“ไม่มีทาง! จะเป็นไปได้ยังไง?”
“ศิษย์พี่โปรดพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง!”
“อาณาจักรลับในตำนานเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสมาคมแก่นแท้ยุทธ์ของเรา เฟิงหลินเป็นเพียงบุคคลภายนอก เราจะอนุญาตให้เขาเข้าสู่อาณาจักรลับง่ายๆได้ยังไง?”
…
หลังจากที่จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์พูด ผู้คนในบริเวณนั้นก็ตกตะลึงอย่างมาก พวกเขาเริ่มคัดค้านเสียงดัง พวกเขาไม่มีทางยอมรับสิ่งนี้
กระนั้นจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่สนใจ เธอถามเสาเหล็กว่า “นายคิดว่าไง?”
“ ผมรู้สึกว่าเราควรพาเขาไปด้วย” ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของทุกคน เสาเหล็กกลับเห็นด้วย
“อะไรนะ?” คนเหล่านี้ไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน
พวกเขารู้ว่าเสาเหล็กเป็นคนที่มีหัวใจหนักแน่นสุด เขาจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ของศิษย์พี่ได้ยังไง?
พวกเขาไม่เข้าใจ
“ผมสนใจความจริงไม่ใช่บุคคล” เสาเหล็กส่ายหัว “อาณาจักรลับในตำนานนี้มีความลับมากมายและมีโอกาสทุกที่ถ้าเราพาเขาไปเราอาจหาแหล่งไฟที่แท้จริงเจอ และยาเซียนร่วงโรยจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แบบและศิษย์พี่จ้าวก็สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อข้ามไปยังอาณาจักรผู้ใช้ยีนระดับสูงได้ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ตอนนั้นสมาคมของเราสามารถขยายและเติบโตให้แข็งแกร่งขึ้นได้ในมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง”
“มหาวิทยาลัยของเรามีการแข่งขันที่เข้มข้นมาก สมาคมของเราเพิ่งจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู แม้ว่าศิษย์พี่จะได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่ง แต่ตราบใดที่เราไม่มีผู้ใช้ยีนระดับสูง เราจะด้อยกว่าคนอื่น รากฐสยของเราอ่อนแอเกินไป ในฐานะที่เป็นสมาคมเล็ก ๆ มีเพียงการกล้าได้กล้าเสี่ยงเราถึงมีหวังไล่ตามขุมอำนาจอื่น!” ‘
“ ไม่เลวนี่เป็นสิ่งที่ฉันคิดเช่นกัน” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์พยักหน้า
เมื่อเห็นทั้งสองคนนี้เห็นด้วย แม้ว่าคนเหล่านั้นจะยังรู้สึกลังเล แต่พวกเขาก็จำต้องยับยิ่งสิ่งนี้ไว้ชั่วคราว เพียงแต่สีหน้ายังมีความไม่พอใจอยู่
ที่ในการเข้าสู่อาณาจักรลับในตำนานนั้นมีจำกัด และมีค่ามาก ศิษย์พี่จ้าวจัดการหามาได้ แต่ตอนนี้พวกเขาต้องยอมเสียหนึ่งที่ให้เฟิงหลิน คนเหล่านี้รู้สึกไม่ดี
พวกเขาตำหนิตัวเองอย่างเงียบ ๆ ว่าไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือศิษย์พี่ของพวกเขาได้เลยเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะระดับสูง
พวกเขาตั้งใจแน่วแน่อย่างเงียบ ๆ ว่าพวกเขาจะฝึกหนักยิ่งขึ้น มันต้องมีวันที่พวกเขาสามารถช่วยศิษย์พี่ของพวกเขาในการขยายสมาคม ทำให้สมาคมพวกเขากลายเป็นสมาคมอันดับหนึ่งในมหาวิทยาลัย
“ เนื่องจากไม่มีการคัดค้านเรื่องนี้ อีกห้าวันเราจะไปสำรวจอาณาจักรลับในตำนาน ฉันจะนำเฟิงหลินและเสาเหล็กไปด้วย” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์กล่าว
ทุกคนทำได้แค่พยักหน้าอย่างไร้ประโยชน์
เฟิงหลินลดใบหน้าลง แต่เขารู้สึกดีใจอยู่ข้างใน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในที่สุดเขาก็ได้รับคุณสมบัติในการเข้าสู่อาณาจักรลับในตำนาน
…
ห้าวันผ่านไปเร็วเหมือนกระพริบตา
เฟิงหลิน จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์และเสาเหล็กมารวมตัวกัน จากตำแหน่งของพวกเขา พวกเขาสามารถเห็นกระสวยอวกาศรูปวงแหวนลอยอยู่ด้านบนของป้อมปราการดวงดาว ดูเหมือนว่าจะรออยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานาน
ใกล้กับกระสวยอวกาศมีอีกสี่ทีมยืนอยู่
“นี่คือใคร?” เมื่อเฟิงหลินปรากฏตัวขึ้น เขาดึงความสนใจจากคนอื่นทันที
ชายผมทองจ้องมองที่เฟิงหลินอย่างกับต้องการมองเขาให้ทะลุ
“จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ เธอไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ? เราระบุไว้อย่างชัดเจนก่อนหน้านี้ว่าอาณาจักรลับในตำนานเป็นความลับร่วมกันของห้าสมาคมของเรา และเราไม่สามารถให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปได้” เขาถามด้วยน้ำเสียงกดขี่
“นี่คือเฟิงหลิน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยาและได้สร้างเทคนิคการปรุงแต่งยาของตัวเอง เขาสามารถฟื้นฟูยาเซียนโบราณได้ 50%” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์พูดอย่างใจเย็น เธอพูดต่ออย่างสงบ “จากความสามารถของเขา เขาจะสามารถช่วยเราในอาณาจักรลับในตำนานได้ “
“ อืม ฟื้นคืนยาเซียนโบราณด้วยความสามารถของเขา?” ชายผมทองพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก เขาเหลือบไปที่เฟิงหลินด้วยใบหน้าที่ดูไม่เชื่อ
ผู้บ่มเพาะระดับสูงสามารถฟื้นคืนเม็ดยาเซียนโบราณได้จริงๆ?
เธอโกหกใครอยู่?
หัวหน้าทีมอีกสามคนพูดออกมาด้วยความรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ถูกต้องแล้วจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ เธอไม่ควรพูดเรื่องโกหก ไร้สาระ! “
“ ที่ว่างในการเข้าไปอาณาจักรลับในตำนานมีจำกัด ถ้าเธอไม่ต้องการใช้มัน เธอจะมอบให้เราก็ได้ ไม่จำเป็นต้องคิดหาเหตุผลที่ไร้สาระและเสียที่ว่างไปโดยไร้ประโยชน์เลย”
“ถูกต้องแล้วแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเธอทำข้อตกลงแบบใดกับเด็กเหลือขอนี่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะใช้หนึ่งที่ว่างในการเข้าสู่อาณาจักรลับ”
…
กลิ่นอายของหัวหน้าสี่คนนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ไม่ได้ด้อยกว่าจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์แต่อย่างใด
จ้าว เยวี่ยเอิ๋อร์เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในระดับผู้ใช้ยีน อย่างไรก็ตามฐานการบ่มเพาะของคนเหล่านี้อาจอยู่ในอาณาจักรใช้ยีนระดับสูงแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวเธอเลย
ทุกคนจ้องมองไปที่เฟิงหลินด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม คำพูดของพวกเขาแสดงความรู้สึกที่มีต่อเฟิงหลินได้อย่างชัดเจน
เฟิงหลินยังไม่ไหวติง เหมือนว่าคนเหล่านี้ไม่ได้พูดถึงเขา
ตอนนี้เขาอยู่กับจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์เธอต้องก้าวออกมาและจัดการเรื่องนี้
จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์เป็นผู้นำ ถ้าเขาก้าวออกไปจัดการคนเหล่านี้ ผลลัพธ์ก็จะเป็นลบมากกว่าเดิม
หากจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์เลือกที่จะหลบเลี่ยงปัญหายุ่งยาก เฟิงหลินก็จะต้องพิจารณาว่าการตัดสินใจที่จะยึดติดกับเธอเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่
ถ้าไม่เขาอาจถูกโกง ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
โชคดีที่จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ในไม่ช้าเธอก็ออกมาจัดการตามหน้าที่ของเธอ
ท้ายที่สุดแล้วเฟิงหลินเป็นคนที่เธอพามาที่นี่ เธอจะปล่อยให้คนอื่นมาพูดจาแย่ๆใส่เขาได้ยังไง?
เธอยื่นผลึกยาที่เปล่งแสงลึกลับออกมา เมื่อเธอหยิบมันออกมาความสนใจของทุกคนก็หันไปทางนั้น
ฐานการบ่มเพาะของทุกคนที่นี่ไม่อ่อนแอ พวกเขาสามารถรู้สึกถึงปริมาณยาที่มีอยู่ภายในผลึกได้อย่างชัดเจน เพียงแค่สูดดมกลิ่นหอมของมัน พลังทางพันธุกรรมของพวกเขาเริ่มสั่นคลอนด้วยความตื่นเต้น
“ นี่คือ…?” สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เธอจะขายมันราคาเท่าไหร่?”
“ฉันยินดีจ่ายด้วย 5,000 คะแนนสะสม ขายมันให้ฉัน”
“แกมีหน้าพูดถึง 5,000 ด้วยหรอ ฉันจะจ่าย 10,000!”
“ฉันจะจ่าย 20,000!”
…
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เชื่ออย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กันเพื่อซื้อผลึกยานี้
ความสามารถของผู้ใช้ยีนระดับสูงนั้นหมายความว่าพวกเขารู้ว่าจำนวนของยาที่มีผลต่อพวกเขานั้นมีจำกัดมาก
ดังนั้นทันทีที่ผลึกยานี้ปรากฏ พวกเขาย่อมไม่สามารถควบคุมความกระตือรือร้นของพวกเขาได้
“ฉันขอโทษนี่ไม่ได้มีไว้ขาย” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ดึงมือของเธอกลับ ผลึกยาในมือของเธอหายไปในพริบตา
เธอชี้ไปที่เฟิงหลินและพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้ฉันมีผลึกยาเพียงเม็ดเดียว ฉันจะขายให้ทุกคนได้ยังไง แต่คนที่กลั่นยานั่นอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าคุณอยากซื้อทำไมทุกคนไม่ถามหาจากเขาล่ะ? “
ทุกคนครุ่นคิดเงียบ ๆ คำพูดของเธอสมเหตุสมผลแล้ว!
สายตาของพวกเขาเริ่มเต็มด้วยความกระตือรือร้นจ้องมองไปที่เฟิงหลิน
เฟิงหลินซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีนัยสำคัญในสายตาของพวกเขา ตอนนี้กลายเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมากไปแล้ว
“เขาเป็นคนที่กลั่นผลึกยาเซียนเทียน” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์มีความหยอกล้อบนใบหน้าของเธอ “ตอนนี้คงไม่มีใครสงสัยในคุณสมบัติของเขาที่จะเข้าสู่อาณาจักรลับในตำนานแล้วใช่ไหม?”
“ พวกเราแค่ล้อเล่นน่ะ” พวกเขาหัวเราะ สายตาของทุกคนที่มองเขาเปลี่ยนไป
“ท่านเฟิง ท่านมีผลึกยาเหล่านี้อีกไหม?”
“ท่านช่วยขายให้ผมได้หรือไม่ ผมจะให้ 10,000 คะแนนสะสม ผมจะซื้อทั้งหมดที่ท่านต้องการขาย”
“ฉันจะจ่าย 20,000 ต่อหนึ่งเม็ด!”
…
พวกเขายังคงเพิ่มเงินกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เฟิงหลินต้องกลอกตาของเขา
อย่างไรก็ตามนี่เป็นวิธีที่ดีในการเป็นคนรวย
เขาชัดเจนมากว่าทำไมจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ถึงทำเช่นนี้ เธอต้องการที่จะช่วยเขาขยายชื่อเสียงของเขา
หากชื่อเสียงของเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยาแพร่กระจาย เขาจะไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคะแนนสะสมเพียงพอในอนาคต
แต่เฟิงหลินไม่รับคำขอซื้ออย่างเร่งด่วน
เขายังคงมีผลึกยาอยู่สามอัน แต่อย่างไรก็ตามถ้าเขานำออกมาตอนนี้ความลับของเขาอาจถูกเปิดเผย
(เป็นคนธรรมดามันดีกว่า!)
อย่างไรก็ตามนี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับคะแนนสะสม เขาไม่ต้องการเสียมัน
หลังจากหลินไตร่ตรองแล้ว เฟิงหลินก็พูดว่า “ผมต้องขอโทษ ผมปรุงแต่งยาได้สองเม็ดเท่านั้น ตอนนี้ผมไม่มียาเก็บเหลืออยู่ ถ้าคุณต้องการคุณต้องจัดหาส่วนผสมให้ผมเท่านั้น มั่นใจได้เลยว่าผมสามารถปรุงยาได้สองในสิบของส่วนผสม ทุกคนต้องจ่าย 10,000 คะแนนสะสมให้เป็นค่าปรุงยา ทุกคนยินดีหรือไม่? “
“ได้เลย ฉันตกลง!”
“ฉันเห็นด้วย!”
“ดีเลย!”
…
แม้จะมีเงื่อนไขที่สูงเช่นนี้แต่ทุกคนก็ยอมรับมันซึ่งตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขา ทุกคนไม่ลังเลเลย
ท้ายที่สุดไม่ว่าส่วนผสมของยานั้นจะมีมูลค่าเพียงใด หากพวกมันไม่ได้รับการปรุงให้เป็นเม็ดยา มันจะไม่ต่างอะไรกับขยะ
หากใครบางคนสามารถเปลี่ยนส่วนผสมให้เป็นยาเม็ดกึ่งเซียนได้ ผู้ซื้อจะได้รับประโยชน์จากมัน
ช่างเป็นลูกค้าที่ร่ำรวย
เฟิงหลินค้นพบว่าเขาประเมินคนเหล่านี้ต่ำเกินไป
“ท่านเฟิง โปรดขึ้นยานบิน” ทัศนคติของพวกเขาเปลี่ยนไป ทุกคนเคารพและต้อนรับเฟินหลิน จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์และเสาเหล็กเองก็ขึ้นยานบินเช่นกัน
ผู้ที่มีความสามารถที่แท้จริงจะได้รับการเคารพเสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด
ในไม่ช้ากระสวยอวกาศก็ออกเดินทาง เปลี่ยนเป็นลำแสงที่ยิงเข้าสู่อวกาศอันมืดมิดรอบนอกและหายไปในพริบตา