ตอนที่ 397 พยายามแก้ไข

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 397

พยายามแก้ไข

“ปล่อยข้า”ทันทีที่ร่างของอินสิงถูกผลักเข้าไปในคุกของวังหลวงมันกำพยายามหันมาทางประตูพร้อมสั่งให้ทหารปล่อยตนตามนิสัยองค์ชายทันที แต่น่าเสียดายที่วังนี้ไม่ใช่วังของมัน ทหารก็ไม่ใช่คนของมัน รวมทั้งมันยังทำผิดต่อองค์หญิงที่เป็นดั่งอัญมณีแสนสำคัญของอาณาจักรนี้อีกต่างหาก แค่มันไม่โดนโทษประหารก็ดีมากเท่าไหร่แล้ว

“อยู่ข้างในไปเงียบๆซะพรุ่งนี้เราจะส่งเจ้ากลับอาณาจักรของเจ้า”เหล่าทหารธรรมดานั้นไม่เท่าไหร่ แต่เหล่าทหารที่เป็นอสูรนั้นกลับมีท่าทีเดือดดาลมากกว่าเหล่าทหารมนุษย์มากมายหลายเท่า เจ้าหมอนี่กล้าทำร้ายจิตใจองค์หญิงผู้เป็นที่รักของพวกมัน ความผิดข้อนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจให้อภัยได้ หากไม่ใช่เพราะองค์จักรพรรดิห้ามเอาไว้พวกมันได้เข้าไปรุมยำมันในคุกก่อนส่งตัวกลับเป็นแน่

“เปิดกรง”อสูรตนหนึ่งพูดพลางเดินเข้าไปที่ประตูคุกของอินสิง

“หัวหน้า แต่องค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามทำอะไรมัน…”ทหารเฝ้าหน้าประตูพูดพลางมองมาทหารอสูรที่สั่งเปิดกรงด้วยท่าทีกังวล

“ถ้ารักษามันก่อนเช้าก็ไม่มีใครรู้แล้ว”ชายคนนั้นว่าพลางกำหมัดแน่น แต่ก่อนจะได้ทำอะไรเหล่าทหารอสูรก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรที่พวกมันคุ้นเคยเข้าเสียก่อน

“เปิดกรง”ชายที่เดินเข้ามานั้นเป็นขุนนางอสูรตนหนึ่งที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดไป๋จูเหวินอย่างมาก เพียงแต่มันไม่ได้มาเพียงตนเดียว ที่ด้านหลังของมันนอกจากไป๋จูเหวินแล้วยังมีเหม่ยหลินและชิงชิวเดินตามมาอีกด้วย

“ขะ ขอรับ”ในเมื่อคำสั่งมาจากคนของไป๋จูเหวินหรือองค์จักรพรรดิของพวกมันมีหรือที่พวกมันจะกล้าขัดขืน ทหารเฝ้าประตูก้มหน้ารับคำสั่งก่อนจะเปิดประตูกรงให้ตามที่ขอ

“ชิงชิว เจ้าลองดู”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองมาทางชิงชิว หลังจากได้สอบถามกับไป๋หลินดูแล้วก็ได้ความว่าที่อาการของอินสิงเป็นเช่นนี้น่าจะมาจากพลังของราคะด้วยส่วนหนึ่ง แน่นอนว่าหากเป็นพลังที่เกิดมาจากมารแล้ว พลังเทวะปราบมารของชิงชิวน่าจะช่วยเหลือได้ในระดับหนึ่ง

“ขอรับ”ชิงชิวพูดพลางเดินเข้าไปหาอินสิง ทำให้อินสิงมีท่าทีหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัดเพราะคนที่เตะมันจนตกศาลาก็คือชิงชิวผู้นี้นี่เอง

“ขอเสียมารยาทนะขอรับ”ชิงชิวพูดด้วยท่าทีสุภาพ แม้จะเปลี่ยนเรื่องที่ตนเองพึ่งเตะองค์ชายต่างแดนไม่ได้ก็ตาม

“เจ้า…. เจ้าจะทำอะไร”อินสิงถามพลางเบิกตากว้างเมื่อเห็นชิงขิวยื่นมือเข้ามา

“อาจจะเจ็บนิดหน่อยนะขอรับ”ชิงชิวยิ้มพลางใช้มือที่มีแสงสีขาวที่เกิดจากพลังเทวะปราบมารเข้าไปแตะร่างของอินสิง

“อัก…”อินสิงเหมือนมีอะไรจุกอยู่ลำคอก่อนจะดิ้นทุรนทุรายอยู่พักหนึ่ง ไม่นานมันก็นิ่งไปก่อนจะหมดสติล้มลงนอนไปกับพื้นห้องขัง

“เป็นอย่างไรบ้าง”เหม่ยหลินถามพลางมองอาการของอินสิง ปกติคนที่โดนพลังของราคะเข้าไปไม่ได้เป็นหนักเหมือนอินสิง อาจจะเพราะอินสิงใกล้ชิดเหม่ยหลินมากหรือแต่เดิมก็มีอารมณ์รักหลงใหลในตัวไป๋หลินอยู่แล้วถึงได้มีอาการเช่นนี้ ทำให้พวกไป๋จูเหวินเองก็ไม่มั่นใจว่าชิงชิวจะสามารถช่วยจัดการลบพลังของราคะออกไปได้หรือไม่เช่นกัน

“ขอรับ พลังของราคะน่าจะหายไปแล้ว”ชิงชิวตอบพลางถอนหายใจออกมา จริงๆการลบพลังของราคะออกไปเพียงแต่ส่งพลังเทวะปราบมารเข้าไปในร่างอินสิงก็เพียงพอแล้ว มันสมควรไม่เจ็บไม่ปวดเสียด้วยซ้ำ แต่ที่อินสิงทรมานจนสลบลงไปไม่ใช่เพราะชิงชิวฝีมือไม่ดีแต่อย่างไร เพียงแต่มันอาจจะมือลื่นไปเสียหน่อยเท่านั้น

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว พรุ่งนี้เราจะพาองค์ชายอินสิงกลับอาณาจักร ดูแลมันดีๆ”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา สมัยก่อนมันวางใจเกินไป ไม่นึกว่าไป๋หลินจะใช้พลังของราคะออกมาโดยไม่รู้ตัวแบบนี้ด้วย

“โชคดีจริงๆที่ไป๋หลินมีเจ้าอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นคงต้องขอให้อู๋หมิงมาที่นี่เท่านั้น”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มให้ชิงชิว แม้ตอนแรกชิงชิวจะเข้ามาเพียงเพื่อตามจับตัวไป๋หลินเวลาหนีเที่ยวเท่านั้นแต่เวลาผ่านไปไม่นานมันก็กลายเป็นคนที่พึ่งพาได้ขึ้นมาเสียแล้ว

“ขอรับ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มเขินๆ แม้จะไม่ทราบว่าองค์มเหสีตั้งใจหรือไม่ แต่การบอกว่าดีที่ไป๋หลินมีมันอยู่ก็ทำให้ชิงชิวดีใจอยู่ไม่น้อยเลย

“ปิดประตูกรงเอาไว้ อย่าให้ใครเข้าไปอีกจนกว่าจะเช้า”ไป๋จูเหวินสั่งพลางมองไปทางอสูรที่ทำหน้าที่เฝ้ากรงอยู่

“ขอรับ”เหล่าอสูรมีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนิดหน่อย เพราะเมื่อครู่พวกมันกำลังจะเข้าไปหาองค์ชายอินสิงเข้าพอดี ไม่ทราบว่าองค์จักรพรรดิเห็นเลยพูดเตือนพวกมันหรือไม่ แต่ท่าทางมื้ออาหารพิเศษที่หัวหน้าผู้คุมเตรียมจะจัดให้องค์ชายนั้นคงต้องเก็บเข้าครัวไปเสียแล้ว

.

.

ตุบ….เมื่อยามค่ำคืนมาถึง อยู่ๆร่างๆหนึ่งก็เดินลงมาในคุกของวังหลวงท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดของกลางดึก

“องค์ชาย”ร่างที่เดินเข้ามาในคุกไม่ได้มีท่าทีปิดบังแต่อย่างไร มันเดินเข้ามาในคุกตรงๆทำให้เหล่าทหารเฝ้ายามต่างเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนอย่างชัดเจน ซึ่งคนที่มานั้นก็คือองค์ชายไป๋ชินอี้นั่นเอง

“เปิดกรงให้ข้าหน่อย”ชินอี้ว่าพลางมองไปทางทหารยามรอบๆ

“มะ ไม่ได้ขอรับ องค์จักรพรรดิสั่งเอาไว้ว่าห้ามไม่ให้ใครเข้าไป”เหล่าทหารเฝ้าหน้ากรงต่างรีบปฏิเสธทันที ถึงจะเป็นองค์ชาย แต่คำสั่งขององค์จักรพรรดิย่อมอยู่เหนือกว่า

“ไม่เป็นไรหรอก ท่านพ่อไม่ว่าอะไรข้าหรอก”ชินอี้ว่าพลางมองไปทางอินสิงนิ่ง

“แต่ว่าองค์ชาย พวกเราไม่สามารถ…”พูดยังไม่ทันจบ อยู่ๆกลิ่นหอมที่มักจะอยู่รอบตัวชินอี้ก็จางหายไป เมื่อมองดีๆเหล่าทหารก็พบว่าชินอี้เอามีดสั้นที่เป็นต้นกลิ่นเก็บเข้าไปในแหวนมิตินั่นเอง

“องค์ชาย…”เหล่าทหารเมื่อไม่โดนกลิ่นหอมของมีดสั้นกลบกลิ่นอายของชินอี้ก็เริ่มมีท่าทีเคลิ้มอย่างประหลาด พลังดึงดูดเหล่าอสูรนั้นจะรุนแรงขึ้นเมื่อพลังวิญญาณพัฒนา ยามนี้ชินอี้ไม่ใช่เด็กที่ไร้พลังวิญญาณเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว ทำให้พลังดึงดูดเหล่าอสูรมีพลังเพิ่มขึ้นมาก แต่เพราะโดนมีดสั้นกดเอาไว้ทำให้ไม่มีใครทราบ

“ช่วยเปิดกรงให้ข้าหน่อย”ชินอี้พูดอีกครั้งพลางมองไปยังเหล่าทหารรอบๆ

“ขอรับ”ไม่มีคำว่าแต่ หรือท่าทีอิดออดแต่อย่างไร เหล่าทหารเปิดทั้งประตูหน้าของคุกหลวงกับประตูกรงขององค์ชายอินสิงออกอย่างรวดเร็ว

“อะไร”อินสิงที่พึ่งได้สติจากการกลั่นแกล้งของชิงชิวลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้า แต่เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือใครอินสิงก็ไม่มีท่าทีตกอกตกใจเท่าไหร่

“องค์ชายชินอี้ ไม่ทราบท่านมีธุระอะไรหรือ”อินสิงถามพลางลุกขึ้นมานั่งช้าๆ พลังของราคะในตัวมันพึ่งโดนกำจัดไป มันเหมือนพึ่งตื่นจากฝันอันยาวนานอย่างไรอย่างนั้นเลย

“องค์ชายอินสิง”ชินอี้ยิ้มพลางมองใบหน้าขององค์ชายอินสิงนิ่ง ยามนี้อินสิงกลับประหลาดใจขึ้นมานิดหน่อยเพราะรอยยิ้มของชินอี้นั้นไม่ทราบทำไมถึงดูชั่วร้ายอย่างประหลาด

“ข้าเคยบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามมายุ่งกับพี่สาวของข้า”ชินอี้พูดด้วยท่าทีดุดันอย่างประหลาดทำให้อินสิงนิ่งไม่ได้ตอบ เท่าที่มันจำได้เหมือนชินอี้จะพูดแบบนั้นออกมาจริงๆ แต่ตอนไหนมันก็ไม่ทราบ

“ข้าพยายามแล้วห้ามท่านดีๆแล้วแต่ท่านก็ยังทำ”ชินอี้ว่าพลางจ้องมองอินสิงนิ่ง ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อของตนเองช้าๆ

“ท่านบังคับให้ข้าต้องใช้ไม้แข็งเองนะขอรับ”ชินอี้พูดจบก็นำขวดแก้วขวดหนึ่งออกมาจากเสื้อของตน เมื่อเห็นว่าอะไรอยู่ในขวดแก้วอินสิงก็มีใบหน้าซีดเผือดทันที

“องค์ชายชินอี้ ท่านจะ….”ยังไม่ทันพูดอะไรไปมากกว่านั้นชินอี้ก็เปิดฝาออกทำให้สิ่งที่อยู่ในขวดแก้วหลุดออกมาข้างนอกทันที

“……”อินสิงมองสิ่งมีชีวิตที่เหมือนตัวหนอนที่มีลำตัวยาวและน่าขนลุกตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

“องค์ชาย ในที่สุดท่านก็ใช้ข้า”เจ้าหนอนนั่นพูดออกมาทำเอาอินสิงใจหายวาบ เจ้านี่เป็นอสูรด้วยอย่างนั้นหรือ

“อา กลิ่นอายของท่าน ช่างเหมือนสิ่งเสพติดจริงๆ”เจ้าหนอนพูดด้วยท่าทีหลงใหลพลางพยายามเลื้อยเข้ามาหาชินอี้ แต่ชินอี้พลังจ้องเจ้าหนอนนิ่งเหมือนจะบอกว่าห้ามเข้ามาแตะร่างของตนเด็ดขาด

“ถ้าเจ้าไม่ยอมทำตาม ข้าจะไม่ให้เจ้าได้สัมผัสกลิ่นอายของข้าอีก”ชินอี้พูดพลางจ้องมองอสูรปรสิตที่กำลังเลื้อยอยู่บนขวดแก้วนิ่ง

“ขอรับ ข้าทราบแล้ว”เจ้าปรสิตพูดพลางหันไปทางองค์ชายอินสิง

พรวด!! พริบตาเดียวปรสิตที่มีรูปร่างเหมือนหนอนก็พุ่งวาบเข้าใส่ร่างขององค์ชายอินสิงก่อนจะเจาะเข้าไปที่คอของมันอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ทันทีที่มันเข้าไปในคอของอินสิงแผลบนคนของอินสิงก็หายไปทันทีราวกับมีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์มารักษา

“องค์ชาย นี่มันอะ…”อินสิงยังไม่ทันพูดจบคอของมันก็เหมือนมีเชือกเข้ามารัดเอาไว้แน่น สภาพของมันตอนนี้เหมือนคนกำลังโดนมัดคอไม่มีผิด

“องค์ชายอินสิง ข้าอยากให้ท่านจำคำที่ข้าจะพูดเอาไว้ให้ดี”เมื่อชินอี้เริ่มพูดคอของอินสิงที่กำลังจะบีบรัดตัวเองจนขาดอากาศหายใจก็คลายลงช้าๆ

“อสูรปรสิตตนนี้ต่อให้เป็นคนระดับยอดฝีมือหากมันเจาะเข้าไปได้ก็ไม่รอดหรอกนะ และข้าจะฝังมันเอาไว้ในตัวท่านแบบนี้ไปตลอดเพื่อไม่ให้ท่านทำผิดกฎที่ข้ากำลังจะให้ท่านปฏิบัติตาม”ชินอี้พูดจบเจ้าปรสิตในร่างของอินสิงก็รัดคออินสิงเบาๆทีหนึ่ง เจ้านี่รัดหลอดลมโดยตรงทำให้ไม่สามารถใช้กล้ามเนื้อฝืนได้เลย แม้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะกลั้นหายใจได้นาน แต่หากโดนรัดนานมากๆทั้งเลือดทั้งอากาศไม่ไปเลี้ยงร่างกายและสมองก็ตายอยู่ดี

“ข้อแรก ท่านห้ามมาให้พี่สาวของข้าเห็นหน้าอีก”ชินอี้พูดพลางจ้องมองใบหน้าของอินสิงด้วยสายตาโหดเหี้ยม สายตาของมันบอกอินสิงว่าหากไม่ทำตามมันจะทำให้อินสิงนั้นตายจริงๆ

“ข้อสอง ห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง และทำเหมือนท่านหมดรักในตัวพี่สาวของข้าแล้ว และไม่อยากเจอนางอีกเข้าใจหรือไม่”ชินอี้ตั้งกฎจบอสูรปรสิตก็ปล่อยคอของอินสิงทันที ทำให้มันกลับมาหายใจได้อีกครั้ง

“ขะ เข้าใจแล้ว”อินสิงที่ไม่โดนพลังของราคะครอบงำแล้วก็ไม่ต่างจากองค์ชายองค์อื่นๆที่มองไป๋หลินเพียงความงามและหลงรักอยากจะได้มาเป็นชายาเท่านั้น ไม่ได้หลงหัวปักหัวปำเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว

“ดี”ชินอี้ยิ้มพลางมองไปทางเหล่าอสูรรอบๆ

“พวกเจ้าเองก็ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเข้าใจหรือไม่”ชินอี้ถามพลางมองไปรอบๆ ซึ่งเวลานี้มีแต่ทหารอสูรเท่านั้น และคุกของอาณาจักรไป๋ก็ว่างมานานแล้วด้วยทำให้มีเพียงองค์ชายอินสิงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นมนุษย์ในคุกแห่งนี้

“ขอรับองค์ชาย”เหล่าอสูรที่อยู่ภายใต้พลังของชินอี้ตอบรับอย่างง่ายดายก่อนที่ชินอี้จะเอามีดสั้นออกมาจากแหวน ทำให้กลิ่นอายของมันโดนกลบหายไปอีกครั้ง

“….”เหล่าอสูรมีท่าทีเสียดายทันทีที่ไม่ได้สัมผัสกลิ่นอายของชินอี้อีก ทำเอาพวกมันมีท่าทีหงอยๆขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ต่อไปก็…”ชินอี้พูดลอยๆออกมาพลางมองไปทางวังของพี่สาว แต่เป้าหมายที่มันมองกลับไม่ใช่วังของไป๋หลิน แต่กลับมองไปเพราะทราบว่ามีชายผู้หนึ่งอยู่ที่นั่นต่างหาก