ตอนที่ 1690 เวทีประลอง (2)
หลังจากนั้นไม่นานศิษย์ของวิหารจิงหงก็นำข่าวการประลองไปบอกเหล่าผู้เยาว์ของสิบสองวิหาร และอย่างที่คาดไว้ ผู้เยาว์ที่กำลังเบื่อพวกนั้นก็กระปรี้ประเปร่าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เวทีประลองถูกจัดไว้ที่ห้องโถงฝึกในวิหารจิงหงพวกผู้เยาว์มารวมตัวกันที่นั่นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเวทีประลองขนาดใหญ่ตรงหน้า พวกผู้เยาว์ก็ตาเป็นประกาย
ใครๆก็รู้ว่าสิบสองวิหารขัดแย้งกันอยู่และผู้เยาว์ทุกคนที่มาที่นี่ถ้าไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้าร่วมวิหารและรากฐานยังไม่มั่นคง ก็เป็นคนที่อายุน้อย คุณสมบัติยังไม่พอ สิ่งที่พวกเขาขาดมากที่สุดในวิหารของตนก็คือความสำเร็จและประสบการณ์ ถ้าพวกเขาสามารถได้อันดับหนึ่งในตอนที่มีคนเก่งๆมารวมตัวกันเช่นนี้ ตอนกลับถึงวิหารของตัวเอง พวกเขาก็จะสามารถโอ้อวดได้เต็มที่ คุณค่าของพวกเขาก็จะสูงขึ้น
ผู้เยาว์จำนวนมากขยี้หมัดถูมือเตรียมพร้อมจะขึ้นประลองคนที่ใจร้อนบางคนก็กระโจนขึ้นไปบนเวทีประลองแล้ว เตรียมพร้อมจะแสดงฝีมือของตน
จื่อจินเดินตามอยู่ข้างๆเยว่อี้และแอบสังเกตกลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนทั้งหมดนี้นางเกิดในวิหารหยกวิญญาณ จึงยังขาดความรู้เกี่ยวกับสิบสองวิหารอยู่มาก นอกจากรู้จักเครื่องแบบของแต่ละวิหารแล้ว นางไม่รู้เลยว่าใครเป็นใครในสิบสองวิหาร
“เยว่อี้เจ้าคิดอย่างไรกับพลังของคนพวกนั้น?” จื่อจินที่ยืนอยู่ข้างๆเยว่อี้ถามเสียงกระซิบ
เยว่อี้มีลักษณะนิสัยที่มืดมนตั้งแต่ร่วมมือกับจวินอู๋เสียเขาก็ทำตัวเงียบขรึม วันนี้จวินอู๋เสียไม่มา มีเพียงจื่อจินคนเดียวที่ตามเขามาที่นี่ จวินอู๋เสียแข็งแกร่งแค่ไหนนั้น เยว่อี้ไม่แน่ใจ แต่พลังของจื่อจินไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แค่พอใช้ได้เท่านั้น ครั้งนี้สิบสองวิหารส่งคนเก่งๆมาไม่น้อย ด้วยระดับพลังของจื่อจิน นางย่อมมองพลังวิญญาณของคนจำนวนมากไม่ออก
“ก็ดี ประมาณจุดสูงสุดของพลังวิญญาณสีฟ้า” เสียงของเยว่อี้ทุ้มเล็กน้อย แต่ยังคงมีความเป็นเด็กแฝงอยู่
“พลังวิญญาณสีฟ้า……”จื่อจินลูบคางพลางแอบจดจำพลังและความแข็งแกร่งของคนนี้เอาไว้ในใจ
บนเวทีประลองผู้เยาว์สองคนเริ่มต่อสู้กันแล้ว พลังวิญญาณสีฟ้าปะทะพลังวิญญาณสีฟ้า แม้ว่าการต่อสู้จะรุนแรง แต่ก็ไม่ได้กระตุ้นความสนใจจากพวกผู้เยาว์ที่อยู่รอบๆได้มากนัก ในสายตาของพวกเขา พลังวิญญาณสีฟ้าไม่ได้มีความหมายอะไร
“ข้านึกว่าจะได้ดูการประลองเด็ดๆที่นี่ไม่คิดว่ามันจะน่าเบื่อขนาดนี้” จูเก๋ออินถือพัดไว้ในมือ และโบกพัดเบาๆด้วยท่าทางที่คิดว่าสง่างาม เขามองไปที่ผู้เยาว์สองคนซึ่งกำลังสู้กันอยู่บนเวทีประลองด้วยสายตาดูถูก
“นายน้อยจะประเมินคนพวกนี้ตามมาตรฐานของท่านไม่ได้จะมีกี่คนที่สามารถบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้ตอนอายุเท่าท่าน?” เฟยเหยียนเอ่ยปากได้ถูกเวลา คำชมเพียงไม่กี่คำทำให้จูเก๋ออินรู้สึกภูมิใจมาก
จูเก๋ออินยักคิ้วแล้วหัวเราะอย่างไม่มีเขินอาย
เฟยเหยียนหัวเราะตามแต่ในใจคิดกับตัวเองว่า จูเก๋ออินนี่สมกับเป็นประมุขน้อยของวิหารมังกรจริงๆ แม้ว่าจะเป็นคนหน้าซื่อใจคด ใจแคบ บ้าตัณหา แต่เขาก็มีพรสวรรค์สูง เพิ่งจะอายุ 22 ปีแต่มีพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้ว ประมุขวิหารมังกรได้ทุ่มสมบัติทุกชนิดให้กับลูกชายคนนี้ บวกกับพรสวรรค์ของจูเก๋ออิน จึงได้เกิดยอดฝีมือหนุ่มที่น่าทึ่งขึ้นมา
หากไม่ใช่เพราะพวกเฟยเหยียนได้ของวิเศษในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดและได้รับคำแนะนำจากจวินอู๋เหยาต่อให้พวกเขาทุ่มเทพยายามเต็มที่แล้ว แต่อาศัยเพียงพรสวรรค์ของพวกเขาอย่างเดียว ก็คงได้ผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่างไปจากจูเก๋ออิน
อาจกล่าวได้ว่าความหยิ่งผยองของจูเก๋ออินไม่ได้เกิดจากความเป็นประมุขน้อยของวิหารมังกรแต่เพียงอย่างเดียว แม้ว่าจะไม่มีบารมีนั้นอยู่เหนือหัว แต่ด้วยพลังของเขา ก็ยังน่าทึ่งมากอยู่ดี