ตอนที่ 522 อาณาจักรการค้า

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 522 อาณาจักรการค้า
ตอนที่ 522 อาณาจักรการค้า

แสงสุริยาในยามกลางวันค่อนข้างอบอุ่น

หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนและหยูเวิ่นหวินก็ได้นั่งพักอยู่ในศาลาเถาหราน

หยูเวิ่นหวินตั้งครรภ์ได้ราว 3 เดือนแล้ว แต่ในฤดูหนาวนางสวมอาภรณ์ค่อนข้างหนา จึงมองมิค่อยชัดสักเท่าใดนัก

นางยังคงนั่งเย็บชุดทารกด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของผู้เป็นมารดา เงยหน้าขึ้นมองฟู่เสี่ยวกวนแล้วยกยิ้ม “เจ้าอยากได้บุตรชายหรือบุตรสาว ? ”

“บุตรสาว ! ”

หยูเวิ่นหวินเบิกตามองฟู่เสี่ยวกวน พลางเบ้ปากแล้วกล่าวว่า “ไม่ ต้องเป็นบุตรชาย ! ”

“จะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาว ? ข้าก็ชอบทั้งสิ้น”

“นี่คือทายาทคนแรกของตระกูลฟู่ เป็นบุตรชายจึงจะดี ! ”

ความคิดของหยูเวิ่นหวินนี้ ฟู่เสี่ยวกวนมิได้คัดค้าน เนื่องจากการถกเถียงกับคนโบราณเรื่องชายหญิงไร้ซึ่งความหมายใดอย่างแท้จริง

ดังนั้น เขาจึงหัวเราะแล้วกล่าวว่า “อืม ! ย่อมได้ เช่นนั้นก็บุตรชาย… แต่หากคลอดออกมาเป็นบุตรสาว เจ้าก็อย่าได้ผิดหวังล่ะ ! ”

“อือ… เรื่องนั้นข้ารู้ดี เพียงแต่หวังว่าจะได้บุตรชายก็เท่านั้น ช่วงนี้เจ้าดื่มสุราให้น้อยลงสักหน่อย ชูหลานและเสี่ยวโหลวอาจจะมิพอใจเอาได้”

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักลงทันใด ข้าปรนนิบัติทุกค่ำคืน พวกนางกลับพากันโอดโอย หรือว่ากินมิอิ่มแสร้งทำเป็นอิ่มกันเล่า ?

นี่เป็นปัญหาใหญ่เสียทีเดียว ดังนั้นเขาจึงรีบเอ่ยถามขึ้นมาว่า “หรือว่าข้า…ยังขยันมิพอ ? ”

หยูเวิ่นหวินจ้องเขาตาเขม็ง หน้าของนางแดงระเรื่อ “เจ้าคิดสิ่งใดอยู่กัน ? หมอหลวงกล่าวว่า หากดื่มสุรามากจนเกินไปจะทำให้มีบุตรยาก พวกนางนับวันตั้งตารอความเคลื่อนไหวของท้องอยู่ทุกวัน ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้วางใจลง อืม… ค่อยยังชั่วหน่อย ตำราพระสูตรเก้าหยางนี้ มิเสียแรงฝึกฝนสินะ

“เรื่องนี้ต้องพึ่งโชคชะตาด้วย อีกอย่างพวกเจ้าอายุยังน้อย รออายุสัก 20 ปีค่อยตั้งครรภ์กำลังดี”

หยูเวิ่นหวินเบ้ปาก “ผู้ชายก็กล่าวได้สิ หากหญิงสาวอายุ 20 ปีแต่งงานกับเจ้า ผ่านไปสี่ห้าปียังมิตั้งครรภ์ ชาวบ้านได้นินทาไปทั่วเป็นแน่ ! แม่ไก่ยืนกกไข่…ดูสิว่าจะกลายเป็นเยี่ยงไร ? จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ? ”

เมื่อกล่าวถึงปัญหานี้ ฟู่เสี่ยวกวนมิอาจเปลี่ยนความคิดของหยูเวิ่นหวินได้ เนื่องจากความคิดเช่นนี้มีมาแต่โบราณ และได้หยั่งรากลึกลงในจิตใจของสตรีเฉกเช่นพวกนางแล้ว

มองดูแล้ว ต่งชูหลานและเยี่ยนเสี่ยวโหลวคงกังวลจริง ๆ

ทว่าค่ำคืนนี้ ข้าต้องไปดื่มสุราน่ะสิ !

เห้อ…จะทำเยี่ยงไรดี !

ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังสนทนากันอยู่ หลี่เจิ้งพร้อมพี่น้องตระกูลหลี่ก็ได้เดินเข้ามา

สามพี่น้องทำความเคารพฟู่เสี่ยวกวนและหยูเวิ่นหวิน หลังจากนั้นหยูเวิ่นหวินก็ได้เอ่ยเชิญให้พวกเขานั่งลง ส่วนตนก็เดินออกไปจากศาลาเถาหราน

ฟู่เสี่ยวกวนรินน้ำชาให้กับทั้งสาม จากนั้นก็ยกยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

ภารกิจแรกที่ได้มอบหมายให้กับสามพี่น้องตระกูลหลี่ก่อนปีใหม่ คือให้ไปกว้านซื้อพื้นที่สลัมมา

หลี่เจีย พี่ชายคนโต นำหีบใบหนึ่งมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบโฉนดที่ดินปึกหนาออกมา “ตามที่คุณชายมอบหมาย พวกข้ามิได้ออกหน้าด้วยตนเอง แต่ใช้วิธีการบางอย่างในการจัดการ พื้นที่สลัมกว่าครึ่งถูกซื้อมาแล้ว เชิญคุณชายตรวจสอบดูขอรับ”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เอ่ยถามว่าพวกเขาใช้วิธีใด เขาเพียงรับโฉนดที่ดินปึกหนาคลี่ออกดู “ยังต้องใช้เวลาอีกเท่าใด ? ”

“อีกราว 2 วันขอรับ”

“อืม ! ยอดเยี่ยม หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนี้ พวกเจ้าจงเตรียมตัวแยกย้ายกันไปในแต่ละที่”

ฟู่เสี่ยวกวนให้เสี่ยวเซวี๋ยนำกระดาษและพู่กันมา อีกทั้งยังมีแผนที่ของราชวงศ์หยู

เขานำแผนที่นี้วางไว้บนโต๊ะแล้วพิจารณาโดยละเอียด ก่อนจะใช้แท่งถ่านวาดวงกลมลงไปบนแผนที่เพื่อแบ่งเป็น 4 เขต

“บัดนี้ ข้าจะอธิบายแผนการอุตสาหกรรมของจวนฟู่ในอีกห้าปีข้างหน้าให้พวกเจ้าฟัง”

“สำหรับเขตหยูหนาน พวกเจ้าจงมองอย่างละเอียด เขตนี้ประกอบด้วย 3 มณฑล ต่อไปในภายภาคหน้าอุตสาหกรรมทั้งหมดในหยูหนานจะมอบให้หลี่ก้วนเป็นผู้ดูแล ผืนดินแผ่นนี้นับว่าเจริญพอควร มันจะสามารถทำกำไรให้จวนฟู่ในอีกห้าปีข้างหน้าได้มากโข”

“เขตหยูตง มอบหมายให้หลี่ว่านเป็นผู้รับผิดชอบ ที่แห่งนี้นับว่าเศรษฐกิจดีเสียทีเดียว เพียงแต่สงครามที่ทำกับแคว้นอี๋เมื่อปีกลายทำให้พื้นที่แห่งนี้ได้รับผลกระทบ แต่ข่าวดีก็คือ แคว้นอี๋ได้แบ่งอาณาเขตที่ติดกันนี้ให้กับพวกเราแล้ว…”

ฟู่เสี่ยวกวนวงกลมว่อเฟิงหยวนไปด้วย “พื้นที่แห่งนี้ ต่อไปจะเป็นของราชวงศ์หยู ดังนั้นจะเหมือนกับได้เพิ่มมาอีกหนึ่งมณฑล”

หลี่ว่านเงยหน้าขึ้นมองฟู่เสี่ยวกวน “คุณชายขอรับ…เรื่องนี้ท่านทราบมาจากที่ใด ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มขึ้น “ข้าเพิ่งทำการเจรจาไปเมื่อตอนเช้า เป็นข่าวร้อนแรงเสียทีเดียว คาดว่าอีกมิกี่วันฝ่าบาทก็จะทรงประกาศออกไป ส่วนพื้นที่นี้จะดูแลเยี่ยงไร คาดว่าคงต้องตั้งเป็นอีกหนึ่งมณฑล เรื่องนี้ช่างมันก่อนเถิด สิ่งที่เจ้าต้องทำคือ ภายในหนึ่งปีต้องขยายอุตสาหกรรมของจวนฟู่ในทุกที่ที่เจ้าเห็นว่าเหมาะสม จงจำเอาไว้ว่า การดำเนินการต่าง ๆ ต้องเหมาะสม มีการตรวจสอบพื้นที่อย่างครอบคลุม”

ทั้งหลี่เจีย หลี่ว่าน และหลี่ก้วน จ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยใบหน้าตกตะลึง

“อ่า… ข้าเอ่ยอยู่มิได้ยินหรือ ? ”

“คุณชาย…ได้พื้นที่นี้มาไว้ในครอบครองแล้วจริงหรือ ? ”

“ข้าเคยโกหกพวกเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ! ”

สามพี่น้องได้สติกลับคืนมา จึงได้เข้าใจว่าพวกเขาเลือกติดตามคนถูกต้องแล้ว นี่เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ! ฝ่าบาทจะต้องประทานรางวัลให้เขามากมายเป็นแน่ ชื่อเสียงของคุณชายโด่งดังไปทั่วหล้า พวกเขาคอยช่วยกิจการของคุณชาย หากเดินทางไปที่ใดก็คงมิมีผู้ใดกล้าขัดขวางเป็นแน่

“คุณชายช่างยิ่งใหญ่ ! ” สามพี่น้องพร้อมใจกันคารวะฟู่เสี่ยวกวน

“อย่าได้เอ่ยสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้เลย จงฟังคำของข้าเอาไว้ให้ดี นี่คือภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และเป็นเวทีของพวกเจ้าด้วย จงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ข้าจะมิทำให้พวกเจ้าต้องขาดทุนเป็นแน่ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนอธิบายอีกราวครึ่งชั่วยาม เขาได้กล่าวถึงเรื่องแผนธุรกิจที่มีในสมองออกมาอย่างถี่ถ้วน

สามพี่น้องตั้งใจฟัง ยิ่งฟังก็ยิ่งประหลาดใจ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณชายมิใช่มนุษย์ธรรมดา !

นี่คือเมืองแห่งเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่ !

การวางแผนเหล่านี้ มิเพียงอยู่ในราชวงศ์หยูเท่านั้น มันยังส่งผลต่อแคว้นเพื่อนบ้านทั้งสี่อีกด้วย สินค้าในอนาคตจะขนส่งไปยังแคว้นเหล่านี้มิขาด เพื่อให้ได้รับกำไรมากขึ้น ก็จะต้องเข้าทำลายผลิตภัณฑ์เดิมและยึดครองตลาดของทุกแคว้นเอาไว้

แม้แต่ราชวงศ์อู๋ก็ยังมิเว้น

จากนั้น ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ตอบคำถามของสามพี่น้องโดยละเอียด

“น่าเสียดายยิ่ง ข้ายังขาดหัวเรือใหญ่ที่จะไปดูแลเขตหยูซี หากพวกเจ้ามีคนรู้จัก ก็สามารถพามาแนะนำกับข้าได้”

หลี่เจียครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “หลู่หลิวฮุย เขากำเนิดในตระกูลหลู่แห่งซางเสียง เป็นบุตรชายคนเล็กของหัวหน้าตระกูลหลู่ อายุ 32 ปี เข้ารับตำแหน่งจิ้นซื่อในปีไท่เหอที่สี่สิบ เขาได้ดูแลการค้าของตระกูลอยู่ 3 ปี แต่เนื่องจากมีความเห็นที่แตกต่างกับท่านปู่หลู่ จึงโกรธเคืองแล้วเดินทางมายังจินหลิง บัดนี้เขาได้ดูแลร้านจิ่นซิ่วถังในเมืองจินหลิงอยู่ ซึ่งเป็นธุรกิจการค้าของตระกูลเซวีย หลัก ๆ แล้วค้าขายผ้าไหม”

“ข้าน้อยรู้จักและได้สนทนากับเขาอยู่หลายครา คนผู้นี้เป็นผู้ที่มีความสามารถด้านการค้า แต่มีความมั่นใจในตนเองสูงไปหน่อย เนื่องจากเขาเป็นถึงจิ้นซื่อ หากคุณชายรู้สึกว่ามิเลว ข้าน้อยจะพาเขามาพบขอรับ”

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องมีความมั่นใจสูงนั้น… เขามองว่าเป็นการวางมาดของนักวรรณกรรมเสียมากกว่า

หลังจากนั้น ทั้งสี่คนก็ได้สนทนากันอีกมากมาย เมื่อมองไปบนท้องนภาจึงเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว สามพี่น้องจึงขอตัวกลับออกไป ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายจึงได้แจ้งกับหยูเวิ่นหวินว่าจะไปกั๋วเซ่อเทียนเซียงพร้อมกับพาสวี่ซินเหยียนติดตามไปด้วย