บทที่ 236
ความสัมพันธ์
ในแต่ละวันเถ้าแก่ร้านแลกเงินจินหยินถังต้องพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้เขาจดจำใบหน้าของใครต่อใครไม่ได้มากนัก แต่ด้วยชื่อเสียงของหอการค้าหยูเย่ทำให้ชายชราค่อยๆเรียกคืนความทรงจำเกี่ยวกับชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเขาได้
เมื่อรู้ว่าพนักงานของตนเสียมารยาทใส่แขกคนสำคัญ เขาก็รีบขอโทษขอโพยลู่จุ้น ก่อนที่จะหันไปตวาดใส่เฉินเชียนด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“เจ้าโง่! นี่เจ้าไม่รู้งั้นรึว่าท่านผู้นี้เป็นใคร!?”
ได้ยินดังนั้นเฉินเชียนก็ได้แต่ก้มหน้ารับผิด และก้มหัวขอขมาลู่จุ้นและหลิวเกิงเฉิงอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยโง่เขลา ท่านทั้งสองได้โปรดรับการขอขมาจากข้าน้อยด้วยเถอะ”
ลู่จุ้นที่เสียความรู้สึกไปแล้ว ก็มองเฉินเชียนด้วยสายตาดูหมิ่นแบบเดียวกับที่เฉินเชียนเคยทำกับพวกเขา
แต่หลิวเกิงเฉิงนั้นมีจิตใจเมตตา เขาก้มตัวลงอยู่ในระดับเดียวกับเฉินเชียนและพูดขึ้นอย่างสุภาพ
“เจ้าลุกขึ้นเถอะ เมื่อครู่เป็นแค่การเข้าใจผิดกัน ข้าไม่ถือสาหรอก”
เมื่อเถ้าแก่ร้านแลกเงินเห็นสถานการณ์คลี่คลายลงด้วยดีก็รับพาแขกทั้งสองขึ้นไปเจรจาต่อที่ชั้นสองของอาคาร พอชายชราทราบเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับสกุลหลิว เขาก็เรียกให้ เฉินเชียน ไปนำตั๋วทองออกมาตามคำขอของหลิวเกิงเฉิง
“ตั๋วทองจำนวนนี้เป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากข้า ขอให้ท่านทั้งสองรับไปอย่าได้เกรงใจ”
การที่เถ้าแก่ร้านแลกเงินให้เงินเปล่ากับพวกเขา หากดูแต่ผิวเผินจะดูเหมือนเขาพยายามจะตีสนิทกับหอการค้าหยูเย่ แต่เมื่อลู่จุ้นคิดดูดีๆแล้วเขาก็เข้าใจความคิดของชายชราได้อย่างแจ่มแจ้ง
หากเป็นเมื่อก่อนไม่ว่าใครๆก็อยากเป็นพันธมิตรกับหอการค้าหยูเย่ แต่หลังจากที่เย่เย่เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ ตงหมิงหยูในครั้งนั้น ทุกคนก็พากันตีตัวออกห่างไปกันหมด ดังนั้นเงินจำนวนนี้ก็คือค่าใช้จ่ายที่จะไม่ให้คนของหอการค้า หยูเย่ หรือคนที่เกี่ยวข้องมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง
“ลู่จุ้นซาบซึ้งในความเมตตาของเถ้าแก่ ท่านวางใจได้ข้าจะไม่มาเหยียบที่ร้านแลกเงินนี้อีก หากสถานการณ์คลี่คลายลงแล้วข้าจะหาทางมาทดแทนบุญคุณของท่าน” เมื่อลู่จุ้นพูดจบ เขาก็รับตั๋วทองกองนั้นไว้ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่เขาและหลิวเกิงเฉิงพากันออกจากร้านแลกเงิน
หลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงบ้านสกุลหลิว หลิวเกิงเฉิงก็จัดงานเลี้ยงเล็กๆเพื่อเป็นการขอบคุณต่อลู่จุ้น
ทันทีที่หลิวซูรู้ว่าลู่จุ้นมานางก็รีบออกมาต้อนรับอย่างสนิทสนม แต่ลู่จุ้นกลับรู้สึกผิดและไม่กล้าจ้องใบหน้าของนางตรงๆ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของลู่จุ้นทำให้หลิวซูจับสังเกตได้ เมื่องานเลี้ยงเลิกรานางจึงสั่งให้คนรับใช้พานางไปหาลู่จุ้นที่นั่งอยู่ตามลำพังในสวนหย่อม
ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากถาม ลู่จุ้นก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“แม่นางหลิว ข้ามีสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า แม้ว่าผงวิเศษจะช่วยเยียวยาดวงตาของเจ้าได้ แต่ด้วยความหายากและราคาของมัน ขอบอกตามตรงว่าข้าเองก็จนปัญญา”
หลิวซูได้ฟังดังนั้นสีหน้าที่ยิ้มแย้มของนางก็เปลี่ยนเป็นความผิดหวัง หลังจากที่ทั้งสองนั่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน หลิวซูก็เป็นฝ่ายที่ปลอบโยนลู่จุ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคง
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านพี่ลู่ ท่านทำเพื่อข้ามามากพอแล้ว อีกอย่างข้าก็เริ่มคุ้นชินกับดวงตาคู่นี้แล้ว…”
ลู่จุ้นกัดริมฝีปากตัวเอง จนเลือดไหลซิบๆด้วยความเจ็บใจ ก่อนที่จะเอ่ยชื่อของแม่นางหลิวออกมาอย่างแผ่วเบา เขารู้สึกผิดที่ต้องเป็นฝ่ายที่ถูกปลอบประโลมเสียเอง
“แม่นางหลิว…”
“ท่านพี่ลู่ ขอบคุณที่คอยดูแลข้าและครอบครัวของข้ามาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ดวงตาของข้าจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่ท่านคอยอยู่ข้างๆอย่างนี้ข้าก็มีความสุขแล้ว” หลิวซูพูดขึ้นด้วยท่าทีเขินอาย ทำให้หัวใจของลู่จุ้นเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
แต่แล้ว ลู่จุ้นก็ลุกขึ้น โค้งคำนับหลิวซูคราหนึ่ง ก่อนกัดฟันและพูดขึ้น
“แม่นางหลิว อภัยให้ข้าด้วย”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันหลังให้นางและเดินออกไปอย่างช้าๆ ปล่อยให้เสียงฝีเท้าที่เขาเดินจากไปดังก้องอยู่ในหัวของ หลิวซู
แหมะ แหมะ แหมะ
เสียงหยาดน้ำตาไหลรินออกจากตาสองข้างที่บอดสนิท กระทบกับโต๊ะหินอ่อนอย่างช้าๆ โดยที่แม้แต่เจ้าของหยดน้ำตาไม่รู้ตัว หลิวซูไม่รู้ว่าทำไมการจากไปของคนที่รู้จักกันได้ไม่นานถึงทำให้นางเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าการสูญเสียการมองเห็นเสียอีก
ในขณะเดียวกัน ลู่จุ้นที่ทนแบกรับความรู้สึกผิดไม่ไหว เขาก็รีบเดินหนีออกมาจากบ้านสกุลหลิวโดยที่ไม่ได้ร่ำลา หลิวเกิงเฉิง
การสนทนากับเถ้าแก่ร้านแลกเงินจินหยินถังทำให้ลู่จุ้นฉุกคิดขึ้นได้ว่าไม่ควรให้ใครเข้ามาพัวพันกับหอการค้าหยูเย่ในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้ข้ออ้างนั้นหลบเลี่ยงออกมา และได้แต่หวังว่าหากวันหนึ่งเหตุการณ์สงบลง เขาจะกลับมาขอโทษและอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้หลิวซูฟัง
เมื่อลู่จุ้นกลับมาถึงหอการค้าหยูเย่ เขาก็พบว่าเย่เย่นั่งกอดอกเหมือนว่ากำลังรอใครสักคนอยู่บนเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“พักนี้เจ้ามีเวลาว่างเยอะเลยสินะ ถึงได้ใช้ชื่อหอการค้า หยูเย่ข่มขู่ รีดไถคนอื่นไปทั่ว ไม่เห็นหัวข้าแล้วอย่างงั้นรึ?”
“เถ้าแก่! ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้ใช้ชื่อหอการค้าข่มขู่ผู้อื่น ข้าแค่ใช้มันเพื่อปกป้องผู้อ่อนแอ ด้วยวรยุทธ์ที่อ่อนด้อยของข้าทำให้ข้าไม่มีทางเลือกอื่น อีกอย่างตั๋วทองนี้เถ้าแก่ร้านแลกเงินเป็นคนยกให้ข้าเอง!”
อย่างไรก็ตามเย่เย่ก็ทำเป็นไม่สนใจคำให้การของลู่จุ้น เขาเอามือไขว้หลังและถามขึ้นอีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีเวลาฝึกยุทธ์ ตอนนี้เจ้ามีเวลามากพอแล้วเหตุใดจึงเอาแต่ก่อเรื่องไม่หยุดไม่หย่อน เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” เย่เย่ทั้งน้ำเสียงและวาจากดดันลู่จุ้น จนเขาพูดไม่ออก
เสวี่ยหยูที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นางก็เดินเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองและพูดขึ้น
“เอาน่า ท่านประธานอย่าใจร้ายกับเขานักเลย เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายแรงนักหรอก”
ลู่จุ้นรู้สึกขอบคุณที่แม่นางเสวี่ยหยูช่วยพูดแก้ต่างแทนเขา ก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยปากขอบางอย่างจากเย่เย่
ทว่าเย่เย่กลับเป็นฝ่ายที่ยื่นผงเบิกเนตรให้กับลู่จุ้นก่อนที่เขาจะพูดเสียอีก “เอามันไปรักษาแม่นางหลิวของเจ้าซะ และเจ้าก็ไม่ต้องกังวลกับทัณฑ์สวรรค์มากนัก ในการคุ้มครองของข้าพวกนั้นทำอะไรไม่ได้แน่ วางใจเถอะ”
เมื่อรับถุงที่บรรจุผงที่ส่องแสงเป็นประกายราวกับอัญมณี ลู่จุ้นก็อดแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเย่เย่ไม่ได้ จึงแสดงสีหน้างุนงงออกมาจนเย่เย่สังเกตได้
“อะไรเล่า? นี่เจ้าคิดว่าเถ้าแก่ของเจ้าเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย” เย่เย่ยังคงความเคร่งขรึมไว้ เขาพยักหน้าให้ลู่จุ้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเดินกลับขึ้นไปฝึกยุทธ์ต่อ
“ขะ ขอบคุณเถ้าแก่ ขอบคุณ!” ลู่จุ้นโค้งคำนับเย่เย่ เขาก้มแล้วก้มอีกจนเย่เย่พ้นไปจากระยะสายตาของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสที่มีต่อเย่เย่อย่างที่ไม่เคยมีมากขนาดนี้มาก่อน
เสวี่ยหยูที่เห็นลู่จุ้นขอบคุณอยู่ยกใหญ่ นางก็หัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้
“ฮิ ฮิ เห็นหน้าบูดเป็นตูดลิงแบบนั้น แต่ท่านประธานน่ะอ่อนโยนกว่าที่เจ้าคิดนะ พวกเรารู้เรื่องของเจ้ากับแม่นางหลิวแล้วล่ะ ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับไปหานางแล้ว งานทางนี้ข้าจัดการเอง” เมื่อเสวี่ยหยูพูดจบ นางก็กลับไปทำหน้าที่ของนางต่อ
ได้ยินดังนั้นทำให้ทัศนคติของลู่จุ้นที่มีต่อเย่เย่เริ่มเปลี่ยนไป เขาประสานมือคำนับเสวี่ยหยู ก่อน มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านสกุลหลิวอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เจียงอู๋และเจียงคุนสององครักษ์ข้างกายมเหสีเจียงเหยียนที่ได้รับมอบหมายให้สืบความเกี่ยวข้องระหว่างสำนักข่าวพิราบฟ้าและหอการค้าหยูเย่ ก็ได้กลับมารายงานเบาะแสเบื้องต้นที่พวกเขาได้รับแก่พระมเหสี
“รายงานพระมเหสี แม้พวกเราไม่รู้ว่าหอการค้าหยูเย่และสำนักข่าวพิราบฟ้าทำข้อตกลงอะไรกันไว้ แต่ระหว่างพวกเขามีการทำธุรกิจร่วมกันอย่างแน่นอนขอรับ” เจียงอู๋ชันเข่าประสานมือรายงานพระมเหสีเจียงด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่มั่นใจ…