บทที่ 173 เรื่องแปลกๆเมื่อเร็วๆนี้

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 173
เรื่องแปลกๆเมื่อเร็วๆนี้

“อะไรก็ได้ค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยนั่งลงหลังจากที่ตอบออกไปเสียงเบา

ชูอี้เสิ่นยื่นน้ำเปล่าให้เธอ เพราะหลังจากที่ถามออกไปเขาก็นึกได้ว่าชาหรือกาแฟคงไม่เหมาะที่จะดื่มตอนดึกแบบนี้ เขาจึงเปลี่ยนเป็นรินน้ำเปล่าให้เธอแทน “งั้นน้ำเปล่าแล้วกันนะ!”

“พี่ชู ฉัน…” มู่หรงเสวี่ยก้มหัวและดูเหมือนกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดเรื่องนี้ออกมายังไงดี ตั้งแต่บทสนทนาเมื่อคืนก่อน เธอก็รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูกทุกครั้งเวลาที่เห็นพี่ชูและยังมีความรู้สึกสับสนที่เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ายังไงอีกด้วย

ชูอี้เสิ่นนั่งถัดจากเธอ เงียบไปสักพักแล้วค่อยๆอ้าปากพูดออกมาช้าๆ “เสี่ยวเสวี่ย เธออาจจะไม่รู้นะว่าตั้งแต่ที่ฉันเห็นเธอครั้งแรกวันนั้น ฉันก็เห็นแสงสว่างในตัวเธอ มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน หลังจากที่ได้รู้จักกันและกันฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นเรื่อยๆ…เสี่ยวเสวี่ย ฉันรักเธอ! ได้ไหม?…”

มู่หรงเสวี่ยมีสีหน้าลุกลี้ลุกลน สายตาที่จริงใจของเขายิ่งทำให้เธอก้มหน้าต่ำลงไปอีก “พี่ชู ฉันขอโทษ ฉัน…ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นกับพี่…ฉันไม่ได้รักพี่…” หลังจากนั้นเธอก็ก้มหน้าและไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชูอีก

แต่ชูอี้เสิ่นจับที่มือเธอ สัมผัสที่อ่อนนุ่มในมือของเขาทำให้หัวใจเขายิ่งรู้สึกมากขึ้นไปอีก เขารักเธอมากจริงๆ “เสี่ยวเสวี่ย ถึงแม้เธอจะไม่รักฉัน แต่ก็ขอฉันดูแลเธอได้ไหม?”

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจแล้วจึงมองไปที่สายตารักใคร่ของเขา หลังจากหายตกใจเธอก็ขยับสายตาอีกครั้ง เธอตกใจกับความรู้สึกของพี่ชู พร้อมทั้งรู้สึกเจ็บปวดและทรมานไปกับความเจ็บปวดของพี่ชู “พี่ชูไม่ได้! เรื่องเรามันเป็นไปไม่ได้…ฉันไม่ดีเลยสักนิด…และอย่างที่พี่รู้ ชางกวนโม่กับฉัน…” มู่หรงเสวี่ยดึงมือกลับมาและหันมองไปทางอื่น

ชางกวนโม่คือบาดแผลที่จะไม่มีวันหายไปจากหัวใจเธอ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีความรักอีก แล้วแบบนั้นเธอจะถ่วงพี่ชูให้ถล้ำลึกลงไปทั้งๆที่ไม่มีความหวังได้ยังไง ถ้าเธอปฏิเสธพี่ชูเธอจะรู้สึกเศร้าแต่อย่างน้อยหัวใจของเขาก็จะไม่ถูกทำร้ายเพราะเธอไม่ได้รักเขาแต่กลับรับความรักที่แท้จริงของเขามา

ชูอี้เสิ่นเดินตรงเข้ามากอดมู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย ชางกวนโม่เป็นอดีตไปแล้ว…ไม่เข้าใจหรือไง?! ตอนนี้มีเพียงหัวใจของฉันเท่านั้นที่พร้อมจะกอดเธอไว้…”น้ำเสียงแหบแห้งกระซิบอยู่ข้างหูของมู่หรงเสวี่ย

ลมหายใจที่อบอุ่นรดลงมาที่คอเธอและน้ำเสียงก็ฟังดูราวกับมีเวทมนตร์ซึ่งทำให้เธอตัวสั่นแต่เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ความรัก “ขอโทษนะพี่ชู! ฉันรับความรู้สึกพี่ไม่ได้…” เธอลุกออกมาจากอ้อมแขนที่อบอุ่นของเขา

นี่กลายเป็นความเคยชินของเธอไปแล้วที่คอยพึ่งพาพี่ชูมานาน ถึงแม้อ้อมกอดของเขาจะทำให้เธออ่อนระทวยแต่เธอรู้ได้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ความรัก มันก็เป็นเพียงความผูกพันหลังจากที่หัวใจสลาย ก่อนหน้านั้นเธอไม่ดีเองที่ใกล้ชิดกับเขาเกินไปจนทำร้ายพี่ชู ต่อมาเธอจะไม่หลงระเริงกับความขี้ขลาดของเธอ ถึงแม้อ้อมกอดจะอบอุ่นแต่ก็ไม่ใช่ที่พักของเธอเลยสักนิด

หลังจากที่ชูอี้เสิ่นถูกผลักออกไป เขาก็เอนหลังพิงไปที่เก้าอี้ ทำไมมันถึงไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ล่ะ?!

เขาอ้อนวอนเธอขนาดนี้แต่เธอก็ยังไม่ใจอ่อนเลยสักนิด…เขาไม่มีที่ยืนเลยสักนิด…เขาอิจฉาผู้ชายที่ชื่อชางกวนโม่จริงๆ ถึงแม้จะเลิกกันไปแล้วแต่ก็ยังเหลือร่องรอยอยู่ในหัวใจของ เสี่ยวเสวี่ยจนไม่เหลือที่ยืนให้เขาที่มาทีหลังเลย

มู่หรงเสวี่ยเองก็เสียใจ ถึงแม้เธอจะไม่รักพี่ชู แต่เขาก็ยังเป็นเพื่อนที่สำคัญในหัวใจเธอ เธอเทิดทูนมิตรภาพของพวกเขาอย่างมาก

หยาดน้ำตาใสๆไหลร่วงลงมาจากดวงตาของชูอี้เสิ่นทำให้มู่หรงเสวี่ยที่กำลังมองเธออยู่ตกใจ เธอรีบเดินเข้าไปกอดเขาอย่างอ่อนโยนทันที “พี่ชู…ฉัน…” ในวินาทีนี้เธอถึงขนาดอยากที่จะสัญญาว่าจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตแต่หลังจากที่คำพูดขึ้นมาถึงปากเธอก็หยุดอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ความรักแต่เป็นความสงสาร ถ้าเธอตกลงก็จะทำให้พี่ชูต้องเจ็บปวด

ชูอี้เสิ่นกอดมู่หรงเสวี่ยแน่น เขาไม่อยากที่จะเสียหน้าแต่ก็อดไม่ได้…หัวใจของเธอเป็นสมบัติล้ำค่า ถึงแม้ถ้าเขาจะต้องเจ็บปวดอีกครั้งแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่อยากจะอยู่ข้างๆ อันที่จริงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวเสวี่ยไม่ได้รักเขาและก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะรักเขา เขาเพียงต้องการเหตุผลที่จะได้อยู่ข้างเธอ เขาอยากที่จะดูแลเธอไปตลอดชีวิตของเขาแต่เธอไม่เหลือความหวังให้เขาเลย เธอถึงขนาดปฏิเสธออกมาอย่างไม่ลังเลราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ

อ้อมแขนที่กอดเธอไว้สั่นเล็กน้อย หยดน้ำเย็นๆหยดลงที่ไล่ของเธอ มู่หรงเสวี่ยรู้สึกหดหู่อย่างมาก คนที่ทำร้ายพี่ชูไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเธอเองที่คิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพี่ชู

หลังจากเวลาที่ผ่านไปนาน ชูอี้เสิ่นก็สงบลง “เสี่ยวเสวี่ย เธอกลับไปพักเถอะ ฉันไม่เป็นไร ขอโทษนะที่ต้องให้เธอมาเห็นด้านนี้…” เขาปล่อยมู่หรงเสวี่ย ในตอนนี้ใบหน้าของเขามีความรู้สึกรวมกันอยู่มากมายซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร
มู่หรงเสวี่ยยังตัวแข็งอยู่ มองไปที่ดวงตาของเขาด้วยความเจ็บปวดที่พูดออกมาไม่ได้ เธอเปิดปากเล็กน้อยแต่ก็พูดอะไรไม่ออก

ชูอี้เสิ่นยกมือขึ้นมาปิดตาเธอไว้แล้วพูดพึมพำออกมา “เสี่ยวเสวี่ย อย่ามองฉันแบบนี้…ฉันห้ามตัวเองไม่ได้…” เขาอดไม่ได้ที่อยากที่จะกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เขาหยุดไปสักพักแล้วจึงพูดออกมาว่า “เสี่ยวเสวี่ย พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปที่เมืองหลวง ต้องกลับไปจัดการบางอย่างที่บริษัท…” เดิมทีคืนนี้เขาอยากที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเอาเรื่องคืนนั้นกลับมาพูดอีก

“โอเค ถ้าพี่ยุ่งพี่ก็กลับไปก่อนเถอะค่ะ…” ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ชูต้องเสียเวลามากขนาดนี้…” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิด

จู่ๆเธอก็กลายเป็นสุภาพขึ้นมาแต่ในหัวใจเขากลับยิ่งเจ็บปวดขึ้นกว่าเดิม “เสี่ยวเสวี่ย นี่เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วด้วยซ้ำงั้นเหรอ? ทำไมเธอถึงทำตัวแปลกๆกับฉัน…”

“พี่ชู ฉันไม่ได้ตั้งใจ…” มู่หรงเสวี่ยทำตัวไม่ถูก
ชูอี้เสิ่นเห็นท่าทางทำตัวไม่ถูกของเธอและหัวใจเขาก็อ่อนลง “ไม่มีอะไรหรอก เป็นน้ำเสียงฉันเองแหละที่แข็งไปหน่อย ฉันขอโทษนะเสี่ยวเสวี่ย…”

“ไม่หรอก พี่ชูอ่อนโยนและใจดีกับฉันมากๆมาตลอด ในใจของฉันพี่ชูคือเพื่อนที่สำคัญที่สุดของฉันเสมอ ฉันกลับก่อนนะ พี่ก็พักผ่อนนะ…” มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นและพูดอย่างอ่อนโยน

“เธอก็รีบเข้านอนด้วยล่ะ” ชูอี้เสิ่นเผยรอยยิ้มจางๆ
ในหัวใจของมู่หรงเสวี่ยเจ็บปวด ค่อยๆเปิดปากแต่หลังจากนั้นก็ยังคงไม่พูดอะไรออกมา เธอหันหลังเดินออกมาและกลับไปที่ห้องตัวเอง

เมื่อเธอกลับมาที่ห้อง ก็ทำได้เพียงนั่งสับสนอยู่ ทันใดนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร การแสดงออกที่เศร้าของชูอี้เสิ่นยังคงอยู่ในใจของเธอ เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกลายเป็นคนแบบนี้ ถ้าคนที่เธอรักมาตั้งแต่แรกคือพี่ชูมันก็คงจะดี โชคไม่ดีที่ความรักไม่มีคำว่าถ้าและความรู้สึกมันก็บังคับกันไม่ได้
วันนี้ชางกวนโม่ก็ยังอยู่ในความทรงจำของเธอ ไม่ว่าเขาจะจำภาพอดีตหรือว่าลืมเธอไปจากหัวใจแล้วและกลับไปรักกับไป๋เสวี่ยหลี่แล้วก็ตาม

เธอไม่อยากที่จะนึกถึงอดีตหรืออ้อนวอนขอความรัก มีเพียงเธอที่จะเป็นเธอตลอดไปไม่ใช่เธอที่พยายามจะเป็นคนอื่น นอกจากนี้ระหว่างพวกเธอมันไม่ใช่ปัญหาเรื่องว่ารักหรือไม่รัก แต่ความรักมันเปลี่ยนไปแล้ว มันเหมือนกำลังเฝ้าดูแมลงที่กำลังตอมผลไม้รสเลิศซึ่งไม่มีวันที่จะกลับไปลิ้มรสชาติหวานนั้นได้อีก

เธอไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน แล้วอยู่ดีๆกริ่งประตูก็ดังขึ้นมา มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู เธอคิดว่าเป็นพี่ชูแต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นฮวงฟูอี้ที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู

“อี้ นายมาได้ยังไง…” มู่หรงเสวี่ยถามออกไป
ฮวงฟูอี้มองไปที่เธอและพูดออกมา “มากับฉัน!” เขาจับมือมู่หรงเสวี่ยและดึงออกมา

“จะไปที่ไหน?” มู่หรงเสวี่ยถูกดึงออกมาจนเซจนเกือบที่จะล้ม โชคดีที่ฮวงฟูอี้เห็นและกอดเธอไว้
“ไปนอน…” ฮวงฟูอี้ตอบมู่หรงเสวี่ย
ก่อนที่เธอจะได้สติ เธอก็ไปนั่งอยู่ในรถฮวงฟูอี้เรียบร้อยแล้ว คนขับยังคงเป็นหลงอี้ ตอนที่เธอขึ้นไปบนรถ หลงอี้เองก็กล่าวทักทาย “คุณมู่หรง!”

แล้วรถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็วถึงแม้มู่หรงจะปฏิเสธออกไปเมื่อมีโอกาส

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกอายไปหมด ตอนนี้เธอก็สวมเพียงรองเท้าแตะและชุดนอน แม้แต่ผมของเธอก็ยุ่งไปหมด

เธอมองไปที่มืออีกข้างที่ฮวงฟูอี้ยังจับอยู่แล้วเธอก็พูดออกมาว่า “อี้ อย่างน้อยก็ขอฉันแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนได้ไหม!”

“ไม่ได้ ไม่มีใครเห็นหรอก…” ฮวงฟูอี้พูด
บ้าหรอก แล้วหลงอี้ไม่ใช่คนหรือไง?! ในหัวใจเธอก็ยังคิดอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น “จะให้ฉันกล้าออกมาได้ยังไง…” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกมาข้างนอกโดยไม่ดูภาพลักษณ์แบบนี้ ถ้ามีคนมาเห็นคงหัวเราะเธอตายเลย

“งั้นอีกเดี๋ยว ฉันจะให้คนเอาเสื้อผ้ามาส่งให้ โอเคไหม?! วันนี้ฉันรอเธออยู่ทั้งวันและก็ไม่เห็นเธอโทรมาหาฉันเลย…” น้ำเสียงยังมีการบ่นอยู่เล็กน้อย

เขาบอกตั้งแต่เมื่อไรว่าอยากให้เธอโทรหา? ทำไมเธอต้องโทรหาเขาด้วยล่ะ?!! แต่เพราะสมองของคนมันยากเกินกว่าจะเข้าใจ เธอถามออกไป “ตอนนี้นายจะไปที่ไหน?”

“กลับไปที่ฐานไง!”
“ทำไมต้องกลับไปที่ฐานด้วยล่ะ?”
“นอนไง! ฉันเพิ่งบอกเธอไปไม่ใช่เหรอ?” เมื่อพูดจบก็มีสายตาดูถูกเล็กๆมองมาที่มู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ย: นี่ล้องั้นเล่นหรือเปล่า!!!!
เธอพยายามเก็บอารมณ์และถามออกไปต่อ “ทำไมนายต้องเอาฉันไปนอนด้วย…”

“ฉันนอนไม่หลับถ้าไม่ได้กอดเธอ…” ฮวงฟูอี้พูดออกมาอย่างสบายๆ

นี่เห็นเธอเป็นหมอนหรือไง อาการนี้ต้องได้รับการรักษาแล้วนะ! เขาจะโทรมาเรียกให้เธอไปนอนเพราะเขานอนไม่หลับทุกครั้งไม่ได้หรอกนะ เธอคิดอยู่ในใจ อีกหน่อยฮวงฟูอี้ก็ต้องมีภรรยาแล้วจะทำยังไง เขาจะดึงพี่สาวที่ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆมานอนด้วยแล้วขอให้ภรรยาในอนาคตไปอยู่ตรงไหนล่ะ

อย่างไรก็ตามเธอไม่เข้าใจสีหน้าของฮวงฟูอี้เลย พระเจ้า พรุ่งนี้เธอต้องพาเขาไปหาจิตแพทย์หน่อยแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะการพึ่งพาที่ถูกพัฒนามาตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่เมืองหลวงก่อนหน้านี้ จิตแพทย์คงจะรู้ว่าจะต้องแก้ยังไง

หลงอี้ที่กำลังขับรถเกือบที่จะหัวเราะออกมา มีแค่ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าวันนี้ดราก้อนมาสเตอร์น่าตกใจมากแค่ไหน เขายังจำได้ว่าวันนี้เขาเป็นอย่างไรตอนที่ตามหาเขา

บ่ายนี้ สีหน้าของฮวงฟูอี้ดูเครียดและคิ้วก็ขมวดอยู่เล็กน้อย “หลงอี้ มีเรื่องผิดปกติแล้วล่ะ!”

หลงอี้คิดว่ามีประเทศไหนที่เริ่มสงครามอีกหรือเกิดวิกฤติทางการเงิน เขาเองก็เลยมีสีหน้าที่เครียดไปด้วยและรีบถามออกไป “ดราก้อนมาสเตอร์ สั่งมาเลยครับ ผมจะจัดการอย่างดีที่สุดเลย!”

“ความรักคืออะไร?! ฉันจะทำยังไงให้มู่หรงเสวี่ยหลงรักฉัน?” ฮวงฟูอี้พูดออกมมาด้วยความเครียด

หลงอี้อดไม่ได้ที่จะถามออกไปอย่างเสียมารยาทด้วยความแปลกใจ “ว่าไงนะ?” เขาดูเหมือนจะยังสับสน? ยังสับสนงั้นเหรอ?! หรือว่าสับสนจริงๆ?!! หรือว่าเขาจะได้ยินผิดเอง…ใช่ เขาต้องได้ยินผิดแน่ๆ ตอนนี้ดูเหมือนดราก้อนลอร์ดจะพูดถึง เสี่ยวเสวี่ย ใช่เสี่ยวเสวี่ยที่อยู่ในเมืองหรือเปล่า?

วันนี้ฮวงฟูอี้ดูเหมือนจะอารมณ์ดีแบบที่หาได้ยาก เขาไม่สนใจการเสียมารยาทของหลงอี้ แต่กลับพูดออกมาด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง “หลงอี้ ช่วงนี้ฉันรู้สึกแปลกๆและอึดอัดอย่างมากเลย…”

สีหน้าของหลงอี้เปลี่ยนไป เขาน่าจะรู้ว่าสุขภาพของดราก้อนมาสเตอร์เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากซึ่งสำคัญมากกว่าเรื่องบ้านเมืองอีก โดยปกติแล้วจะมีการตรวจสุขภาพทุกเดือนซึ่งตามปกติแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นี่เป็นเพราะปัญหาที่เหลือค้างจากการบาดเจ็บที่หัวคราวก่อนหรือเปล่า?! ในวินาทีนี้ หลงอี้แวบคิดอะไรมากมายนับไม่ถ้วนแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและพูดออกมา “ผมจะโทรเรียกหมอหลงให้มาที่นี่เลย!”

“ไม่ต้อง มันไม่ใช่ความไม่สบายแบบนั้น…” ฮวงฟูอี้ห้ามหลงอี้ที่กำลังจะเดินออกไป

“แล้วมันเป็นยังไงครับ?” หลงอี้ถามอย่างกังวล
“มันดูเหมือนว่าหัวใจจะรู้สึกไม่สบายอย่างมากแล้วก็แปลกด้วย…” ฮวงฟูอี้แตะไปตรงตำแหน่งของหัวใจและพูดออกมา

ในหัวใจงั้นเหรอ?! โรคหัวใจงั้นเหรอ?!!! สีหน้าของหลงอี้เกือบจะซีดเผือดและพูดออกมา “ดราก้อนมาสเตอร์ เราต้องรีบเรียกให้หมอหลงมาตรวจดูทันทีเลย!”

ฮวงฟูอี้ก็ยังหยุดหลงอี้ไว้และพูดต่อ “แล้วมันก็รู้สึกไม่สบายตรงนี้ด้วย…” เขาพูดว่าเขารู้สึกทรมานจากการที่กอด มู่หรงเสวี่ยเมื่อเช้านี้
ทันใดนั้นหลงอี้ก็รู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าลงมาและไม่รู้ตอนนี้จะต้องแสดงอาการยังไงดี…ดราก้อนมาสเตอร์กำลังรุ่มร้อน…และดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจซะด้วย

เขาจำได้ว่าดราก้อนมาสเตอร์แทบจะไม่ติดต่อกับผู้หญิงและไม่มีใครที่เคยพูดกับดราก้อนมาสเตอร์ในเรื่องนี้เลย ก็เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่เข้าใจ…เพราะดราก้อนมาสเตอร์ไม่จำเป็นต้องติดต่อกับคนทุกประเภท…ดราก้อนมาสเตอร์เกิดมาสูงศักดิ์โดยธรรมชาติทำให้ผู้ติดตามของเขาเต็มใจที่จะยอมจำนนแทบเท้า ยอมที่จะทำเรื่องสกปรกให้เขาทุกอย่างโดยที่มือสูงศักดิ์ของเขาไม่ต้องแปดเปื้อนเลย