บทที่ 500 ทำไมข้าถึงได้นั่งที่สาม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่500 ทำไมข้าถึงได้นั่งที่สาม?
บนสนามประลอง เผ่าเทียนเฟิ่นเวินเส้าหยีกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงนำขบวนเข้ามาช้าๆ

รองห้วหน้าเผ่าซือคงมีสีหน้าเข้มงวด สายตาแหลมคม รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยความเยือกเย็น เวลาเขาเดินนั้นก็ดูมีพลังมาก แค่ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือ

แล้วดูเวินเส้าหยี เขาสวมชุดสีขาวราวกับหิมะ ทำให้เขาดูสง่างามและโดดเด่นมากขึ้น

เวินเส้าหยีสวมหน้ากากผีเสื้อ ไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่บุคลิกบนตัวเขากลับดูมีเอกลักษณ์มาก ถึงแม้จะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน ก็สามารถดึงดูดสายตาได้

เวินเส้าหยีอ่อนโยนราวกับหยก มุมปากมีรอยยิ้มอ่อนๆ ตั้งแต่ปรากฏตัวขึ้น ก็มีหญิงสาวในงานไม่น้อยถูกดึงดูดสายตาไปหมด

เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันรีบเข้าไปต้อนรับ

“รองหัวหน้าเผ่าซือคง คุณชายเวิน ไม่เจอกันนานเลย ช่วงนี้สบายดีหรือไม่”

รองหัวหน้าเผ่ายิ้มอ่อนๆ จ้องมองเย่จิ่งหานด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร “ต้องขอบพระคุณเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน พวกเราสบายดี หากเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันไม่ได้เชิญคนบางคน เผ่าเทียนเฟิ่นของเราจะสบายดีกว่านี้”

คนที่ฉลาดหน่อยก็ต้องรู้ว่า รองหัวหน้าเผ่าซือคงกำลังบอกเย่จิ่งหาน

เผ่าเทียนเฟื่นไม่รู้ว่าไปมีความแค้นอะไรกับเย่จิ่งหานตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันทางสายตาอยู่หลายครั้ง และทุกคนเห็นกันหมด

พวกเขาแค่ไม่คิดว่า คนที่มาเข้าร่วมงานชื่นชมยาชั้นเลิศในครั้งนี้ นอกจากคุณชายเวินแล้ว ยังมีรองหัวหน้าเผ่าซือคงอีก

รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น โหดเหี้ยมอำมหิต ทุกคนในใต้หล้านี้ต่างก็รู้กันไปถ้วนทั่ว

“คือ……” เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันปาดเหงื่อ

นี่มันอะไรกันเนี้ย ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกอีก

ดูแล้วต่อไปจะเชิญพวกคนมีอำนาจคงต้องเลือกเชิญดีๆ

เย่จิ่งหานหัวเราะ “ข้าก็คิดว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็เป็นรองหัวหน้าเผ่าซือคงกับคุณชายเวินนี่เอง ครั้งก่อนพวกเจ้าหนีออกจากหุบเขายูหลาน คงจะเจ็บหนักเลยล่ะสิ”

ทุกคนได้ยินแล้วก็งงไปหมด

รอยยิ้มตรงมุมปากของเวินเส้าหยีชะงัก

รองหัวหน้าเผ่าซือคงกลับมีสีหน้าที่เย็นชา มือสองข้างกำหมัดจนเสียงดังกร๊อบแกร๊บ

เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี กลัวว่าพวกเขาจะตีกันขึ้นมาจริงๆ ก็รีบเข้าไปไกล่เกลี่ย “ทุกท่านๆ ครั้งนี้หุบเขาตันหุยของเราหลอมยาชั้นดีออกมาได้เยอะมาก พวกเรามาเชยชมกันก่อนไหม”

ความหมายของเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันก็คือว่า ความแค้นส่วนตัวของพวกเขาหยุดเอาไว้ก่อนได้หรือเปล่า

รองหัวหน้าเผ่าซือคงข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้มว่า “ในเมื่อเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันพูดแบบนี้แล้ว งั้นครั้งนี้ข้าก็จะยอมเจ้าหุบเขาใหญ่แล้วกัน”

ว่าแล้ว คนของเผ่าเทียนเฟิ่นก็เริ่มค้นหาที่นั่ง

ที่นั่งแรกคือหุบเขาตันหุย

ข้างซ้ายของที่นั่งแรกคือเผ่าเทียนเฟิ่น ที่สองคือเผ่าน้ำแข็ง ที่สามคือหอหนึ่งในหล้า

ทางขวาของที่นั่งแรกคือเผ่าหยก ที่สองคือเย่จิ่งหาน ที่สามคือเผ่าปีศาจ

คนของเผ่าเทียนเฟิ่นนั่งลงตรงที่นั่งทางซ้าย จอมมารกลับขวางทางเขาไว้

จอมมารพูดประชดประชันว่า “เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันไม่พอใจกับเผ่าปีศาจของเราเหรอ?”

เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันอึ้ง “หุบเขาตันหุยกับเผ่าปีศาจไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ไม่ทราบว่าท่านจอมมารหมายความว่าอย่างไร?”

“ทำไมเย่จิ่งหานถึงได้นั่งลำดับที่สอง ข้ากลับได้นั่งแค่ลำดับที่สาม? ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ทำไมจัดให้ข้านั่งกับเขา เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันตั้งใจจะทำให้ข้าขยะแขยงเหรอ?”

ชิงเฟิงเจี่ยงเสวียได้ยินแล้วก็โมโหมาก

จอมมารสมองมีหลุมอยู่หรือเปล่า เอาแต่หาเรื่องท่านอ๋องอยู่ได้

พวกเขากำหมัดแน่นพร้อมกัน “ท่านอ๋อง จอมมาร……”

เย่จิ่งหานยื่นมือไปบอกให้พวกเขาหุบปาก

เผ่าปีศาจกับเผ่าเทียนเฟิ่นเทียบกันแล้ว เผ่าเทียนเฟิ่นเป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของเขา

หากเทียบกับเผ่าปีศาจแล้ว ก็คงต้องเหนื่อยเหมือนกัน

และพวกเขากับเผ่าเทียนเฟิ่นคงได้เปิดศึกกันสักครั้งแน่นอน