ตอนที่ 1081 มีเรื่องเช่นนี้จริง / ตอนที่ 1082 มิเห็นฝ่าบาทในสายตา!

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1081 มีเรื่องเช่นนี้จริง

 

 

จวนที่โอ่อ่าขนาดนั้นหลังหนึ่งจะไม่พบยาช่วยชีวิตขวดหนึ่ง นี่ก็ดูเหมือนจะพูดต่อไปไม่ได้แล้วกระมัง

 

 

เรื่องอื่นยังไม่ต้องกล่าวถึง ซูหลีสามารถยืนยันได้ว่า ยาพิษในมือของเซียวเก๋อเหล่า ใช้ยาช่วยชีวิตของนางปรุงขึ้นมาอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นเซียวเก๋อเหล่ามิมีทางจะเข้าใจของสิ่งนี้อย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนี้

 

 

รู้แม้กระทั่งหากเพิ่มผงจินช่วงเข้าไป ยานี้กลายเป็นยาพิษ

 

 

เรื่องนี้แม้แต่นางที่เป็นคนปรุงยานี้ขึ้นมายังไม่เข้าใจมากนัก!

 

 

วัตถุดิบในยาช่วยชีวิตมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ภายในมีความเกี่ยวข้องกับลักษณะฤทธิ์ยาจำนวนมากและมีเงื่อนไขพิเศษ หากต้องการวิเคราะห์สิ่งนี้อย่างทะลุปรุโปร่งมิใช่เรื่องง่าย ระยะเวลาหนึ่งเดือนเศษ…ซูหลีรู้สึกว่าเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

 

 

แน่นอนว่ายังไม่ต้องตัดอีกรูปการณ์หนึ่งออกไป คืออีกฝ่ายอาจจะบังเอิญพบเรื่องนี้เข้าและใช้ประโยชน์จากของสิ่งนี้มาจัดการนาง

 

 

การค้นพบอย่างกะทันหันนี้ทำให้หัวใจของซูหลีเกิดความยุ่งยากเป็นอย่างมาก

 

 

ในใจของนางเกิดความคิดที่ซับซ้อนมากมาย อีกทั้งยังครุ่นคิดว่าพวกเขารู้เรื่องยาช่วยชีวิตได้อย่างไร ยิ่งต้องครุ่นคิดอย่างหนักว่าของสิ่งนี้มีคนนำไปแพร่งพรายหรือไม่

 

 

คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีมากจนเกินไป ทำให้ในเวลานี้นางยังจัดระบบความคิดของตนได้ไม่ปรุโปร่ง

 

 

อย่างไรนางก็รู้สึกว่าตนมองข้ามอะไรบางอย่างไป ทว่าในเวลานี้เรื่องในสมองมีมากเต็มไปหมด นางจึงยังคิดไม่ออกว่าสิ่งที่นางมองข้ามไปนั้นคืออะไร

 

 

“ซูเฟยเหนียงเหนียงเสด็จแล้ว!” ในขณะที่ซูหลีกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เซียวซูเฟยก็มาถึงตำหนักแล้ว

 

 

นางตะลึงไปพริบตาหนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเซียวซูเฟยที่ถูกคนประคองเดินเข้ามาและหยุดที่หลังฉากกันลมที่เพิ่งตั้งขึ้นเมื่อครู่

 

 

ซูหลีเงยหน้าขึ้นค่อนข้างช้า จึงเห็นเพียงแผ่นหลังของเซียวซูเฟยเท่านั้น

 

 

นางดูเหมือนจะซูบผอมลงไปเยอะมาก แผ่นหลังของนางนั้นดูผอมลงไม่น้อย

 

 

ดูเหมือนว่าช่วงนี้คงจะกลัดกลุ้มมิน้อย

 

 

ซูหลีแค่นยิ้มเย็นออกมา ไม่รู้นางจะกลัดกลุ้มอะไร กลัดกลุ้มเรื่องของฉินเย่หาน หรือกลัดกลุ้มเรื่องจะจัดการนางอย่างไรกัน

 

 

“ถวายบังคมซูเฟยเหนียงเหนียง” คนในตำหนักเพียงทำความเคารพเซียวซูเฟยอย่างง่ายๆ

 

 

“มิต้องพิธีรีตอง” น้ำเสียงของเซียวซูเฟยแหบแห้งดังผ่านฉากกันลมออกมา

 

 

น้ำเสียงนี้ฟังดูแล้วรู้สึกถึงอ่อนล้า รับกับคำพูดที่เซียวเก๋อเหล่าบอกเล่าก่อนหน้านี้พอดี

 

 

ในดวงตาของซูหลีฉายแววเข้มงวด ในขณะที่ทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบนางพลันเอ่ยพูดขึ้น

 

 

“จากที่ใต้เท้าเซียวกล่าวไว้ว่า ช่วงเวลานี้พระวรกายของเหนียงเหนียงทรงมิค่อยสบายนัก หลังจากที่หมอหลวงตรวจชีพจรของเหนียงเหนียงแล้วกล่าวว่า เหนียงเหนียงได้รับพิษได้ ซูเฟยเหนียงเหนียง นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เมื่อเริ่มพูดนางก็ไม่มีความเกรงใจสักเท่าไร คำพูดที่เอ่ยมาก็ไม่รื่นหูสักเท่าไร

 

 

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว บัณฑิตเซี่ยตวัดตามองไปที่ซูหลี สีหน้ายังถือว่าปกติอยู่ หากยาพิษนี้มิใช่ซูหลีเป็นผู้กระทำ

 

 

ถูกผู้อื่นวางแผนทำร้ายโดยใช้ทุกวิถีทางในครานี้ หากเปลี่ยนเป็นใคร อารมณ์ก็คงไม่ดีนักหรอก!

 

 

“มิผิด” เซียวซูเฟยที่อยู่หลังฉากกันลมหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้พูดยืนยัน

 

 

“ใต้เท้าเซียวกล่าวว่า พิษที่เซียวซูเฟยได้รับ เป็นอากาศธาตุในขวดกระเบื้องขาวใบเล็กนี้ อีกทั้งขวดใบเล็กนี้เป็นขวดที่กระหม่อมมอบให้แด่เหนียงเหนียง”

 

 

ซูหลีมองเซียวซูเฟยด้วยสายตาเยียบเย็น นางให้โอกาสเซียวซูเฟยแล้ว ต้องดูว่าคนคนนี้จะรู้จักเอาตัวรอดหรือไม่

 

 

หากนางตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ในเมื่อรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าได้เคยดูฉินเย่หานโปรดปรานมาก่อน ทว่าหากยังต้องระบายความโกรธลงที่ซูหลี เช่นนั้นซูหลีก็มิอาจอดกลั้นไว้ได้อย่างแน่นอน!

 

 

“…” เซียวซูเฟยชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้ามองทะลุฉากกันลมนี้มองไปยังด้านนอก

 

 

ภายนอกนั้นมีคนยืนอยู่เยอะมาก ทว่ากลับมีร่างหนึ่งที่มิเห็นกับคนอื่นๆ คนผู้นั้นสวมชุดอาภรณ์ที่บนท้องพระโรง ดูแล้วช่างขัดตามาก!

 

 

หัวใจนางเต้นไม่เป็นส่ำ ความเกลียดบางส่วนที่ไม่อาจควบคุมได้ทะลักออกมาจากอกของนาง ทำให้นางหายใจติดขัด!

 

 

มีสิทธิ์อะไร

 

 

มีสิทธิ์อะไรที่ทำให้นางต้องประสบกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้!

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1082 มิเห็นฝ่าบาทในสายตา!

 

 

มีสิทธิ์อะไรยืนอยู่ในสายตาของเขา!

 

 

กระทั่งกลายเป็นคนที่เขาใส่ใจเป็นอย่างมาก!

 

 

นี่เป็นความผิดของซูหลี!

 

 

มือของเซียวซูเฟยกำผ้าเช็ดหน้าในมือของตนแน่น จนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นแทบจะถูกบิดจนขาด

 

 

หากไม่ใช่เพราะซูหลี นางก็คงไม่ถูกบุรุษแปลกหน้า…

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไป นางก้าวมาด้านหน้าก้าวหนึ่งอย่างกะทันหันแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็น

 

 

“ใต้เท้าซู ขวดกระเบื้องสีขาวใบเล็กนั่นท่านเป็นคนให้ข้ากับมือ ไยบัดนี้ยังถามข้าเช่นนี้อีกเล่า!”

 

 

ช่างปัญญาทึบโดยแท้!

 

 

เดิมซูหลีรู้สึกเห็นใจชีวิตขมขื่นของเซียวซูเฟย! ทว่านางกลับกระโดดข้ามขีดจำกัดของซูหลีอีกครา ความเห็นใจเล็กน้อยที่อยู่ในใจซูหลีได้สลายไปหมดแล้ว!

 

 

“กราบทูลฝ่าบาท เหนียงเหนียงทรงตรัสชัดเจนถึงเพียงนี้แล้ว ขวดใบนี้เป็นของที่ใต้เท้าซูมอบให้พระองค์จริงๆ” เซียวเก๋อเหล่าที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนว่าในที่สุดก็คว้าโอกาสได้แล้ว

 

 

เขาชี้นิ้วไปทางซูหลี แล้วกล่าวเสียง

 

 

ใบหน้าของฉินเย่หานที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ กลับมีสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไรนัก คนจำนวนมากเห็นแล้วล้วนคิดว่าเขาจะต้องดูซูหลียั่วยุจนเกิดโทสะแล้ว! 

 

 

นางร้องขอที่จะพบกับเซียวซูเฟย ทว่าหลังจากเผชิญหน้าแล้วก็ยังได้รับผลสรุปเช่นนี้!

 

 

นี่ไม่ใช่กำลังตบหน้าตนเองอยู่หรือ!?

 

 

“พระทัยของเหนียงเหนียงช่างกว้างใหญ่โดยแท้ ก่อนหน้านี้สองสามคราก่อนยังสงสัยว่ากระหม่อมเป็นคนทำร้ายพระโอรสพระราชธิดาของเหนียงเหนียงอยู่เลย แม้กระทั่งเตรียมให้กระหม่อมใช้โลหิตคัดพุทธคัมภีร์เพื่อลดโทษอยู่เลย กระหม่อมยังคิดอยู่ว่านี่เหนียงเหนียงคงจะเกลียดแค้นกระหม่อมเป็นอย่างมาก!”

 

 

ซูหลีหัวเราะอย่างเย้ยหยันติดต่อกัน นางก้าวมาด้านหน้าอีกก้าวหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกแล้วเอ่ย “คิดมิถึงว่าเหนียงเหนียงจะมีก้นบึ้งพระทัยที่ใสบริสุทธิ์ดุจดอกบัวขาว หลังจากที่สงสัยว่ากระหม่อมมีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่อีกครา ยังสามารถรับของที่กระหม่อมมอบให้เหนียงเหนียงอย่างสบายๆ”

 

 

“แม้กระทั่งสามารถพกติดพระวรกาย! อีกทั้งยังนำไปใช้อีก!”

 

 

ซูหลีพูดด้วยน้ำเสียงหนักมาก ทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบงัน

 

 

มิผิด หากเป็นคนปกติคนหนึ่ง หลังจากที่มีความขัดแย้งกับซูหลีมากถึงเพียงนี้ แม้ซูหลีจะมอบสิ่งใดให้ก็ไม่ควรรับกระมัง

 

 

รับมาแล้วก็ช่าง แต่นี่กลับนำไปใช้อยู่ทุกวัน

 

 

เหตุผลนี้ดูเหมือนจะไม่มีความเป็นไปไม่ได้สักเท่าไร

 

 

ทว่าไม่ว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ยาพิษนั่นพิสูจน์และยืนยันแล้ว เป็นยาที่ซูหลีพกติดตัวแปรเปลี่ยนกลายเป็นยาพิษ ซูเฟยก็ยืนยันอย่างขันแข็งว่า ของสิ่งนี้เป็นของที่ซูหลีมอบให้

 

 

เรื่องในวันนี้ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนโดยแท้!

 

 

“…นั่นเป็นเพราะเจ้าบอกว่ายานี้มีสรรพคุณทางด้านความงาม!” หลังจากที่เซียวซูเฟยเงียบไปนาน พลันส่งเสียงโต้แย้งขึ้น

 

 

เหตุผลนี้ยังถือว่าพอจะฟังขึ้น อย่างไรสตรีโดยเฉพาะสตรีในวังหลัง เรื่องที่พวกนางให้ความสนใจมากที่สุดก็คือเรื่องภาพลักษณ์

 

 

ทว่าพอจะฟังขึ้น ทว่าไม่ได้หมายความว่าจะน่าเชื่อถือ

 

 

ทว่าหากนางยืนยันคำพูดเช่นนี้จริงๆ ซูหลีก็ไม่มีทางออกแล้วเช่นกัน! เพราะนางไม่มีทางพิสูจน์ว่า ตนมิเคยให้ของแบบนี้กับเซียวซูเฟย

 

 

บ่าวข้างกายเซียวซูเฟยก็ไม่มีทางเป็นพยานให้กับซูหลีอย่างแน่นอน!

 

 

ประการนี้ทุกคนในตำหนักล้วนทราบดี

 

 

“หืม กระหม่อมพูดว่าได้ เหนียงเหนียงก็ทรงเชื่อหรือ เหนียงเหนียง พระองค์ฉลาดปราดเปรื่องโดยแท้!” ภายในคำพูดของซูหลีแฝงไปด้วยความประชดประชัน เหมือนกับคำว่า ‘ดอกบัวขาว’ ที่นางพูดเมื่อครู่ แม้เซียวซูเฟยจะไม่รู้ความหมาย ทว่าก็รู้ว่านางกำลังประชดประชันและด่าทอตนอยู่!

 

 

“บังอาจนัก!” ในเวลานี้เซียวซูเฟยอดกลั้นต่อไปไม่ไหว นางเอ่ยออกมาด้วยโทสะ “ซูหลี เจ้าต้องการวางยาพิษใส่ข้าคราแล้วคราเล่า ข้าเห็นแก่ที่เจ้าเป็นขุนนางที่มีคุณูปการถึงได้ปล่อยเจ้า คิดไม่ถึงว่าเรื่องถึงบัดนี้แล้วเจ้ายังประพฤติตนเช่นนี้อีก!”

 

 

“เจ้านั้นมิเห็นข้าและฝ่าบาทในสายตาเลยแม้แต่น้อย!”

 

 

ซูหลีได้ยินเช่นนี้ ในเวลานี้กลับรู้สึกมีความสุข