ตอนที่ 663 มาดื่มชา

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 663 มาดื่มชา

“อืม…เจ้าพูดมาเถิด” อิ่งจือก็ใจลอยจนคิดมิออกว่าเมื่อครู่อันหลิงเกอกล่าวถึงไหนแล้ว สิ่งสำคัญสำหรับทั้งคู่มิใช่เนื้อหาของเรื่องราวเหล่านี้ ดังนั้นหลังจากสนทนากันมิเท่าไรก็พบว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว

มื้อกลางวันนี้อันหลิงเกออยู่ทานข้าวกับอิ่งจือ แต่คาดมิถึงว่ารสชาติอาหารของอิ่งจือจะจืดชืดถึงเพียงนี้ อาหารที่เขาชอบส่วนใหญ่ล้วนเป็นจำพวกผักของเผ่าพิษหนอนกู่

อันหลิงเกอมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะก็รู้สึกใจกระตุกขึ้นมา นางชอบทานอาหารเหล่านี้มาก แต่อิ่งจือเห็นนางมิขยับก็คิดว่านางคงไม่ชอบทานจึงจะให้คนมายกออกไปแต่ถูกอันหลิงเกอห้ามไว้เสียก่อน

“ในอดีตท่านแม่ของเจ้าก็ชอบทานอาหารเหล่านี้ใช่หรือไม่ ? ” อันหลิงเกอคีบเต้าหู้ชิ้นหนึ่งเข้าปาก เมื่อกลืนลงไปแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมา

“ใช่ นางชอบทานจานที่เจ้าเพิ่งทานไปเมื่อครู่” อิ่งจือนิ่งไป หลังจากนั้นก็มองไปที่จานอาหารและตอบอย่างใจลอย

อันหลิงเกอได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงไปเล็กน้อยเพราะนางเองก็ชอบอาหารจานนี้เช่นกัน

จากนั้นอันหลิงเกอและอิ่งจือก็ไม่มีผู้ใดพูดออกมาอีก แค่นั่งทานอาหารร่วมกันเท่านั้น

ตอนที่ทานข้าวอยู่นั้นอันหลิงเกอก็ลอบสังเกตสีหน้าของอิ่งจือครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าของเขายังเป็นปกติจึงได้เบาใจ

เพราะนางกลัวว่าจักเป็นสาเหตุทำให้เขานึกถึงเรื่องเสียใจขึ้นมาอีก แต่โชคดีที่เขามิได้เป็นอันใด

อันหลิงเกอรู้สึกสบายใจจึงทานได้เร็วและเยอะขึ้น อิ่งจือที่เห็นเช่นนั้นก็คีบอาหารให้นางมิหยุด

อันหลิงเกอทานเสร็จก็เงยหน้ามองอิ่งจือจึงพบว่าถ้วยของเขาไม่มีร่องรอยของการทานข้าวแม้แต่น้อยเพราะเขาแค่มองนางเท่านั้น

ทำให้บนตะเกียบของเขามีเพียงร่องรอยของอาหารที่คอยคีบให้นาง อันหลิงเกอจึงอดแปลกใจมิได้ว่าเหตุใดอิ่งจือมิทานอันใดเลย หรือเขาไม่ชอบทานอาหารเหล่านี้ ?

“เจ้ามิชอบทานหรือ ? ” อันหลิงเกอคิดได้ว่าอิ่งจือคงอยากต้อนรับนางจึงตั้งใจเตรียมอาหารเหล่านี้เอาไว้ นางรู้สึกลำบากใจมิน้อยจึงเอ่ยถามขึ้นมา แต่อิ่งจือเพียงส่ายหน้าก่อนจะหยิบตะเกียบอีกครั้ง

เมื่อครู่เขามัวมองนางจนลืมทาน ตอนนี้เพิ่งรู้สึกว่าตนเสียมารยาทจึงรีบหยิบตะเกียบขึ้นมาทานข้าวบ้าง

อันหลิงเกอเห็นเขาทานข้าวแล้วก็สบายใจจึงได้รินชาถ้วยหนึ่งให้ตนโดยมิทันสังเกตว่าตอนนี้อิ่งจือกำลังเงยหน้ามองนางอยู่

อันหลิงเกอจิบชาเล็กน้อยก็รับรู้ได้ถึงความหวานสดชื่นของชา รสชาติที่ค้างอยู่จะเย็นเล็กน้อยแต่ลิ้นเต็มไปด้วยความรู้สึกชา แม้แปลกแต่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง

“นี่คือชาอันใด รสชาติดียิ่งนัก” อันหลิงเกอเอ่ยถามพร้อมดื่มชาที่เหลืออยู่ในถ้วยจนหมดพลางมองไปยังอิ่งจือ

“นี่เป็นชาที่ชงจากสมุนไพร เจ้าชอบหรือ?” อิ่งจือเงยหน้าพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อย เขามองอันหลิงเกอพร้อมรอยยิ้ม

“อืม ข้าชอบ” อันหลิงเกอรินชาให้ตนอีกถ้วยหนึ่งก็พบว่ามี*โป้เหอลอยอยู่ในถ้วยชาด้วย เมื่อครู่รู้สึกว่าชามิได้สูญเสียรสชาติไปแม้แต่น้อย นางเพิ่งเคยเห็นการผสมที่แปลกประหลาดเช่นนี้ครั้งแรก

“หากเจ้าชอบ ข้าจักสั่งคนจัดให้เจ้านำกลับไปด้วย” อิ่งจือเห็นอันหลิงเกอชอบก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก เขาตื่นเต้นจนจะเรียกสาวใช้ให้แบ่งชาใส่ห่อสำหรับอันหลิงเกอ

“มิเป็นไรเพราะข้าก็มารบกวนเจ้าที่นี่ทุกวันอยู่แล้ว” อันหลิงเกอหาเหตุผลดี ๆ ให้แก่ตนเองได้แล้ว เวลาล่วงเลยไปจนตอนนี้อาหารได้เย็นชืดหมด อิ่งจือก็ไม่มีอารมณ์จะทานต่อจึงเรียกให้คนมาเก็บอาหารบนโต๊ะออกไป

หลังทั้งสองคนทานอาหารเสร็จ อันหลิงเกอจึงดื่มชาไปอีกหลายถ้วยแล้วขอตัวกลับ ทำให้อิ่งจือรู้สึกดีใจมิน้อย แม้ดูเหมือนอันหลิงเกอมารบกวน แต่สำหรับเขาแล้วมีความสุขยิ่งนัก

เมื่ออันหลิงเกอกลับถึงเรือนฝูหลิง ภายในปากยังคลุ้งไปด้วยรสหวานสดชื่นของชา กลิ่นของโป้เหอยังชัดเจน นางจึงได้นอนหลับไปพร้อมความสดชื่นนั้น

ตั้งแต่มาอยู่ที่จวนอ๋องมู่อีกครั้ง นางยังมิเคยนอนกลางวันมาก่อน แต่วันนี้ได้ดื่มชาของอิ่งจือแล้วนางกลับนอนหลับได้สบายยิ่งนัก เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามู่จวินฮานเข้ามาหาโดยที่นางมิทันรู้สึกตัวแม้แต่น้อย

“อืม…” อันหลิงเกองัวเงียขึ้นมา ก่อนจะยืดแขนออกและมองไปที่มู่จวินฮาน ตอนเขามองนางที่ยังสะลึมสะลืออยู่นั้นก็รู้สึกใจเต้นแรงโดยมิรู้ตัว

เมื่ออันหลิงเกอลืมตาขึ้นมองมู่จวินฮานที่อยู่ตรงหน้า แววตาของเขาช่างอ่อนโยนจนทำให้นางอดนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อนมิได้ ทั้งสองคนมักอ่อนโยนต่อกันเช่นนี้เสมอ ทว่าสิ่งที่เกิดหลังจากนั้นก็มิเหมือนเดิมอีกแล้ว

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ดวงตาของอันหลิงเกอก็เข้มขึ้นแต่มินานก็กลับมาเป็นปกติ ทำให้มู่จวินฮานมิทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของนาง เขาแค่นั่งลงก่อนจะประคองนางให้ลุกขึ้นนั่งและปล่อยให้อันหลิงเกอพิงไหล่เอาไว้

อันหลิงเกอนั่งพิงไหล่มู่จวินฮานอยู่ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นกายและความอบอุ่นจากเขา รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยและการปกป้อง นางมิได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มานานมากแล้วจึงทำให้ความอบอุ่นใจหวนคืนมาอีกครั้ง

อันหลิงเกอถูใบหน้ากับไหล่ของเขาไปมาทำให้มู่จวินฮานรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก เมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนเช่นนี้ของนางแล้ว เขาก็อยากอยู่ใกล้และมอบความอบอุ่นเช่นนี้ให้นางเรื่อยไป

เวลานี้ทั้งสองคนราวกับคู่รักที่รักกันมายาวนาน คล้ายที่ผ่านมามิเคยเกิดเรื่องขัดแย้งมาก่อน ความทุกข์และความเข้าใจผิดทั้งหลายมลายหายไปจนสิ้น ตอนนี้จึงมีเพียงความสุขที่โอบล้อมคนทั้งคู่เอาไว้

หลังทั้งคู่ทานมื้อค่ำด้วยกันเสร็จ อันหลิงเกอก็มาที่ถ้ำน้ำแข็งของอิ่งจืออีกครั้ง นางมิรู้ว่าเหตุใดตั้งแต่ที่ดื่มชาของเขาไปก็เหมือนเสพติดจนมิสามารถดื่มชาอื่นได้อีก

อันหลิงเกอมาที่นี่เพราะต้องการดื่มชา แต่คงมิเหมาะหากจะกล่าวออกไปตามตรง นางจึงนั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับอิ่งจือไปด้วย

ขณะที่สนทนากัน อันหลิงเกอก็ยังสนใจชาอยู่เช่นนั้นถ้วยแล้วถ้วยเล่าราวกับมิได้สนใจพูดคุยกับอิ่งจือมากนัก

อิ่งจือดูออกว่าจุดประสงค์แท้จริงของอันหลิงเกอคือสิ่งใดจึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจและแอบเติมชาให้นางอีกหนึ่งกา ส่วนอันหลิงเกอก็มิรู้ว่าเหตุใดจึงชอบชาสมุนไพรนี้ราวกับเสพติดก็มิปาน

หากในใจของนางไม่มีมู่จวินฮานจะดีแค่ไหนกันเชียว ความคิดที่ผุดขึ้นมาทำให้อิ่งจืออดตกใจมิได้ เหตุใดเขาจึงเกิดความคิดเช่นนี้เล่า ?

อิ่งจือส่ายหน้าคล้ายต้องการสลัดความคิดไร้สาระในหัวทิ้งไป

อันหลิงเกอเห็นเขาส่ายหน้าเช่นนั้นก็สงสัย ขณะที่อิ่งจือจับศีรษะของตนอยู่ก็สบเข้ากับดวงตาที่มองมาอย่างค้นหาของนางพอดี พริบตานั้นอิ่งจือก็รู้สึกว่ากำลังถูกนางดึงดูดจนมิสามารถละสายตาจากนางได้

แต่อันหลิงเกอมิรู้ว่าเหตุใดเขาจึงได้จ้องนางเพียงนี้ นางเบือนหน้าหนีอย่างเก้อเขินและกระดากอาย อิ่งจือที่เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังเสียมารยาทจึงหัวเราะแห้งออกมา ก่อนจะเบนสายตาหนีไปทางอื่น

ทว่าหัวใจของอิ่งจือยังอยู่ที่อันหลิงเกอจึงมิสามารถหนีไปไหนพ้นแล้ว

อันหลิงเกอเห็นท่าทางสับสนของอิ่งจือก็มิรู้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเขามิต้องการกล่าวออกมาจึงไม่เหมาะที่จะเอ่ยถาม นางจึงเดินเลี่ยงออกมาในขณะที่เขามิทันรู้ตัว เพื่อไม่เป็นการเพิ่มความอึดอัดให้แก่ทั้งสองคนไปมากกว่านี้

*โป้เหอ หมายถึง สะระแหน่