ตอนที่ 1646

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่แล้วตอนที่ 1,645 : ร้องเรียงเรื่องราว

ทั้งหมดรายชื่อตอน

ตอนถัดไปตอนที่ 1,647 : เจ้าเมืองคลื่นขจี!

ตอนที่ 1,646 : คุณหนูใหญ่ แห่งคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน!

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รับรู้เลยว่า ตอนนี้ข่าวเรื่องที่เขาครอบครองตราผนึกมารอยู่ จะถูกส่งไปถึงหูศัตรูชั่วชีวิตของบิดาเขาเสียแล้ว

 

ส่วนตอนนี้เขาก็เดินทางมาถึงเขตอิทธิพลของคฤหาสน์คลื่นขจีเรียบร้อย

 

ตลอดทางนั้นเขาเดินทางโดยใช้ กระบี่บิน อันเป็นกระบี่ที่ควบรวมมาจากเขตแดนหมื่นกระบี่ ความเร็วของมันเรียกได้ว่าทัดเทียมกับเซียนดั้งเดิมขั้นต้น!

 

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนจึงไม่พบปัญหาใดๆตลอดการเดินทาง

 

‘ไปถามข้อมูลจากคนอื่นก่อนดีกว่า’

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมาถึงเขตอิทธิพลของคฤหาสน์คลื่นขจีแล้ว แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของเขตอิทธิพลคฤหาสน์คลื่นขจีกันแน่

 

เมื่อเหินเวหาท่องกระบี่มาจนถึงเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ลงไปสอบถามข้อมูลมา จึงได้รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่เมืองใต้อาณัติของประเทศที่มีตระกูลอันเป็นขุมพลังชั้น 6 ตั้งตนเป็นจ้าวปกครองอยู่

 

ประเทศแห่งนี้เรียกว่าประเทศเซียน เป็นขุมพลังชั้น 6 ลำดับที่ 6 ภายใต้การปกครองของคฤหาสน์คลื่นขจี

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยู่ในเมืองเล็กๆใต้การปกครองของประเทศดังกล่าว ไม่ได้เป็นเมืองหลวงอะไรด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้วคนที่เขาเจอส่วนใหญ่ ที่ร้ายกาจหน่อยก็มีแค่ระดับสู่เซียนเท่านั้น

 

ในขณะที่ไปสอบถามผู้คนเพื่อหาข้อมูลกับเส้นทาง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังจับตาดูเขาอยู่

 

ในเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

 

เมืองเล็กๆแห่งนี้นับว่าไกลปืนเที่ยงนัก ยากที่จะมีใครแวะเวียนผ่านมา

 

วันนี้ในเมื่อมีคนแปลกหน้าเช่นเขาเข้ามา ย่อมตกเป็นเป้าหมายเป็นธรรมดา

 

ด้วยเนตรเทวะ เขาก็พบว่าในบรรดาคนที่เพ่งเล็งเขาร้ายกาจที่สุดก็แค่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น เขาก็คร้านจะแยแสอะไรพวกมันสืบไป

 

หลังจากที่ไถ่ถามอะไรเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกจากเมือง ก่อนที่จะวูบร่างหายไปต่อหน้าต่อตาเหล่าคนที่คอยตามเขามาทั้งหมด

 

“หายไปที่ใดแล้ว?!”

 

พอได้เห็นร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วงหายตัวไปต่อหน้าต่อตา เหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบไม่กี่คนที่คิดฆ่าปล้นชิงต้วนหลิงเทียน ถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นออกมา

 

“ความเร็วนั่น…อย่างน้อยๆต้องบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่?”

 

หนึ่งในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบกล่าวถึมพำ

 

มันเองก็เจียนบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่อยู่รอมร่อ การที่อีกฝ่ายหายตัวไปต่อหน้าต่อตามันได้ เช่นนั้นต้องมีพลังฝึกปรืออย่างน้อยๆ สู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!

 

“มิใช่! เจ้าหนุ่มนั่น…ท่ทางจะบรรลุครึ่งก้าวเซียนแล้ว!”

 

ในบรรดาทั้งหมด ยอดฝีมือที่ท่าทางจะร้ายกาจที่สุดอดไม่ได้ทีจะกล่าวออกมาพร้อมหลั่งเหงื่อเย็น แววตาของมันยังเต็มไปด้วยความเสียขวัญนัก

 

“ละ…ลูกพี่ อย่าได้บอกพวกเราเชียวว่ากระทั่งท่านยังมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวของมัน”

 

ทันใดนั้นหลายคนเริ่มหน้าเปลี่ยนสี ถามออกมาด้วยความหวาดกลัว

 

“ในสายตาของข้า…เหมือนมันหายตัวไปในอากาศว่างเปล่า! กระทั่งครึ่งก้าวเซียนทั่วไปยังมิอาจบรรลุความเร็วระดับนี้ได้ มันสมควรเป็นครึ่งก้าวเซียนระดับยอดฝีมือในรายนามนภา หรือไม่ก็ยอดฝีมือในขอบเขตเซียน!”

 

ชายที่ถูกเรียกหาว่าลูกพี่นั้น มันเป็นคนที่มีพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ตอนนี้ปากของมันอ้าออกค้าง กล่าวด้วยความตื่นตระหนก “ยอดฝีมือระดับนี้น่ากลัวว่าจะพบการลอบติดตามของพวกเราแต่แรกแล้ว โชคดีที่ท่านผู้นั้นไม่คิดถือสาหาความ หาไม่แล้วพวกเราคงยากจะรอดพ้นความตายกันได้!”

 

จังหวะนี้หลายคนถึงกับเงียบไปไร้คำกล่าว

 

หากมองให้ละเอียด จะพบว่าหว่างคิ้วหน้าผากพวกมัน ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น!

 

อันที่จริงแล้วการสังหารคนกลุ่มนี้ ก็เป็นเรื่องง่ายดายสำหรับต้วนหลิงเทียนนัก

 

อย่างไรก็ตามใจต้วนหลิงเทียนจดจ่ออยู่กับแต่ลี่เฟย เขาจึงคร้านจะมัวมาเสียเวลาอะไรกับคนพวกนี้

 

หลังจากถามว่าพื้นที่ส่วนกลางของเขตอิทธิพลของคฤหาสน์คลื่นขจีอยู่ที่ไหน เขาก็รีบออกเดินทางอย่างเร็วที่สุด

 

เมื่อมาถึงพื้นที่ส่วนกลางแล้ว เป้าหมายต่อไปของเขาแน่นอนว่าต้องเป็น ฐานที่มั่นของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นขุมพลังชั้น 5

 

ในฐานะขุมพลังชั้น 5 แน่นอนว่าคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานไม่ได้จะเข้าไปได้ง่ายๆ

 

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงจำต้องมายังเมืองคลื่นขจีเสียก่อน

 

เมืองคลื่นขจีนับเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเขตอิทธิพลของคฤหาน์คลื่นขจี ยิ่งไปกว่านั้นคฤหาสน์คลื่นขจีเองยังตั้งสาขาย่อยขึ้นมา ณ เมืองแห่งนี้ด้วย

 

สาขานี้มีไว้เพื่อควบคุมดูแลเมืองคลื่นขจี

 

เจ้าเมืองของเมืองคลื่นขจี ก็เป็นคนของสกุลหาน

 

คฤหาสน์คลื่นขจีของสกุลหานนั้น แม้จะเป็นขุมพลังชั้น 5 แต่การจัดการภายในก็คล้ายนิกาย สำนัก อยู่บ้าง

 

ในคฤหาสน์คลื่นขจี ต่อให้ท่านไม่ได้ใช้แซ่หาน แต่หากพลังฝีมือท่านสูงส่งก็ล้วนเป็นที่ยอมรับนับถือ

 

นอกจากนี้กระทั่งเรื่องผู้นำคฤหาสน์ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

 

ในคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน ตอนนี้ศิษย์ต่างแซ่ที่นับว่าโดดเด่นที่สุดก็คือผู้ฝึกสัตว์ กล่าวไปคนผู้นี้ก็เป็นดั่งพี่น้องแท้ๆของผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีคนปัจุบัน และผู้ฝึกสัตว์คนนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดีในคฤหาสน์คลื่นขจี

 

เช่นนั้นแล้วตราบใดที่ท่านมีดีพอ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่มิอาจเข้าร่วมกับคฤหาสน์คลื่นขจีไปเลย

 

หลังจากที่มาถึงเมืองคลื่นขจี ต้วนหลิงเทียนก็มองหาที่พักเล็กๆแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะออกไปนั่งในเหลาอาหารทั้งวัน

 

เหลาอาหารที่เขาเลือกนั้นเป็นเหลาที่คึกคักที่สุดในเมืองคลื่นขจี ถึงแม้ว่าเหลาแห่งนี้จะใหญ่โตมากชั้น แต่กลับเต็มไปด้วยผู้คนแทบจะตลอดเวลา

 

ต้วนหลิงเทียนพยายามจนสามารถนั่งโต๊ะริมหน้าต่างได้ เขาสั่งสุราอาหารของขึ้นชื่อต่างๆมามากมายและลิ้มรสชาติอย่างละเมียดละไม

 

ตอนนี้ต่อให้มีคนรู้จักและสนิทสนมกับต้วนหลิงเทียนมากเพียงใดมาอยู่ที่นี่ ก็คงยากที่จะจดจำเขาได้! เพราะตอนนี้รูปลักษณ์ของเขากลับแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง!

 

ใบหน้าใหม่นี้ของเขาให้ความรู้สึกเย็นชายากเข้าถึง ประหนึ่งมีไอเย็นแผ่ออกมาห้อมล้อมรอบกาย! นี่ไม่ใช่หน้ากากหนังมนุษย์อะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการปลอมตัวโดยใช้ทักษะลับ

 

ทักษะลับที่ว่าเขาก็ได้รับมาจากผู้เฒ่าหั่ว

 

แก่นของทักษะลับนี้เป็นอะไรที่ง่ายดายนัก คือใช้ปราณในร่างเพียงเล็กน้อยแปรเปลี่ยนกล้ามเนื้อบนใบหน้าส่วนนี้นิดส่วนนั้นหน่อย หากแต่นั่นกลับส่งผลให้รูปโฉมเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!

 

ทักษะลับชนิดนี้นับว่ายากที่จะมองออกได้ และเหนือกว่าทักษะปลอมแปลงรูปโฉมอื่นๆไม่น้อย

 

ทักษะการปลอมแปลงอื่นๆไม่อาจหลอกลวงพลังวิญญาณของยอดฝีมือขอบเขตเซียนได้ง่ายๆ

 

หากแต่ทักษะแปลงโฉมที่ต้วนหลิงเทียนได้รับมาจากผู้เฒ่าหั่วนี้ สามารถหลอกลวงยอดฝีมือขอบเขตเซียนทั้งหลายได้ง่ายดาย เพราะถึงแม้ใบหน้าที่ปลอมแปลงจะถูกสำนึกเทวะแผ่พุ่งมาตรวจสอบ แต่พวกมันก็จะไม่พบความผิดปกติใดๆบนใบหน้าเขาเลย

 

ต้วนหลิงเทียนที่นั่งริมหน้าต่างก็เงี่ยหูฟังบทสนทนาของผู้คนในเหลาไปเรื่อยๆ

 

แต่หลังจากนั่งแช่อยู่ 2-3 วัน เขายังไม่ได้ยินข่าวที่มีประโยชน์ต่อเขาเลย!

 

ตอนนี้เองพอเสี่ยวเอ้อยกอาหารที่เขาสั่งไว้มาถึงอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้นก่อนที่จะเรียกหินเซียนระดับ 5 ออกมาก้อนหนึ่ง ก่อนที่จะนำไปวางไว้เบื้องหน้าเสี่ยวเอ้อ

 

“ท่านลูกค้า นี่คือ…?”

 

เมื่อเห็นหินเซียนระดับ 5 วางไว้เบื้องหน้าสองตาของเสี่ยวเอ้อก็ลุกวาวขึ้นมา ต้องทราบด้วยว่าหินเซียนระดับ 5 นั้น เทียบได้กับเงินเดือนของมันถึง 3 เดือน!

 

“เสี่ยวเอ้อ…ข้ามีอะไรจะถามเจ้าหน่อย”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“เชิญท่านลูกค้าว่ามาเถอะ”

 

เผชิญหน้ากับคำถามของต้วนหลิงเทียน เสี่ยวเอ้อพยักหน้าทั้งตอบกลับด้วยเสียงผ่านปราณแท้ทันที ทว่าแม้ยามพูดแต่ลูกตาของมันก็จับจ้องมองหินเซียนระดับ 5 ไม่วางตา

 

“เจ้าเคยได้ยินชื่อ หานเฉวี่ยไน่ หรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม

 

“คุณหนูเฉวี่ยไน่?”

 

หลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน เสี่ยวเอ้อก็อดไม่ได้ที่จะโค้งคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านลูกค้า ท่านพึ่งมาถึงเมืองคลื่นขจีเป็นครั้งแรกหรือ?”

 

“เรื่องนี้เจ้ารู้ได้ยังไง?”

 

คราวนี้ถึงตาต้วนหลิงเทียนเป็นฝ่ายประหลาดใจบ้าง

 

“ท่านลูกค้า ตราบใดที่ท่านเคยมาพักยังเมืองคลื่นขจีท่านจะรู้ว่า ทุกผู้คนที่อยู่ในเมืองนี้ล้วนรู้จักคุณหนูเฉวี่ยไน่กันดีทั้งสิ้น นางคือคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน และยังเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของผู้นำคฤหาสน์ ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน!”

 

เสี่ยวเอ้อกล่าว

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขมออกมา นี่เขามัวนั่งบ้าทำอะไรอยู่ตั้ง 2-3 วัน?

 

หากเขาถามผู้คนตั้งแต่แรกๆ ป่านนี้เขาคงได้รู้เรื่องหานเฉวี่ยไน่ไปนานแล้ว! ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าหานเฉวี่ยไน่จะมาจากคฤหาสน์คลื่นขจีจริงหรือไม่!!

 

‘ดูเหมือนข้าจะเดาถูกแล้วจริงๆ หานเฉวี่ยไน่เป็นคนของคฤหาสน์คลื่นขจี…แต่ไม่คิดเลยว่านางจะเป็นบุตรีคนเดียวของผู้นำคฤหาสน์’

 

เมื่อนึกถึงเด็กสาวตัวน้อยที่เคยพบในวันวาน สายตาต้วนหลิงเทียนก็เผยความอ่อนโยนขึ้นมา

 

“หินเซียนก้อนนี้เป็นของเจ้าแล้ว”

 

หลังจากได้รับทราบแล้วว่าหานเฉวี่ยไน่เป็นคนของคฤหาสน์คลื่นขจีจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าเขาสมควรทำอะไรสืบต่อ

 

เนื่องจากสถานะที่พิเศษของหานเฉวี่ยไน่ เขาย่อมสามารถไปเยี่ยมนางในฐานะสหายได้ ‘เดี๋ยวนะ ข้าแค่ไปเยือนสาขาของคฤหาสน์คลื่นขจีที่ตั้งอยู่ในเมืองคลื่นขจีนี้ก็พอนี่นา จะไปถึงที่หรือยังไงก็ไม่ต่างกัน ขอเพียงหานเฉวี่ยไน่รู้ว่าข้าอยู่ที่เมืองคลื่นขจีก็ใช้ได้แล้ว’

 

พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

เส้นประสาทที่ขึงตึงมาหลายวันก็พอได้ผ่อนคลายลงบ้าง

 

ตอนแรกแม้จะคาดเดาว่าหานเฉวี่ยไน่อาจจะเป็นคนของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเขาคาดเดาไปเองไม่มีหลักฐานยืนยันสักอย่าง จึงอดไม่ได้ที่จะตึงเครียดกดดันอยู่บ้าง

 

เพราะสุดท้ายหากเดาผิด เขาก็จะเดินทางมาอย่างสูญเปล่า และกลายเป็นเคว้งคว้างไร้จุดหมายแล้วจริงๆ

 

ทว่าตอนนี้ด้วยวาจาของเสี่ยวเอ้อ ทำให้เขารู้ว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง!

 

“ขอบคุณท่าน!”

 

เสี่ยวเอ้อเร่งขอบคุณและรีบหยิบหินเซียนระดับ 5 ไปเก็บไว้ทันที

 

หลังจากที่เสี่ยวเอ้อจากไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เพียงจิบสุราต่ออีก 2-3 เหยือก กับอาหารอีกไม่กี่จาน หลังจากนั้นเขาก็เตรียมตัวจะออกเดินทาง

 

ตอนนี้เองเสียง 3 เสียงจากโต๊ะข้างๆพลันดังขึ้นเข้าหูเขาพอดี

 

หากเขาได้ยินบทสนทนาของพวกมันก่อนหน้าคุยกับเสี่ยวเอ้อ เขาคงไม่สนใจอะไรเพราะยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของหานเฉวี่ยไน่ในคฤหาสน์คลื่นขจี

 

“ข้าได้ยินมาว่า นายน้อยแห่งคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะมาที่คฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเรา เพื่อสู่ขอคุณหนูใหญ่อันเลอค่าของผู้ตำคฤหาสน์ให้วิวาห์กับมัน! น่ากลัวว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเราคงมิได้สืบทอดคฤหาสน์ต่อจากท่านผู้นำ ดั่งที่ตั้งใจไว้ตอนแรกอีกแล้ว…”

 

หนึ่งในนั้นกล่าว

 

“ข้าได้ยินว่าแม้จะตบแต่งไป..แต่คุณหนูใหญ่คงเป็นได้แค่สนม….เฮ่อ”

 

อีกคนกล่าวขึ้นมา

 

“ข้าเองก็ได้ยินมาแล้วว่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นเจ้าชู้กรุ้มกริ่มแถมมักมากในกามนัก มีภรรยาน้อยใหญ่อยู่มิต่ำกว่า 5 คน ไหนจะสาวอุ่นเตียงคลายเหงาอีกนับไม่ถ้วน! ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้มันจะต้องตาพึงใจคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเราขึ้นมาได้!”

 

คนสุดท้ายกล่าวออกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

 

“ข้ารู้มาว่าก่อนหน้านี้อยู่ดีๆ นายน้อยของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็นึกครึ้มมาเยี่ยมคฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเราอย่างไร้สาเหตุ…จากนั้นพอมันเห็นคุณหนูใหญ่ของพากเรา มันก็ถูกใจนางทันที”

 

“คุณหนูใหญ่ก็นับว่าโชคร้ายนัก ก่อนหน้านี้นางเป็นดั่งเทพธิดาในคฤหาสน์คลื่นขจีสามารถชี้บันดาลทุกสิ่งได้ตามใจ แต่ต่อหน้านายน้อยของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง นางก็ทำได้แค่เชื่อฟังไม่อาจทำอะไรให้เป็นที่ขัดใจมันได้”

 

……