ตอนที่ 396 เกินทน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 396

เกินทน

“โอ้ องค์หญิงไป๋หลิน ท่านเดินทางไปต่างแดนเจอศึกสงครามทำให้ข้าเป็นห่วงท่านเหลือเกิน”องค์ชายอินสิงพูดพลางเดินเข้ามาหาไป๋หลินที่กำลังเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่าทีรีบร้อน

“องค์ชายอินสิง เกรงว่าท่านจะเป็นห่วงเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“ไม่หรอก ข้าเป็นห่วงน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ หากทำได้ข้าคงตามท่านไปช่วยท่านในสงครามอันแสนโหดร้ายไปแล้ว”ได้ยินที่อินสิงพูดชิงชิวที่อยู่ด้านหลังก็แอบทำสีหน้ากลั้นหัวเราะออกมาทันที อย่างอินสิงในตอนนี้นะหรือจะรับมือสงครามที่อาณาจักรไชน์ได้ ตัวมันตอนนี้ไม่ได้ฝึกวิชาเทพประสานเหมือนชิงชิวกับไป๋หลิน ทำให้ยังไม่ถึงระดับเทียนเซียนเสียด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่พวกขุนพลเลย พวกยอดฝีมือที่เป็นทหารแนวหน้าคงสามารถฆ่าองค์ชายคนนี้ได้สบาย

“น่าเสียดายจริงๆเจ้าค่ะที่ท่านไปไม่ได้”ไป๋หลินตอบพลางยิ้มหวานออกมา ไม่ใช่เพราะนางเสียดายที่ไม่ได้ร่วมรบกับองค์ชายอินสิง แต่เพราะน่าเสียดายหากองค์ชายพลาดท่าในสงครามคงไม่มาเจอไป๋หลินอีกแน่ๆ

“ครั้งนี้เป็นเพราะข้าทราบข่าวช้าเกินไป หากมีคราวหน้าข้าจะมาช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน”นอกจากคนของอาณาจักรอินแล้วคนที่นั่งอยู่ในห้องต่างมีสีหน้าปั้นยากกันทั้งนั้น

“องค์ชายไป๋ชินอี้ สงครามเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ หม่อมฉันยังไม่เคยเห็นสงครามกับตามาก่อนเลย”อินซินถามพลางมองยิ้มให้ชินอี้ พี่น้องสองคนนี้ช่างเหมือนกันจริงๆ ไม่ว่าจะโดนปฏิเสธไปเท่าไหร่ก็ไม่ยอมแพ้พยายามตีสนิททั้งไป๋หลินทั้งชินอี้ไม่เลิก ทั้งๆที่อาณาจักรอื่นล้มเลิกความตั้งใจไปนานแล้วแท้ๆ

“ยอดเยี่ยมมาก กองทัพของอีกฝ่ายแข็งแกร่ง แต่กองทัพของเราแข็งแกร่งกว่า ขุนพลทุกคนสู้ได้ยอดเยี่ยมมากทีเดียว ทำให้ข้าได้เห็นว่ากองทัพของอาณาจักรไป๋ยิ่งใหญ่เพียงไร”ชินอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม ทั้งๆที่ปกติมันจะไม่ตอบคำถามอินซินแท้ๆ ท่าทางภาพตอนสงครามระหว่างไชน์กับอีมอร์จะตราตรึงใจมันไม่น้อย

“อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ข้าอยากไปเห็นด้วยจริงๆ”อินซินยิ้มกว้างไม่ใช่เพราะสิ่งที่ชินอี้พูดแต่เพราะชินอี้ที่ยอมพูดกับนางเสียทีต่างหาก

“…..”ชินอี้ไม่ตอบมันเพียงหันกลับมาสนทนากับไป๋หลินต่อ แน่นอนว่าทั้งอินสิงและอินซินไม่ยอมแพ้แต่อย่างไร แต่หากจะให้ตอบละก็ นางคงรับไม่ไหวหรอก สงครามที่เต็มไปด้วยเลือดแบบนั้น

.

.

“องค์ชายอินสิง ไม่ทราบว่าท่านจะพักอยู่ที่อาณาจักรไป๋อีกนานเท่าไหร่หรือเจ้าคะ”ไป๋หลินยิ้มหวานพลางถามองค์ชายอินสิงที่ยังอยู่ในสวนหน้าวังของนาง นี่มัน 2 วันมาแล้วนะ ไม่ใช่ว่าพวกท่านมาเพื่อแสดงความเป็นห่วงแล้วก็กลับเลยงั้นหรือ

“ข้าเป็นห่วงองค์หญิงไป๋หลินมากจริงๆ ข้าเลยบอกท่านพ่อว่าจะอยู่ที่นี่อีกสักเดือน”พอได้ยินคำว่า เดือน เข้าหูไป๋หลินก็หน้าตึงขึ้นมาทันที อย่าล้อเล่นน่า นางต้องเจอเจ้าองค์ชายบ้านี่เฝ้าหน้าวังไปตั้งเดือนเลยงั้นหรือ นี่ท่านเป็นองค์ชายที่ว่างเกินไปหรืออย่างไรถึงได้มีเวลามาตามนางได้ขนาดนี้

“องค์ชายท่าน…”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ข้าอยากอยู่กับองค์หญิงไป๋หลินจนกว่าจะแน่ใจว่าท่านสบายดีแล้ว”ได้ยินที่องค์ชายอินสิงพูดสวนมาไป๋หลินก็เกิดอาการฟิวขาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“องค์ชาย ท่านพอจะมีเวลาคุยกับข้าสักครู่หรือไม่เจ้าคะ”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มให้องค์ชายอินสิงด้วยใบหน้าเย้ายวนอย่างประหลาด

“ขะ ขอรับ แน่นอน”องค์ชายอินสิงหน้าแดงพลางยิ้มอย่างยินดี

“แน่นอนว่าข้าอยากจะคุยกับท่านแบบสองต่อสองนะเจ้าคะ”ไป๋หลินพูดพลางหันไปมองพี่ไป๋ไป่กับชิงชิว ตัวไป๋ไป่พอจะทราบอยู่แล้วว่าไป๋หลินจะทำอะไร ส่วนชิงชิวนั้นเห็นอยู่แล้วว่าไป๋หลินฟิวขาดไปแล้ว มันเลยไม่คิดจะห้ามอะไร บอกตามตรงองค์ชายอินสิงจะมาตามตื๊อไป๋หลินเป็นเดือนๆตัวมันเองก็ไม่ชอบใจเช่นกัน

“ทางนี้เจ้าค่ะ องค์ชาย”ไป๋หลินว่าพลางเดินนำองค์ชายอินสิงเข้าไปที่ศาลากลางสวน ที่นั่นไม่มีผู้คนทำให้สามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายใจแน่นอน

“องค์ชาย ท่านมานั่งตรงนี้สิเจ้าคะ”ไป๋หลินว่าพลางนั่งลงที่ศาลาก่อนจะบอกให้องค์ชายอินสิงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของตน

“ขอรับ”องค์ชายอินสิงตอบพลางยิ้มกว้าง มันเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามไป๋หลินอย่างยินดีทันที

“องค์ชาย จริงๆข้าก็พอจะทราบความรู้สึกที่ท่านมีต่อข้านะเจ้าคะ”ไป๋หลินพูดด้วยท่าทีเอียงอายที่ทำให้เหล่าบุรุษเพศต่างต้องลุกฮือหากได้เห็นอย่างแน่นอน

“องค์ชายอินสิง ท่านหลงรักข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ”ไป๋หลินถามพลางปล่อยพลังมารออกมา นางทราบดีว่านางไม่ควรใช้พลังมารออกมาเช่นนี้ แต่นางไม่ไหวแล้วจริงๆ

“ขอรับ ข้ารักท่านหมดใจจริงๆ”ได้ยินเช่นนั้นไป๋หลินก็ถอนหายใจออกมา

“หากท่านรักข้า ท่านช่วยอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกได้หรือไม่เจ้าคะ”ไป๋หลินใช้พลังของราคะเพื่อบังคับให้อินสิงเลิกตามตนเสียที เพียงแต่ผลที่ได้กลับไม่ตรงกับที่นางต้องการเท่าไหร่

“ไม่ได้หรอกขอรับ หากข้าไม่ได้พบท่านข้าคงตายแน่ๆ”อินสิงพูดด้วยท่าทีหลงใหลอย่างประหลาด พริบตานั้นไป๋หลินถึงได้ทราบเสียทีว่าทำไมอินสิงผู้นี้ถืงได้หน้าด้านหน้าทนเสียเหลือเกิน

“องค์ชายอินสิง นี่ท่าน…”ไป๋หลินเบิกตากว้างมองดวงตาของอินสิงอย่างตั้งใจ ดวงตาที่แสดงถึงความหลงใหลเทิดทูนราวกับกำลังมองเทพธิดาจากสวรรค์เช่นนี้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากผู้กำลังหลงใหลในพลังของราคะไม่ผิดแน่ นี่หรือว่าองค์ชายอินสิงโดนพลังของราคะมาเนิ่นนานแล้ว มันถึงได้ทำแม้กระทั่งผิดคำมั่นที่พนันกับตัวไป๋หลินเอาไว้ นี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือเป็นตอนที่พนันกันตอนนั้น จะว่าไปไป๋หลินก็ใช้พลังของราคะเพื่อหยุดยอดฝีมือขององค์ชายอินสิงด้วยนี่นา….

“องค์หญิง ในเมื่อท่านทราบความในใจของข้าดีแล้ว ได้โปรดให้ข้าเป็นคนรักขององค์หญิงด้วยเถิดขอรับ”องค์ชายอินสิงว่าพลางจ้องมององค์หญิงไป๋หลินด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน

“องค์ชายอินสิง ข้า…”ไป๋หลินมองดวงตาขององค์ชายอินสิงด้วยท่าทีหวาดหวั่น ความหลงใหลที่มากเกินไปเช่นนี้น่ากลัวจนอยากจะหนีไปให้ไกลจริงๆ

“ข้ามีคนรักอยู่แล้วเจ้าค่ะ”ไป๋หลินตัดสินใจพูดออกไป เพียงแต่อินสิงกลับไม่มีท่าทีลังเลเลย

“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าจะเป็นคนรักคนที่ 2 หรือ 3 ก็ได้ขอเพียงให้ข้าอยู่กับท่านก็พอ”อินสิงว่าพลางก้มลงเกาะขาของไป๋หลินเอาไว้อย่างน่าทุเรศ ทำเอาไป๋หลินหน้าซีดเผือด

“กรีด…”ไป๋หลินกรีดออกมาเมื่อเห็นองค์ชายอินสิงกำลังพยายามกอดขาของตนเองเอาไว้

เปรี้ยง! ชิงชิวที่ได้ยินเสียงก็พลันพุ่งวาบเข้ามาเตะร่างขององค์ชายอินสิงจนตกศาลาทันที ชนิดที่ว่าเร็วกว่าไป๋ไป่เสียอีก

“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรหรือไม่”ชิงชิวถามพลางหันมามองไป๋หลินด้วยความเป็นห่วง นางพลังเหนือกว่าอินสิงตั้งมาก ทำให้ชิงชิวไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้

“พี่ชิว…”ไป๋หลินยังมีท่าทีตกใจ นางเข้าไปกอดชิงชิวเอาไว้แน่นโดยไม่สนว่าใครจะมองอีกแล้ว นางไม่คิดเลยว่าองค์ชายอินสิงจะโดนพลังของราคะทำให้เป็นสภาพเช่นนั้น มันเหมือนคนโรคจิตไม่มีผิด

“เจ้า…”องค์ชายอินสิงคำรามพลางชักกระบี่ออกมาหมายจะโจมตีใส่ชิงชิว

ฟุบๆๆๆๆ ปีกของไป๋ไป่พุ่งเข้าไปจ่อที่ร่างของอินสิงเอาไว้ทำให้อินสิงไม่กล้าขยับเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้แล้ว

“พี่หญิง เกิดอะไรขึ้น”ไม่นานหลังจากได้ยินเสียงกรีดของไป๋หลินผู้คนรอบๆก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นทันที แน่นอนว่าชินอี้ที่มีวังอยู่ไม่ห่างจากไป๋หลินนักก็เข้ามาด้วยเช่นกัน

“ชินอี้…”ไป๋หลินปล่อยชิงชิวอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินเข้าไปกอดชินอี้เอาไว้ทันที

“เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”เหล่าทหารต่างพากันเข้ามาล้อมศาลาเอาไว้ เมื่อเห็นสภาพที่ไป๋ไป่เอาปีกจ่อไปที่อินสิงพวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแต่อย่างไร

“องค์ชายอินสิงพยายามจะลวนลามองค์หญิงไป๋หลิน พาท่านไปที่ห้องรับรอง”ชิงชิวที่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นตอบพลางบอกให้ทหารคุมตัวองค์ชายอินสิงไปที่ห้องรับรองแขกเสียก่อน

“ขะ ขอรับ”เหล่าทหารได้ยินคำสั่งก็ไม่กล้าลงมือ อีกฝ่ายเป็นองค์ชายต่างแดน ทำให้พวกมันลงมือได้ไม่ถนัดนัก

“นำทางไป”ไป๋ไป่เห็นเช่นนั้นก็ใช้ปีกของตนมัดร่างขององค์ชายเอาไว้ก่อนจะพามันตามเหล่าทหารไปทันที ส่วนชิงชิวก็สั่งให้ทหารคนหนึ่งไปรายงานให้องค์จักรพรรดิทราบ

“องค์ชายอินสิง ไม่คิดว่าท่านจะลงมือทำเรื่องเช่นนี้”หลังจากข่าวแพร่กระจายไปทั้งวังหลวง องค์ชายอินสิงก็ถูกนำตัวมาที่ท้องพระโรงเพื่อตัดสินโทษทันที แม้จะทราบความพยายามที่จะเข้าหาองค์หญิงไป๋หลิน แต่เห็นมันไม่มีท่าทีจะทำอะไรเกินเลยไป๋จูเหวินจึงห้ามอะไรไม่ได้ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้วมันก็คงปล่อยไปไม่ได้อีกแล้ว

“องค์จักรพรรดิ ได้โปรดเถอะ ข้าต้องการจะอยู่กับองค์หญิงจริงๆ”แม้จะโดนจับมาสอบสวนแต่อินสิงก็ยังไม่มีอาการจะลดละเรื่องความรักที่มีต่อไป๋หลินเลย

“องค์ชาย การฝืนความรู้สึกอีกฝ่ายเป็นเรื่องผิดนะ”ไป๋จูเหวินต่อว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมากดดันองค์ชายอินสิงเอาไว้เผื่อมันคิดจะทำอะไรไม่เข้าเรื่อง

“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ สักวันองค์หญิงไป๋หลินจะต้องเข้าใจความรู้สึกของข้าแน่ๆ”ได้ยินที่องค์ชายอินสิงพูดไป๋จูเหวินก็หลับตาลงช้าๆพลางถอนหายใจออกมา ท่าทางเช่นนี้คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

“การกระทำของท่านในวันนี้เป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมาก ข้าไม่อาจให้อภัยกับผู้ที่ทำอันตรายอะไรบุตรสาวข้าได้”ไป๋จูเหวินพูดพลางจ้องมองอินสิงนิ่ง

“พรุ่งนี้ข้าจะส่งท่านกลับอาณาจักรอิน และขอประกาศเอาไว้ในวันนี้เลยว่าองค์ชายอินสิงไม่มีสิทธิ์เข้ามาในอาณาจักรไป๋อีก และงานใดที่มีท่านอยู่ อาณาจักรไป๋จะไม่เข้าร่วม พวกเราจะไม่โจมตีท่านแต่หลังจากนี้ห้ามองค์ชายอินสิงมายุ่งเกี่ยวกับอาณาจักรไป๋อีก”ได้ยินคำตัดสินของไป๋จูเหวิน ดวงตาของอินสิงก็เบิกกว้าง

“ไม่… ข้าทำไม่ได้ ขอร้ององค์จักรพรรดิ อย่างน้อยก็ให้ข้าได้พบองค์หญิงบ้างเถิด”ได้ยินคำขอร้องของอินสิงขณะโดนลากตัวกลับไปไป๋จูเหวินและเหล่าขุนนางก็ได้แต่ส่ายหน้า พวกมันควรจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ไม่นึกว่ามันจะบานปลายเสียแล้ว