ตอนที่ 1085 ต้องการหลักฐานหรือ / ตอนที่ 1086 ลดขั้นเป็นไฉเหริน!

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1085 ต้องการหลักฐานหรือ

 

 

“ตะ ใต้เท้าซู! ที่เจ้าพูดมาหมายความว่าเช่นไร!?” เซียวเก๋อเหล่าฟังอยู่นานก็ยังไม่เข้าใจ เขาเพียงเห็นซูหลีเดินเข้าไปข่มขู่ก้าวแล้วก้าวเล่า ทว่าเซียวซูเฟยกลับถอยหลังอย่างพ่ายแพ้ไปทีละก้าว ในเวลานี้นางเริ่มมีความรีบร้อน

 

 

“ดูอากัปกิริยาของใต้เท้าเซียวแล้ว เกรงว่าคงถูกปิดบังมาโดยตลอดกระมัง” ซูหลีหมุนกายกลับมา มองเขาด้วยความสุขุมเยือกเย็น

 

 

เซียวเก๋อเหล่าที่ถูกนางมองเช่นนี้ ในใจถึงกับเต้นกระหน่ำ เขายังไม่ทันได้แสดงท่าทีโต้ตอบก็ได้ยินทางซูหลีเอ่ยขึ้น

 

 

“เรื่องพระวรกายของซูเฟยเหนียงเหนียงที่ทรงประชวร ข้าน้อยนั้นทราบดี ไม่เพียงแค่ข้าน้อยทราบ แม้แต่ฝ่าบาทก็ทรงทราบ”

 

 

เซียวเก๋อเหล่าได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขามองไปที่ซูหลีปราดหนึ่งก่อนจากนั้นหยุดชะงักครู่หนึ่งและมองขึ้นที่บัลลังก์

 

 

เขากลับเห็นฉินเย่หานนั่งตัวตรงอยู่บนบัลลังก์ พยักหน้าด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

 

 

หวงเผยซานที่อยู่ด้านข้าง…

 

 

นายท่านทั้งสองกำลังทายปริศนาคำใบ้อะไรกันอยู่ ไยเขาฟังแล้วถึงไม่เข้าใจสักนิด

 

 

“เพียงแต่สาเหตุที่ซูเฟยเหนียงเหนียงประชวรมิใช่เรื่องที่มีเกียรตินัก ฝ่าบาททรงมีพระทัยตระหนักเกียรติยศของสกุลเซียวถึงได้ปิดบังเรื่องนี้ คิดไม่ถึงว่าใต้เท้าเซียวกับซูเฟยเหนียงเหนียงจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ชั่วพริบตาเดียวกลับนำเรื่องนี้มาใส่ร้ายป้ายสีข้า”

 

 

คำพูดของซูหลีไม่รื่นหูเป็นอย่างมาก อารมณ์ที่แสดงออกมาเรียกได้ว่าไม่เป็นมิตรนัก

 

 

เซียวเก๋อเหล่าอ้าปากเหวอ ใบหน้าเปลี่ยนจากเขียวคล้ำเป็นขาวซีด ช่างน่ามองเป็นอย่างมาก

 

 

“ดูท่าทางของใต้เท้าเซียวแล้ว คงอยากจะถามหาหลักฐานใช่หรือไม่” ที่จริงแล้วเรื่องนี้ต้องใช้หลักฐานหรือไม่ ล้วนเห็นอย่างชัดเจนดีแล้ว

 

 

แค่เห็นอาการหวาดผวาที่เซียวซูเฟยแสดงออกมาในท้องพระโรง ยังมีอากัปกิริยาของฝ่าบาทอีก

 

 

ในชั่วขณะนี้เซียวเก๋อเหล่ารู้สึกว่าคำพูดที่ตนอยากจะพูดทั้งหมดกลับค้างเติ่งอยู่กลางลำคอ ทำให้เขาพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

 

 

เขายังสามารถพูดอะไรได้หรือ ฝ่าบาทยังทรงพยักพระพักตร์ตรัสว่าเป็นเซียวซูเฟยหาเรื่องใส่ตัวเอง เขายังสามารถยืนหยัดกับวิธีพูดก่อนหน้านี้หรือ

 

 

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ทำให้ใต้เท้าเซียวเข้าใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ซูหลีเหมือนจะไม่สนใจอากัปกิริยาอะไรของเขาเลยแม้แต่น้อย นางกลับหมุนกายลุกขึ้นโค้งตัวลงพูดต่อหน้าฝ่าบาทที่ประทับอยู่บนบัลลังก์

 

 

ฉินเย่หานที่อยู่บนบัลลังก์ได้ยินเช่นนี้ จึงใช้สายตาเย็นยะเยือกตวัดมองไปที่ร่างของเซียวเก๋อเหล่า จากนั้นพยักหน้าเบาๆ

 

 

“ชุ่ยจู๋ที่เป็นข้าราชบริพารข้างพระวรกายของซูเฟยเหนียงเหนียงอยู่ที่ใด” หลังจากได้รับการตอบรับที่ชัดเจน ซูหลีจึงเรียกชื่อคนผู้หนึ่งออกมาอย่างกะทันหัน

 

 

ชุ่ยจู๋!?

 

 

เซียวซูเฟยเบิกตากว้าง มองไปยังชุ่ยจู๋ที่ประหนึ่งคนล่องหนที่เดิมยืนอยู่ด้านหลังของตนด้วยใบหน้าประหลาดใจ หลังจากได้ยินคำพูดของซูหลี ชุ่ยจู๋รีบก้าวไปด้านหน้าจนด้านนอกของฉากกันลม และคุกเข่าทำความเคารพแล้วเอ่ย

 

 

“บ่าวชุ่ยจู๋ ถวายบังคมฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี” เมื่อชุ่ยจู๋เดินออกมาก็คุกเข่าลงไปทันที มิได้สบตากับคนสกุลเซียวสักคน

 

 

ซูหลีเห็นแล้วอดที่จะแสยะยิ้มไม่ได้ ใบหน้าเผยความถากถางที่มิอาจบรรยายออกมาได้

 

 

“ชุ่ยจู๋ ข้าขอถามเจ้า ก่อนหน้านี้เพราะเหตุซูเฟยเหนียงเหนียงถึงได้ประชวร” น้ำเสียงของนางเรียบเฉย เมื่อเข้ากระทบโสตประสาทของคนเหล่านั้นกลับมีบางอย่างที่มิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

 

 

ชุ่ยจู๋ที่คุกเข่าอยู่หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้เอ่ยว่า “ตอบใต้เท้าซู เหนียงเหนียง…ก่อนหน้านี้เหนียงเหนียงทรงลบหลู่ฝ่าบาท ทำให้ฝ่าบาททรงอับอาย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจึงมีสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่กี่วันก็ประชวรไป”

 

 

“สาเหตุที่ประชวรล้มพับไป เป็นเพราะได้รับพิษจริงหรือไม่” ซูหลียกมุมปากขึ้นและเอ่ยถามต่อ

 

 

“…มิใช่เป็นเพราะได้รับพิษ แต่เป็นเพราะทรงกลัดกลุ้มพระทัยมากเกินไป เหนียงเหนียงถึงได้ล้มป่วย”

 

 

“ชุ่ยจู๋!” หลังจากที่ชุ่ยจู๋ในคำตอบเช่นนี้ออกไป ดวงตาคู่นั้นของเซียวซูเฟยเบิกกว้าง จ้องมองนางอย่างเหลือเชื่อ!

 

 

เป็นไปได้อย่างไร!? ชุ่ยจู๋…ชุ่ยจู๋เป็นคนที่นางไว้ใจมากที่สุด! ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ไยถึงสามารถหักหลังนางได้!?

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1086 ลดขั้นเป็นไฉเหริน!

 

 

ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบงัน

 

 

เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ ถือว่าชัดเจนเป็นอย่างมากแล้ว

 

 

แม้ว่าจะไม่มีข้าราชบริพารคนนี้เป็นพยาน ที่จริงแล้วเรื่องในวันนี้ก็สามารถจบลงได้เช่นกัน

 

 

เหตุผลมิมีอย่างอื่น สำคัญที่สุดคืออากัปกิริยาของฝ่าบาท

 

 

ฝ่าบาทนั้นเห็นด้วยกับคำพูดทั้งหมดที่ซูหลีพูดไปก่อนหน้านี้ เซียวซูเฟยกระทำความผิดเป็นเรื่องแน่นอน เพียงแค่ไม่รู้ว่านางกระทำอะไรผิดก็เท่านั้น

 

 

ทว่าครั้นเห็นอากัปกิริยาที่แสดงออกของเซียวซูเฟย ทั้งกอปรกับทางซูหลีที่ไม่ยี่หระ เรื่องนี้คงมิใช่เรื่องเล็กๆ …

 

 

เพราะมีเรื่องนี้ปูทางมาก่อนหน้า ท่าทีของฝ่าบาทที่มีต่อสกุลเซียว ต่อพระสนมเซียวถึงได้ไม่ค่อยจะดีนัก เช่นนี้ทำให้แม้เซียวซูเฟยจะถูกซูหลีทำร้ายจริง ฝ่าบาทก็ไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายเรื่องนี้

 

 

อีกทั้งข้าราชบริพารคนนี้ยังออกมาเป็นพยานว่า เซียวซูเฟยไม่ได้รับพิษแต่อย่างใด

 

 

“นี่…” ทั้งร่างเซียวเก๋อเหล่าอ่อนยวบคล้ายกับจะเป็นลมล้มพับไป เขาเบิกตากว้างตะลึงงันเกินจะเปรียบ

 

 

“ชุ่ยจู๋อยู่ข้างพระวรกายซูเฟยเหนียงเหนียงตั้งแต่ยังเล็ก เป็นข้าราชบริพารที่ซูเฟยเหนียงเหนียงไว้พระทัยที่สุด ใต้เท้าเซียวคงจะไม่แม้แต่ไม่เชื่อคำพูดของนางกระมัง” ซูหลีมองเขาปราดหนึ่ง น้ำเสียงค่อนข้างเฉยเมย

 

 

ชุ่ยจู๋คนนี้ย้ายข้าง ที่จริงเป็นเพียงแค่เรื่องในช่วงเวลานี้เท่านั้น

 

 

ไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่ฉินเย่หานใช้อั้นจิ่ว อย่างไรนั่นล้วนเป็นความลับ แม้ในวันนั้นซูหลีตักเตือนเซียวซูเฟยแล้ว ทว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

 

 

เพียงหลีกเลี่ยงให้เซียวซูเฟยขาดสติและพูดจาส่งเดชออกมาไป

 

 

ฉินเย่หานจึงสอดแทรกคนของตนเข้าไปอยู่ข้างกายเซียวซูเฟย

 

 

เรื่องที่ซูหลีทราบนั้นมีไม่มาก ยิ่งไม่รู้ว่าชุ่ยจู๋คนนี้ถูกพูดชักจูงใจได้อย่างไร จนกลายเป็นหมากที่ไว้จับตามองเซียวซูเฟย

 

 

ทว่านางเพียงทราบว่า ชุ่ยจู๋ที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นคนที่นางสามารถใช้ได้ก็พอแล้ว

 

 

นี่คือความมั่นใจของซูหลี

 

 

ความมั่นใจของนางนี้ มาจากฝ่าบาทที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไว้เนื้อเชื่อใจนางเสมอ อีกทั้งฝ่าบาทยังทรงแทรกแซงคนเข้าไปอยู่ข้างกายเซียวซูเฟย

 

 

เซียวซูเฟยคิดร้ายต่อนางมากถึงเพียงนี้ แต่กลับมองข้ามจุดที่สำคัญที่สุด

 

 

นั่นก็คือฉินเย่หาน

 

 

หัวใจของฉินเย่หานมิได้อยู่ที่นาง แม้นางจะกระทำเรื่องอะไรมากมาย ใช้กลอุบายต่างๆ นานา แล้วอย่างไรเล่า

 

 

ฉินเย่หานเป็นถึงฮ่องเต้!

 

 

ทั้งราชวงศ์นี้ล้วนเป็นของเขา ซูเฟยตัวเล็กๆ จะสามารถทำอะไรได้กัน เพียงเขาไม่ต้องการ เซียวซูเฟยกระทำสิ่งใด นั่นล้วนเป็นส่วนเกิน!

 

 

“ออกไปเถอะ” หลังจากทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบ ฉินเย่หานที่อยู่บนบัลลังก์พลันเอ่ยปากขึ้น

 

 

“ความประพฤติของซูเฟยไม่เหมาะสม ลดขั้นเป็นไฉเหริน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากไม่ได้รับคำสั่ง ห้ามออกไปภายนอก!” ในขณะที่ทุกคนยังไร้ท่าทีโต้ตอบ ฉินเย่หานจึงพูดเสริมอีกประโยค

 

 

ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบงัน

 

 

จากตำแหน่งเฟยตกลงมาเป็นตำแหน่งไฉเหรินในทันที

 

 

นี่สามารถเรียกได้ว่าตกลงมาจากสวรรค์สู่ยมโลกแล้ว บทลงโทษนี้เป็นโทษร้ายแรง!

 

 

“เลิกประชุม!” ฉินเย่หานตวัดสายตาเยียบเย็นมองไปเบื้องล่างรอบหนึ่ง เอ่ยคำสองคำนี้ออกมา จากนั้นหมุนกายเดินจากไป

 

 

นี่เพียงแค่ลงโทษเซียวซูเฟยเท่านั้น ยังมิได้ลงโทษบิดาของสกุลเซียว อย่างไรก็ยังไว้หน้าสกุลที่สูงศักดิ์นี้

 

 

ทว่าอำนาจและกำลังของสกุลเซียวมากกว่าครึ่งล้วนมาจากเซียวเก๋อเหล่าและเซียวซูเฟย บัดนี้ตำแหน่งเฟย เซียวซูเฟยมิอาจรักษาไว้ได้แล้ว นั่นก็สามารถทำให้สกุลเซียวรู้สึกย่ำแย่ บทลงโทษนี้ หากจะกล่าวว่าแรงร้าย แท้จริงแล้วก็ถือว่าร้ายแรงอยู่

 

 

“เหนียงเหนียง ไปเถอะเพคะ” หลังจากเลิกประชุมชุ่ยจู๋จึงเดินมาหาเซียวซูเฟย ซึ่งบัดนี้เป็นเซียวไฉเหรินแล้ว ชุ่ยจู๋หยุดยืนที่ข้างกายนาง

 

 

“จะ เจ้า…” เซียวไฉเหรินชี้หน้านาง พูดอะไรไม่ออก ครั้นนางเงยหน้าขึ้นสบตา ก็เห็นเพียงดวงตาที่เรียบเฉยราวกับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ คู่นั้นของชุ่ยจู๋

 

 

ในชั่วขณะนี้เซียวไฉเหรินอะไรก็พูดไม่ออก

 

 

ซูหลีที่อยู่ด้านข้าง มองนายบ่าวคู่นี้ด้วยสายตาเยียบเย็น แค่นยิ้มเย็นออกมาครู่หนึ่ง จากนั้นเตรียมตัวหมุนตัวเดินออกไป

 

 

“ใต้เท้าซู!” เมื่อก้าวเท้ากลับถูกคนเรียกเอาไว้เสียก่อน