต้การจ้องมองที่ร้อนแรงของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่เจียเสวียนใช้ช้อนตักมันขึ้นมาอย่างไม่สมัครใจ เป่าให้เย็นแล้วเอาเข้าปาก คิดไม่ถึงว่ารสชาติไม่เลวเลย

 

 

           ไม่ช้า เธอก็กินโจ๊กจนหมดชาม แววตาของเผยหนานเจวี๋ยมีรอยยิ้ม

 

 

           “เอาอีกชามไหม” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

 

 

           “ไม่ต้อง” ฉู่เจียเสวียนพูด ตอนนี้เธออิ่มแล้วและกินต่อไม่ได้อีก เธอก็ไม่ใช่คนที่กินอาหารเก่งสักหน่อย

 

 

           เจ็ดโมงตรง ยังเหลือเวลาก่อนที่ฉู่เจียเสวียนจะเริ่มงานอีกสองชั่วโมง ฉู่เจียเสวียนกำลังคำนวณอยู่ในใจว่าจากเขตชานเมืองตะวันตกเข้าไปในเมืองต้องใช้เวลาเท่าไร ดูเหมือนว่าสองชั่วโมงจะมีเวลาเหลือเฟือ

 

 

           “อยากไปเดินเล่นไหม” เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ย มองเธออย่างกระตือรือร้น อยากให้เธอตอบรับคำเชิญ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า ตอนนี้เธออยากกลับไปในเมืองเร็วหน่อย อีกอย่างคงไม่มีใครอยากเดินเล่นหลังกินอาหารเช้าหรอกนะ?

 

 

           “กลับเข้าเมือง?” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยอีกครั้ง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า แน่นอนว่าเธออยากกลับไป เธอเสียเวลาไปแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน กลับไปก็ยังไม่รู้ว่าจะอธิบายกับกงจวิ้นฉืออย่างไร ยังมีซูซานอีก เฮ้อ เธอรู้สึกลำบากใจนะ

 

 

           “งั้นไปเดินเล่นกับผมแป๊บนึงก่อน” เป้าหมายบรรลุผลแล้ว เผยหนานเจวี๋ยยิ้มเจ้าเล่ห์

 

 

           “ก็ได้ แค่ครึ่งชั่วโมง!” หลังจากฉู่เจียเสวียนครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยปาก ตราบใดที่ออกจากที่นี่แปดโมง เก้าโมงถึงที่ทำงานก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เดินเล่นสิบนาทีก็พอแล้ว ครึ่งชั่วโมงเธอนึกว่าเขาจะพาเธอไปช้อปปิ้งงั้นเหรอ?

 

 

           “ผมจะพาคุณไปที่ที่นึง” เผยหนานเจวี๋ยนำอยู่ด้านหน้าพร้อมพูดโดยไม่หันกลับมามอง ฉู่เจียเสวียนได้แต่ตามหลังเขาไป

 

 

           ฉู่เจียเสวียนแทบไม่เคยเห็นทัศนียภาพด้านนอกวิลล่าเลย เธอมองซ้ายขวาด้วยความอยากรู้อยากเห็น การออกแบบภายนอกวิลล่านั้นละเอียดอ่อนและเก๋ไก๋มาก ทางเดินเล็กๆ ที่ปูด้วยหินให้ความรู้สึกโบราณ

 

 

           ฝนที่ตกหนักเมื่อคืนชำระล้างทางเดินจนสะอาดหมดจด กิ่งก้านของต้นไม้ทั้งสองข้างถนนนั้นถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อยและสวยงามมาก

 

 

           บางทีมันอาจเป็นการจงใจสร้างสภาพแวดล้อมของป่าเอาไว้ ดอกไม้ป่าที่ไม่คุ้นเคยถูกปลูกอยู่ใต้ต้นไม้แต่ละต้น

 

 

           “สูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย มันดีต่อร่างกาย” เสียงของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น มองฉู่เจียเสวียนที่อยู่ข้างกาย

 

 

           “อืม” ฉู่เจียเสวียนตอบแผ่วเบา อากาศหลังฝนนั้นสดชื่นมาก เธอสูดหายใจลึก

 

 

           “ข้างหน้ามีลำธารที่ไหลมาจากภูเขาด้วย อยากไปดูหรือเปล่า” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นมีเสน่ห์

 

 

           วิลล่าในเขตชานเมืองตะวันตกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและสายน้ำ วิลล่าและภูเขาผสมผสานเป็นหนึ่งเดียว ทันใดนั้นฉู่เจียเสวียนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนมีเงินถึงชอบอาศัยอยู่บนเขา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนใช้การกระทำแทนคำตอบ เธอเดินตามไป เผยหนานเจวี๋ยเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

 

 

           ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงหน้าลำธาร ฉู่เจียเสวียนมองทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับว่าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง