ตอนที่ 1692 เวทีประลอง (4)
ท่ามกลางฝูงชนเขาเห็นเด็กหนุ่มและเด็กสาวยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขากำลังดูการประลองบนเวที ดูเหมือนเด็กสาวจะถามคำถามที่ข้างหูของเด็กหนุ่มอยู่เป็นระยะ และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ตอบนางอย่างใจเย็น
เด็กหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าที่หล่อและโดดเด่นอย่างยิ่งกระทั่งจูเก๋ออินก็ยังต้องชมว่าอีกฝ่ายหน้าตาดี แต่……
จูเก๋ออินหรี่ตาลงเล็กน้อยเขาดูเครื่องแบบที่ทั้งสองคนใส่ไม่ผิดแน่ พวกเขาคือศิษย์ของวิหารเงาจันทรา ต่อหน้าวิหารมังกรแล้ว วิหารเงาจันทราจะนับเป็นอะไรได้? นี่เขายืนอยู่ข้างๆกู่ซินเยียนแล้วแท้ๆ แต่ทำไมกู่ซินเยียนถึงไม่ยอมมองเขา? แต่กลับไปมองเจ้าคนจากวิหารเงาจันทรานั่น?
จูเก๋ออินยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้เขาข่มความไม่พอใจเอาไว้ข้างใน แล้วพูดกับกู่ซินเยียนด้วยรอยยิ้มว่า “น้องซินเยียนว่าการประลองนี้น่าเบื่อรึเปล่า?”
กู่ซินเยียนชะงักไปนิดนึงแล้วพยักหน้าแบบส่งๆ
นางไม่ได้สนใจการประลองบนเวทีเลยด้วยซ้ำ
ดวงตาของจูเก๋ออินทอแววชั่วร้ายเขาพูดกับกู่ซินเยียนว่า “น้องซินเยียนรอสักครู่ ข้าจะทำให้การประลองที่น่าเบื่อนี้น่าสนใจขึ้นมาเอง”
กู่ซินเยียนยังไม่ทันเข้าใจว่าจูเก๋ออินหมายความว่าอย่างไรจูเก๋ออินก็เดินออกไปแล้ว
ตั้งแต่ตอนที่จูเก๋ออินเข้าไปคุยกับกู่ซินเยียนเฟยเหยียนก็ไปซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเพื่อไม่ให้เป็นที่ขัดหูขัดตา แต่ยังแอบสังเกตการกระทำของจูเก๋ออินอยู่ แน่นอนว่าเขาย่อมสังเกตเห็นแววตาชั่วร้ายของจูเก๋ออินด้วย เมื่อเห็นจูเก๋ออินเดินตรงเข้าไปในฝูงชน เฟยเหยียนก็เดินตามไปทันทีด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
จื่อจินกำลังคุยกับเยว่อี้เรื่องบนเวทีประลองแม้ว่าเยว่อี้จะค่อนข้างมืดมนเงียบขรึม แต่สิ่งที่ต้องพูดเขาก็พูดออกมา เสียงของเขาทุ้มต่ำ ไม่เคยหงุดหงิดแม้แต่น้อย ทำให้จื่อจินรู้สึกพอใจมาก มุมปากของนางจึงยกยิ้มเล็กน้อย
ขณะที่จื่อจินกำลังจะถามคำถามต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังพวกเขา
“พวกเจ้าเป็นคนของวิหารเงาจันทราใช่ไหม?”
เสียงนั้นค่อนข้างดังเหล่าผู้เยาว์ที่อยู่รอบๆจึงพากันหันมามอง
จื่อจินและเยว่อี้หันหน้ามาและเห็นจูเก๋ออินยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาพัดในมือของเขาโบกช้าๆอย่างไม่ใส่ใจ ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยแฝงความหยิ่งยโส
จื่อจินตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อยสองมือของนางจับแขนของเยว่อี้ไว้โดยไม่รู้ตัว เยว่อี้ขมวดคิ้วมองจูเก๋ออิน ดูจากการแต่งกายและหน้าตาของจูเก๋ออิน เขาก็รู้แล้วว่าจูเก๋ออินเป็นใคร
“ข้าเป็นศิษย์ของวิหารเงาจันทราจริงไม่ทราบว่าคุณชายจูเก๋อมีเรื่องอะไรงั้นหรือ?” เยว่อี้พูดอย่างสงบ ชื่อเสียงของจูเก๋ออินในสิบสองวิหารไม่ค่อยดีนัก หยิ่งยโสจองหอง ทำอะไรไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา เป็นคนที่รับมือยากที่สุดในบรรดาเด็กรุ่นใหม่ของวิหารมังกร
จูเก๋ออินมองจื่อจินที่หน้าซีดแล้วยิ้มเยาะอยู่ในใจ เขาเลิกคิ้วและพูดว่า “ไม่มีอะไร แต่ดูเหมือนพวกเจ้าสนใจการประลองมากเลยนี่ ยังไง? ไม่อยากขึ้นไปลองเองบ้างหรือ?”
น้ำเสียงของจูเก๋ออินเต็มไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงทำให้เยว่อี้งุนงงเล็กน้อย
วิหารเงาจันทรากับวิหารมังกรนั้นเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองมาตลอดพวกเขากับจูเก๋ออินก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวติดต่อกันเลย แล้วทำไมจู่ๆจูเก๋ออินถึงมาหาเรื่องพวกเขา?
“ไม่ล่ะพลังของข้ายังอ่อนด้อย ไม่พอจะขึ้นแสดงในงานใหญ่เช่นนี้หรอก จะออกไปขายหน้าซะเปล่าๆ” เยว่อี้พูดอย่างระมัดระวัง และบังจื่อจินไว้ด้านหลังของเขา