ตอนที่ 1083 กลยุทธ์สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน / ตอนที่ 1084 ควรดูแลตัวพระองค์ให้ดีก่อนเถิด!

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1083 กลยุทธ์สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน

 

 

ความสุขที่ได้ประชดประชัน

 

 

นางมองเซียวซูเฟยด้วยสายตาเยียบเย็น จากนั้นพลันพูดคำหยุดคำว่า “ซูเฟยเหนียงเหนียง พระองค์ทรงคิดอย่างปรุโปร่งแล้วใช่หรือไม่ว่าใครกันที่มิเห็นฝ่าบาทในสายตา!?”

 

 

หลังจากที่เซียวซูเฟยได้ยินคำพูดประโยคนี้ของนางก็แข็งทื่อไปทั้งร่าง

 

 

ความนัยที่แฝงในคำพูดของซูหลี ทำให้นางคิดถึงเรื่องในคืนนั้นโดยไม่รู้ตัว บุรุษแปลกหน้าผู้นั้น…ยังมีเรื่องที่นางกระทำกับบุรุษผู้นั้นก่อนหน้านี้อีก…

 

 

เซียวซูเฟยสะดุ้งโหยงอย่างแรง บังคับให้ตนเองใจเย็นลง

 

 

หลังจากคืนวันนั้นเป็นต้นมานางนอนฝันร้ายทุกคืน ฝันเห็นตนเองกระทำเรื่องเช่นนั้นกับบุรุษที่ไม่รู้จักชื่อ อีกทั้งฉินเย่หานยืนมองอย่างเยียบเย็นดูด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

 

 

ความฝันนี้ทำให้เซียวซูเฟยเสียสติ จนถึงวันนี้นางก็ยังไม่สามารถรับความจริงเรื่องนี้ได้

 

 

หลังจากที่นางฝันเห็นเหตุการณ์นี้ซ้ำไปซ้ำมา ความเกลียดแค้นในใจที่มีต่อซูหลีเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายความแค้นที่มีสะสมกันทั้งหมดนี้ก็ผลักดันไปที่ร่างของซูหลี

 

 

นี่ล้วนเป็นความผิดของซูหลี หากไม่เป็นเพราะซูหลี นางคงมิต้องมีประสบกับเรื่องเหล่านี้

 

 

ดังนั้นครั้งนี้นางจะต้องทำให้ซูหลีตายไปซะ!

 

 

เป็นประจวบเหมาะที่ในเวลานี้มีคนนำขวดกระเบื้องขาวใบเล็กนั่นส่งให้กับนาง

 

 

ในดวงตาของเซียวซูเฟยฉายแววกลัดกลุ้ม ซูหลีมีสิทธิ์ที่ทำให้นางถูกคนแปลกหน้าทำให้แปดเปื้อน ทำให้นางต้องใช้ชีวิตประหนึ่งซากศพเดินได้มิปาน แต่ซูหลีกลับยังงดงามเจิดจรัส ปรากฏตัวอย่างสง่าข้างกายเขา!

 

 

ไม่! ไม่ได้!

 

 

นางจักต้องทำลายนางซะ!

 

 

จักต้องให้ซูหลีลิ้มรสของความย่ำแย่และสิ้นหวัง!

 

 

“เจ้าพูดจาส่งเดชอะไร ซูหลี การลอบสังหารพระสนมของวังหลังถือเป็นโทษสถานหนัก! หากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่…” ครั้นคิดได้เช่นนี้เซียวซูเฟยจึงควบคุมจิตใจของตนให้มั่นคงและพูดสาดโคลนใส่ซูหลีต่อ

 

 

“เหนียงเหนียง คำพูดนี้เดิมกระหม่อมอยากส่งกลับคืนให้พระองค์เช่นกัน หากพระองค์ยังต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป กระหม่อมขอแนะนำพระองค์ว่า ตรัสให้ดีๆ !” คิดไม่ถึงว่าซูหลีคนนั้นจะเป็นคนที่ไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น กลับไม่แยแสการข่มขู่ของเซียวซูเฟยเลยสักนิด

 

 

ในสถานการณ์เช่นนี้นางกลับข่มขู่เซียวซูเฟย

 

 

พรึ่บ!

 

 

สายตาของทุกคนพุ่งไปที่ร่างของซูหลีในชั่วพริบตาเดียว

 

 

คนผู้นี้เสียสติไปแล้วกระมัง

 

 

นี่พูดคำพูดเสียสติอะไรออกมา นางกลับกล้าข่มขู่เจ้าทุกข์ที่นี่

 

 

ภายในตำหนักมีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจว่าซูหลีหมายความว่าอะไร หนึ่งในนั้นรวมถึงฉินเย่หานกับหวงเผยซาน ครั้นหวงเผยซานได้ยินคำพูดของซูหลี ในใจของเขาตะโกนออกมาประโยคหนึ่งว่า แย่แล้ว

 

 

นี่หากซูหลีไม่แยแสต่อสิ่งใดนำเรื่องนี้แพร่งพรายออกมา เช่นนั้นเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ !

 

 

ทว่าหากเปรียบกันแล้ว ฉินเย่หานกลับนิ่งเฉยกว่าหวงเผยซานอยู่มาก ดวงตาเย็นชาของเขามองลงไปที่สถานการณ์เบื้องล่าง ในดวงตาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

 

 

หวงเผยซานมองเขาหลายปราด และมองไปที่ซูหลีที่อยู่เบื้องล่างปราดหนึ่ง เขาลูบจมูกของตนไปมารู้สึกว่าตนเงียบไว้เสียดีกว่า

 

 

ความคิดของท่านสองท่านนี้ไม่ใช่คนสามัญจะสามารถคาดเดาได้ ตรงหน้าคนหนึ่งพูดคำพูดที่เสียสติออกมา อีกคนกลับไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นแค่ขันทีคนหนึ่ง…กระนั้นก็รอดูไปก่อนแล้วกัน!

 

 

หลังจากเซียวซูเฟยได้ยินคำพูดประโยคนี้ของซูหลี ทั้งร่างจึงสั่นเทา

 

 

ทั้งนางยังต้องหยิกตนเองทีหนึ่ง ถึงจะสามารถดึงสติของตนได้บ้าง

 

 

นางกัดปากบังคับให้ตนเองใจเย็นลง

 

 

เรื่องนั้นเป็นความลับของราชนิกุลพูดออกไปก็คือเรื่องฉาวโฉ่ ในใจนางทราบดีว่า แม้ซูหลีจะมีความใจกล้ามากมายถึงเพียงใด ซูหลีก็ไม่มีทางกล้าพูดเรื่องนี้ออกมา!

 

 

เซียวซูเฟยปลอบตนเองในใจอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเงยหน้ามองเงาร่างที่เหยียดตรงของซูหลี ดวงใจนี้ของนางอดที่จะสั่นสะท้านมิได้

 

 

มีสำนวนกล่าวว่า คนอ่อนแอมักกลัวคนแข็งแกร่งกว่า คนแข็งแกร่งมักกลัวคนที่ป่าเถื่อนขวางโลก คนที่ป่าเถื่อนกลับกลัวคนที่ไม่ต้องการชีวิตเฉกเช่นซูหลี!

 

 

เซียวซูเฟยหวาดกลัวเสียจนสั่นเทาไปทั้งร่าง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1084 ควรดูแลตัวพระองค์ให้ดีก่อนเถิด!

 

 

“ใต้เท้าซู นี่เป็นถึงท้องพระโรง ไยเจ้าถึงปฏิบัติซูเฟยเหนียงเหนียง…” เซียวเก๋อเหล่ากำลังจะตำหนิซูหลี ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน

 

 

“ใต้เท้าเซียว! เรื่องบางเรื่องข้าทราบ ซูเฟยเหนียงเหนียงทรงทราบ ฝ่าบาทก็มิใช่ว่าทรงไม่ทราบ ฝ่าบาททรงคิดถึงมิตรภาพเก่า คำนึงถึงเกียรติและไมตรีระหว่างกัน ทว่าหากมีคนเหยียบจมูกขึ้นหน้า[1] เช่นนั้นคือการรนหาที่ตาย!

 

 

ซูหลีพูดถึงประโยคสุดท้าย เสียงพูดจึงสูงขึ้นโดยฉับพลัน

 

 

เซียวเก๋อเหล่าถูกอำนาจที่นางแสดงออกมาอย่างกะทันหันทำให้ตกใจ จึงหุบปากเงียบในชั่วพริบตา เขามองไปทางเซียวซูเฟยด้วยสีหน้าที่ไม่น่ามองนักปราดหนึ่ง

 

 

นี่ซูหลีหมายความว่าอะไร หรือเซียวซูเฟยมีพิรุธอะไรที่ตกอยู่ในกำมือของซูหลี ซูหลีได้ถึงกระทำเช่นนี้

 

 

ร่างเซียวซูเฟยที่อยู่หลังฉากกันลมกำลังสั่นเทา

 

 

เรื่องในคืนวันนั้นนางไม่ได้บอกกับเซียวเก๋อเหล่า สาเหตุหลักก็เพราะวันนั้นคำขู่ของซูหลี ดังนั้นนางจึงไม่กล้าผลีผลาม

 

 

อีกทั้งเรื่องแบบนี้ ในใจของเซียวซูเฟยยังรู้สึกอับอาย จะสามารถไปป่าวประกาศได้อย่างไรกัน

 

 

เรื่องนี้เป็นดั่งดาบสองคม คมด้านหนึ่งทำให้เซียวซูเฟยหวาดกลัวซูหลี อีกด้านหนึ่งนางก็ต้องการให้ซูหลีตายอย่างเร็วไว!

 

 

เพียงแค่ซูหลีตายไป ดูเหมือนว่าความอัปยศอดสูนี้ก็จะมลายหายไปมิปาน!

 

 

ดวงตาของนางซ่อนความแดงก่ำเอาไว้ ในเมื่อกระทำจุดนี้แล้ว นางไม่ต้องการให้เรือล่มเมื่อจอด[2]

 

 

เช่นนั้นก็พนันดูสักตั้ง!

 

 

พนันว่าซูหลีไม่มีทางพูดความจริงเรื่องนั้นออกมา!

 

 

ไม่มีทางที่นางจะเปิดเผยเรื่องฉาวโฉ่ของฉินเย่หานออกมาบนท้องพระโรงที่มีขุนนางแน่นขนัดเช่นนี้!

 

 

“ฝ่าบาทเพคะ!” เพียงพริบตาเดียวเซียวซูเฟยก็โถมตัวลงไปคุกเข่าอย่างรวดเร็ว นางร่ำไห้แล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าซูจะรังแกผู้อื่นมากไปแล้ว หม่อมฉันถูกนางทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ นี่นางยังกล้าเหยียดหยามหม่อมฉันเช่นนี้อีก”

 

 

“ขอฝ่าบาททรงพระเมตตา คนที่โหดเ**้ยมเช่นนี้จักต้องได้รับโทษนะเพคะ!”

 

 

ซูหลีหัวเราะเย้ยหยันมองนางที่กำลังร่ำไห้และรู้สึกน้อยใจ จนความอดทนเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่น้อยนิดได้ถูกทำลายหายไปจนสิ้น

 

 

“เหยียดหยามรึ คำพูดนี้ของเหนียงเหนียงตรัสได้ประหลาดนัก เห็นได้ชัดว่ากระหม่อมยังมิได้พูดอะไรออกมา เหนียงเหนียงกลับทรงรู้สึกถึงความเหยียดหยาม หรือเหนียงเหนียงทรงกระทำเรื่องอะไรไปถึงได้ร้อนตัว?”

 

 

คำพูดของซูหลีทำให้บรรยากาศภายในตำหนักหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เพียงพริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียด

 

 

ขุนนางบนท้องพระโรงมิได้ปัญญาทึบ เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์นี้อย่างถี่ถ้วน ในใจของพวกเขามีการคาดเดาบางอย่างอยู่บ้าง ทุกคนมองไปทางเซียวซูเฟยด้วยความตกใจ

 

 

หรือเซียวซูเฟยจะกระทำเรื่องอะไรผิดจริงๆ

 

 

“จะ เจ้า…” เซียวซูเฟยได้ยินคำพูดเถรตรงยิ่งกว่าเดิมของนาง ทั้งร่างก็รู้สึกลนลานจนล้มลงไปนั่งที่พื้น มองซูหลีอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

 

นี่ซูหลีเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร

 

 

นางต้องการนำเรื่องนั้นออกมาเปิดเผยจริงหรือ

 

 

“เหนียงเหนียง ก่อนหน้าพระองค์ประชวรเพราะอะไร หรือเพราะอะไรถึงได้โศกเศร้าถึงเพียงนี้ เรื่องนี้ยังจะต้องให้กระหม่อมเอ่ยเตือนสติพระองค์จริงหรือ”

 

 

“หรือเหนียงเหนียงทรงคิดว่าฝ่าบาทจะทรงเห็นแก่หน้าของใต้เท้าเซียวทั้งสองและจะทรงออมชอมให้พระองค์อีก!?”

 

 

ซูหลีเดินบีบเข้ามาใกล้ฉากกันลมทีละก้าว เซียวซูเฟยที่นั่งลงบนพื้นถึงกับถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง

 

 

ทั้งร่างของนางสั่นเทาน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว และไม่หลงเหลืออำนาจที่ตำหนิซูหลีเมื่อครู่แล้ว

 

 

“เจ้าอย่าเข้ามา!” น้ำเสียงของเซียวซูเฟยเต็มไปด้วยความร้อนรน สายตาทั่วทุกสารทิศยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

 

 

นางพลันรู้สึกว่าการ กระทำที่ตนปฏิบัติต่อซูหลีวันนี้ อาจจะเป็นความผิดพลาดแล้ว

 

 

“ซูเฟยเหนียงเหนียง หากมิได้ทำผิดก็มิต้องเกรงกลัวสิ่งใด ก่อนที่จะคิดว่าจะทำร้ายบุคคลที่ซื่อตรงอย่างไร พระองค์ควรดูแลตัวพระองค์ให้ดีเสียก่อนเถอะ!” สีหน้าของซูหลีเยียบเย็นเป็นอย่างมาก นางยืนขึ้นอย่างมั่นคง มองกราดลงมายังเซียวซูเฟยอย่างได้เปรียบ

 

 

มิผิด นางไม่กล้าพูดเรื่องนั้นออกไป

 

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเซียวซูเฟยจะสามารถเที่ยวก่อกรรมตามอำเภอใจได้!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] เหยียบจมูกขึ้นหน้า เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึง การที่ฝั่งหนึ่งให้เกียรติอีกฝั่งหนึ่ง แต่อีกฝ่ายไม่คิดสนใจ กลับจะวางท่าได้ใจยิ่งขึ้น

 

 

[2] เรือล่มเมื่อจอด เป็นสำนวน หมายถึง ความล้มเหลวเนื่องจากขาดความพยายามในครั้งสุดท้าย