ตอนที่ 1691 เวทีประลอง (3)
“ไม่ได้ดูคนพวกนี้สู้กันก็ไม่ได้พลาดอะไรไปเลยการแสดงดีๆของจริงยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ” จูเก๋ออินกล่าวอย่างดูถูก สายตาของเขามองไปที่กู่ซินเยียนซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง
กู่ซินเยียนยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มศิษย์จากวิหารมารโลหิตสายตาของนางเฉยเมย ไม่มีวี่แววของกู่อิ่งอยู่ข้างๆนาง อยู่ท่ามกลางกลุ่มเด็กหนุ่มเช่นนี้ ความงามของกู่ซินเยียนก็ยิ่งดึงดูดสายตา เห็นนางแล้วหัวใจของจูเก๋ออินก็เต้นระรัว บังเอิญเหลือเกินที่เจ้าตัวน่ารังเกียจกู่อิ่งไม่อยู่ เขาเปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างสง่างามแล้วเดินตรงไปหากู่ซินเยียน
วันนี้กู่ซินเยียนใจลอยเล็กน้อยคำพูดที่นางพูดกับกู่อิ่งที่งานเลี้ยงเมื่อวานทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย วันนี้นางให้ศิษย์ในวิหารไปเชิญกู่อิ่งออกไปเที่ยวด้วยกันแต่ก็ถูกปฏิเสธ
สำหรับพี่ชายคนนี้กู่ซินเยียนไม่เข้าใจนิสัยเขาเลยจริงๆ ในใจนางมีแต่ความรู้สึกหวาดกลัวเขา
พูดกันตามจริงตลอดทางที่มาวิหารจิงหงนี้ กู่อิ่งตามติดนางเป็นเงา ทำให้นางรู้สึกเครียดอยู่บ้าง วันนี้กู่อิ่งไม่อยู่ นางจึงค่อนข้างผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่งดงามคู่นั้นมองไปรอบๆ ไม่รู้ว่ามองหาอะไร สายตาของนางมองผ่านผู้เยาว์ไปทีละคน แต่ก็ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
[คนผู้นั้นไม่มา]
“น้องซินเยียน”เสียงของจูเก๋ออินดังขึ้นที่ด้านหน้าของกู่ซินเยียน กู่ซินเยียนได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วและเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของจูเก๋ออินอยู่ตรงหน้า นางรู้สึกจนใจเล็กน้อย แต่ยังคงรอยยิ้มสุภาพเอาไว้
“คุณชายจูเก๋อ”
จูเก๋ออินไม่ได้รู้สึกว่ากู่ซินเยียนทำตัวห่างเหินเขาก้าวเข้ามาใกล้และถามว่า “เมื่อคืนน้องซินเยียนหลับสบายไหม? เรื่องเมื่อวานน้องซินเยียนโปรดอย่าถือสาเลยนะ ข้าดื่มเยอะไปหน่อยเลยลืมตัวทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำให้น้องซินเยียนเห็นเรื่องน่าขายหน้าเข้าแล้ว”
“ไม่หรอกเมื่อวานก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน” กู่ซินเยียนตอบด้วยรอยยิ้ม
“การจัดงานวันนี้วิหารจิงหงทำได้น่าเบื่อมากแม้ว่าวิหารจิงหงจะมีต้นไม้ใบหญ้าแมลงปลาให้ดูเยอะ แต่มันก็น่าเบื่อมากอยู่ดี เมื่อเช้านี้ข้าเห็นว่าเจ้าค่อนข้างสนใจดอกไม้ ถ้าวันหน้ามีโอกาส ข้าจะชวนเจ้าไปดูแปลงดอกไม้ในสวนของวิหารจิงหงเราแน่นอน ของวิหารจิงหงน่ะเทียบไม่ได้หรอก” จูเก๋ออินพูดด้วยรอยยิ้ม
กู่ซินเยียนพูดอะไรไม่ออกนางไม่รู้ว่าทำไมจูเก๋ออินถึงคอยตามรบกวนนางเช่นนี้ ถ้าเป็นคนอื่น นางคงทำเมินไปได้ หรือไม่ก็พูดเลี่ยงๆไปสักสองสามคำก็คงได้ แต่นี่อีกฝ่ายคือประมุขน้อยของวิหารมังกร นางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอดกลั้นเอาไว้
วิหารมารโลหิตและวิหารปีศาจเพลิงกำลังแย่งกันชิงตำแหน่งสูงสุดของสิบสองวิหารถ้าพวกเขาเป็นศัตรูกับวิหารมังกรในตอนนี้ มันก็มีแต่จะสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็นเท่านั้น
กู่ซินเยียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการกับจูเก๋ออินอย่างอดทน
พวกผู้เยาว์ผลัดกันขึ้นเวทีประลองคนแล้วคนเล่าตอนนี้บนเวทีประลองมีผู้เยาว์สองคนที่มีพลังวิญญาณขั้นสีครามแล้ว
แต่สำหรับยอดฝีมือที่แท้จริงซึ่งยังยืนนิ่งอยู่ที่ด้านล่างเวทีนั้นพลังอ่อนแอเช่นนี้ยังไม่มีค่าให้พวกเขาลงมือ
จูเก๋ออินยังคงหาข้ออ้างพูดคุยกับกู่ซินเยียนต่อไปไม่พูดไม่ได้ ด้วยหน้าตา, ฐานะชาติกำเนิด, และพลังของจูเก๋ออินนั้น ก็เพียงพอจะดึงดูดคนจำนวนมากมาชื่นชมเขาได้ แต่ใจของกู่ซินเยียนไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลย นางตอบอย่างใจลอย สายตาคอยแต่จะมองหาอะไรบางอย่างในฝูงชน
เมื่อนางเห็นเยว่อี้กับจื่อจินสายตาของนางก็แสดงความผิดหวังอย่างมาก
[สองคนนั้นจากวิหารเงาจันทราอยู่ที่นี่แล้วแต่ไม่มีวี่แววของจวินอู๋ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะไม่มาจริงๆ]
จูเก๋ออินแอบสังเกตเห็นความรู้สึกในแววตาของกู่ซินเยียนความผิดหวังในแววตานั้นทำให้เขารู้สึกขัดหูขัดตาอย่างมาก จากนั้นเขาก็หันมองตามสายตาของกู่ซินเยียน……