ตอนที่ 422 กู้จื่อหยวนมาแล้ว / ตอนที่ 423 รอให้ได้ชัยชนะ ข้าจะแต่งงานกับเจ้า

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 422 กู้จื่อหยวนมาแล้ว

 

 

“พี่ใหญ่พูดถูก ไม่ว่าข้าจะมีฐานะอะไร ข้าก็คือญาติของเจ้า”

 

 

ฟู่เฉินหรงจงใจตัดคำว่าน้องชายออก ตั้งแต่รู้ฐานะของซูจิ่วซือ เขาเริ่มถือว่ากู้หลียวนเป็นลูกชาย

 

 

ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้เขาก็นึกขำ ถ้าซูจิ่วซือพูดเรื่องนี้ไปแล้ว เขาก็จะบอกความคิดของเขาให้กู้หลียวนรู้ จะได้ดูว่ากู้หลียวนจะมีสีหน้าอย่างไร คงตลกแน่

 

 

“ข้าจะไปเดินกับจิ่วซือ เจ้าสองคนเชิญตามสบาย”

 

 

เดิมทีฟู่เฉินหรงอยากจับมือซูจิ่วซือ แต่ซูจิ่วซือเลี่ยง เพราะมีผู้คนมากมาย นางต้องระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ฟู่เฉินหรงหน้าด้านไม่รู้จักอาย แต่นางทำอย่างนี้ไม่ได้

 

 

ทั้งสองเดินตามกันออกไปจากลานด้านหน้า พอไปถึงที่ลับตาคน ฟู่เฉินหรงก็ไม่ใส่ใจอะไรรีบจับมือซูจิ่วซือ “เจ้าคิดได้อย่างไรนี่ แกล้งจูอวี้ซิ่วอย่างนี้ จวนซิ่นอ๋องต้องอาละวาดแน่”

 

 

“ในเมื่อเป็นศัตรู ก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอะไร ไม่ต้องออมมือ ถ้าข้าไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน จูอวี้ซิ่วคงจัดการข้า

 

 

ผู้หญิงคนนี้หลงตัวเอง จิตใจคับแคบ ข้าคาดว่านางคงเป็นคนชอบทำตัวเด่น ความสัมพันธ์กับฟู่เยว่อี้คงไม่ดีเหมือนที่เห็นภายนอก ช่องว่างนี้เป็นเรื่องดี ใช้เป็นประโยชน์ได้”

 

 

“ฟู่เยว่อี้ข้าเคยเจอหลายครั้ง นางเป็นคนระงับความรู้สึกได้ดี”

 

 

“ข้าดูออก นางรับมือยากกว่าจูอวี้ซิ่วมาก แต่ไม่เป็นไร ยิ่งยากยิ่งดี ชีวิตจะได้มีอะไรสนุก”

 

 

ซูจิ่วซือสีหน้าไม่ใส่ใจ นางพูดอย่างนี้เป็นการปลอบใจฟู่เฉินหรง นี่คือเส้นทางที่ทั้งสองเดิน ต้องก้าวให้พ้นจึงจะรอด

 

 

“จิ่วซือ เจ้าต้องระวัง เวลานี้มีอันตรายรอบด้าน พวกนั้นจ้องเจ้าอยู่”

 

 

“ตั้งแต่ข้าตั้งหลักได้ ข้าก็เผชิญหน้าอันตรายรอบด้าน คุ้นเคยดี เฉินหรง บนเส้นทางที่ยากลำบาก ข้าจะเดินไปกับเจ้า”

 

 

ฟู่เฉินหรงจับมือซูจิ่วซือ เอามาไว้ที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ “ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป”

 

 

ซูจิ่วซือไม่พูดไม่จา ได้แต่ยิ้มน้อยๆ แล้วจู่ๆ ก็ถาม “อ้อใช่ ข้าได้ข่าวว่าแคว้นเว่ยส่งทูตมาถวายพระพรฝ่าบาทในโอกาสเฉลิมพระชนม์พรรษา ส่งใครมาหรือ”

 

 

ฟู่เฉินหรงก็จะบอกซูจิ่วซืออยู่แล้ว เขาชะงักครู่หนึ่งแล้วตอบ “จื่อหยวน”

 

 

“ฝ่าบาทส่งเขามา”

 

 

พอได้ยินว่าเป็นกู้จื่อหยวน ซูจิ่วซือก็ประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกู้จื่อหยวน

 

 

“เวลานี้เขาเป็นขุนนาง สืบทอดตระกูลกู้ ข้าสืบแน่ชัดแล้ว ทูตครั้งนี้เป็นจื่อหยวนจริงๆ ออกเดินทางหลายวันแล้ว อีกไม่นานคงจะถึงตูเฉิง จิ่วซือ เวลานี้จื่อหยวนแค้นเราสองคนมาก เขามาครั้งนี้คงเกิดเรื่องแน่”

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว ซิ่นอ๋องจะปล่อยให้โอกาสดีผ่านไปได้อย่างไร แม้เวลานี้ฝ่าบาทจะสนับสนุนเจ้าอย่างเปิดเผย แต่ซิ่นอ๋องก็โจมตีเจ้าลับหลัง ข้ารู้ว่าเจ้าทำอะไรลำบาก ถูกซิ่นอ๋องกดดันรอบด้าน”

 

 

“ซิ่นอ๋องวางสายไว้ทุกที่ พวกนี้เราต้องกำจัดทีละคน ไม่เป็นไร คนของซิ่นอ๋องควบคุมกรมลี่ปู้ได้ แต่ยังควบคุมกรมอาญาไม่ได้ เราช่วงชิงกรมอาญาได้”

 

 

“มู่หย่งอยู่กรมอาญา แต่เวลานี้เขายงไม่แสดงท่าที ตระกูลมู่แม้มุ่งแต่รักษาตัวรอด แต่ก็มีความจงรักภักดี ไม่ช่วยซิ่นอ๋องแน่ วันหลังตระกูลมู่คงอยู่ข้างเจ้า”

 

 

ฟู่เฉินหรงพยักหน้า เรื่องทางตระกูลมู่เขาไม่ห่วง ถึงไม่สนับสนุน แต่ก็ไม่วางตัวเป็นศัตรูกับเขา เวลานี้ปัญหาสำคัญของเขาคือไม่มีอำนาจทางการทหาร

 

 

อำนาจทางการทหารทั่วทั้งแคว้นเจียงถูกซิ่นอ๋องกับจวนแม่ทัพสยบปฐพีแบ่งกันครึ่งต่อครึ่ง ซิ่นอ๋องจึงไม่กล้าก่อกบฏอย่างเปิดเผย เพราะคำนึงถึงกองทัพตระกูลเฟิงของจวนแม่ทัพสยบปฐพี และจวนแม่ทัพสยบปฐพีก็ทำอะไรซิ่นอ๋องไม่ได้ ต่างก็ควบคุมกัน!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 423 รอให้ได้ชัยชนะ ข้าจะแต่งงานกับเจ้า

 

 

เมื่อไม่มีอำนาจทางการทหารจึงตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ แม้ซุ่นตี้จะมอบหมายงานป้องกันตูเฉิงให้ฟู่เฉินหรง แต่ในนี้มีสายของซิ่นอ๋องอยู่ แต่ก็ยังไม่พอ อำนาจทางการทหารของซิ่นอ๋องเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงสำหรับฟู่เฉินหรง เว้นแต่ว่าเขาจะได้อำนาจทางการทหารของจวนแม่ทัพสยบปฐพี

 

 

เฟิงเชียนกับเฟิงชิงสุ่ยมีบารมีมากในกองทัพ

 

 

ฟู่เฉินหรงแม้เป็นรัชทายาท แต่เขาเพิ่งมาแคว้นเจียง เขาอยู่ที่แคว้นเว่ยตั้งแต่เล็กจนโต คนที่ติดตามเขามีแต่ขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่มีขุนนางฝ่ายบู๊เลย เขาไม่มีบารมีในกองทัพ และไม่สามารถสั่งการได้ เขาจำเป็นต้องสร้างกองทัพของตน

 

 

กองทัพต้องสร้างผลงานการสู้รบ เขาจำเป็นต้องเข้าสู่สนามรบจริงๆ เพื่อสร้างผลงาน จึงจะมีบารมีในกองทัพอย่างแท้จริง จากนั้นจึงจะได้รับการสนับสนุนและมีอำนาจทางการทหาร

 

 

เขาจึงตัดสินใจไว้แล้ว แต่การไปคราวนี้อันตรายมาก จึงไม่ได้บอกซูจิ่วซือ แต่คงปิดได้ไม่นาน เขาครุ่นคิด แล้วตัดสินใจบอกซูจิ่วซือ

 

 

“จิ่วซือ ซาหลัวรุกรานชายแดนแคว้นเจียงหลายครั้ง ราษฎรเดือดร้อน ข้าปรึกษากับพระอัยกาแล้ว ครั้งนี้พระองค์ให้ข้านำทหารไปรบ”

 

 

พอได้ยินอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็เข้าใจความหมายของฟู่เฉินหรงทันที

 

 

เขาอยากถือโอกาสนี้สร้างบารมีในกองทัพ หากเขาปราบซาหลัวอย่างราบคาบ ได้รับชัยชนะครั้งนี้ ย่อมสร้างบารมีในกองทัพได้ และได้รับการสนับสนุนจากบรรดาทหาร

 

 

เมื่อมีผู้สนับสนุน ฐานะของเขาย่อมมั่นคง ขุนนางและราษฎรย่อมยอมรับรัชทายาทที่เติบโตในแคว้นเว่ย จะเป็นผลดีต่อเขา แต่เขาทำอย่างนี้ก็เสี่ยงอันตรายมาก

 

 

ในสนามรบกระบี่ดาบไร้ความปราณี และฟู่เฉินหรงก็ไม่เคยนำทหารสู้รบ เมื่อก่อนเขาเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่มีชีวิตสุขสบาย ไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เป็นไปได้มากว่าอาจจะตายที่ชายแดน

 

 

ซาหลัวเป็นชนเผ่าเร่ร่อน นิสัยดุร้าย ปล้นชิงฆ่าเผาไปทั่ว เป็นศัตรูที่น่าปวดหัวของแคว้นเจียงมาตลอด

 

 

รุกรานชายแดนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่สามารถปราบปรามอย่างราบคาบ แม้แต่กองทัพตระกูลเฟิงก็ทำไม่ได้ สงบได้ไม่กี่ปี ไม่นานก็เกิดสงครามขึ้นอีก

 

 

แคว้นเจียงเคียดแค้นซาหลัวเข้ากระดูก แต่ก็จนปัญญา เวลานี้ซาหลัวยิ่งเหิมเกริม ซุ่นตี้ทรงปรารถนาที่จะกำจัดซาหลัวให้สิ้นซาก

 

 

พระองค์ให้ฟู่เฉินหรงยกทัพออกไปรบ เป็นภารกิจที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่สถานการณ์เวลานี้ จำเป็นต้องไป

 

 

แม้ฟู่เฉินหรงกลับมาแคว้นเจียงแล้ว ไม่มีใครสงสัยในสายเลือดของเขา แต่เขาเติบโตในแคว้นเว่ย ราษฎรและขุนนางแคว้นเจียงส่วนหนึ่งภายนอกจงรักภักดีต่อฟู่เฉินหรง แต่ในใจยังไม่ยอมรับ

 

 

เขาจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อสร้างบารมี และนี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็เสี่ยงที่สุด

 

 

ซูจิ่วซือไม่พูดไม่จา ฟู่เฉินหรงดูสีหน้าของซูจิ่วซืออย่างระมัดระวัง ซูจิ่วซือหันมามองฟู่เฉินหรง แววตาจริงจัง “ข้าจะอยู่ที่นี่รอเจ้ากลับมา ไม่ว่านานแค่ไหน ข้าก็จะรอ ข้ารู้ว่าทำไมเจ้าต้องตัดสินใจอย่างนี้ ข้าสนับสนุนเจ้า”

 

 

เดิมทีฟู่เฉินหรงกลัวว่าซูจิ่วซือจะห้าม เขายื่นมือไปกอดซูจิ่วซือ “จิ่วซือ ขอบใจ ข้าทูลบอกพระอัยกาเรียบร้อยแล้ว รอให้ข้าได้รับชัยชนะกลับมาจะขอแต่งงานกับเจ้าอย่างเป็นทางการ เจ้าอยู่ที่นี่รอข้า ข้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่”

 

 

“ดูแลตัวเองให้ดี อย่าให้บาดเจ็บ ข้าเป็นห่วง”

 

 

ซูจิ่วซือยื่นกำไลไปเบื้องหน้าฟู่เฉินหรง เรื่องนี้ฟู่เฉินหรงรู้สึกละอายใจมาก เขากอดซูจิ่วซือไว้แน่น ถอนหายใจเบาๆ “ถ้ารู้ว่ากำไลเป็นอย่างนี้ ข้าไม่ให้เจ้าใส่แน่”

 

 

“อย่างนี้ก็ดีแล้ว ถึงข้าไม่ได้อยู่ใกล้เจ้า ข้าก็ยังรู้ว่าเจ้าปลอดภัยหรือไม่ เฉินหรง ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าสบายดี จำไว้ว่า ข้าอยู่รอเจ้าที่นี่”