บทที่ 502 สีชิ่นแห่งหอหนึ่งในหล้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 502 สีชิ่นแห่งหอหนึ่งในหล้า
เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาจะเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้

ในขณะนั้นเอง คนรับใช้ก็ขานขึ้นอีก “หอหนึ่งในหล้ามาถึงแล้ว…”

หอหนึ่งในหล้า?

เห็นว่าเจ้าหอของหอหนึ่งในหล้าไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน เป็นชายหรือหญิง จวบจนวันนี้ก็มิมีผู้ใดล่วงรู้ ฐานะเป็นปริศนายิ่ง

ทุกคนต่างหันไปมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

กลับเห็นคนของหอหนึ่งในหล้าสวมหน้ากากหมด ไม่เห็นโฉมหน้า ผู้เป็นผู้นำเป็นหญิงวัยกำดัด เอาบางร่างช้อย นูนเว้าน่าชม ทรวงอกตั้งชัน ดวงตาทั้งคู่ราวกับเปล่งภาษาได้ ครั้นปรากฏ ก็หันไปกะพริบดวงตาพราวเสน่ห์กับทุกคน

ทุกคนตะลึงงัน

คนของหอหนึ่งในหล้ามิใช่ควรสูงส่งเย็นชาหรือ?

เหตุใดจึงอ้อนแอ้นอรชร? ยั่วยวนมีจริตจะก้านเช่นนี้?

กู้ชูหน่วนที่อยู่ไกลๆ ขมวดคิ้ว

หอหนึ่งในหล้าเป็นหนึ่งในอิทธิพลของนาง

แต่หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้คือผู้ใด นางไม่รู้สักนิด

นี่นับเป็นเจ้าหออะไร?

เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันเข้าต้อนรับทันที หลังจากยิ้มแย้มถามไถ่แล้ว ก็อดถามขึ้นไม่ได้ “ไม่ทราบท่านคือ…”

ทุกคนในงานต่างพากันหมดถ้อยคำ

ขนาดเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันก็ยังไม่รู้ว่าคนที่มาเป็นใครของหอหนึ่งในหล้า

พวกเขายังนึกว่าหุบเขาตันหุยกับหอหนึ่งในหล้ามีสัมพันธ์แน่นแฟ้น

ในเมื่อพวกเขาไม่คุ้นเคยกับหอหนึ่งในหล้า แล้วทำไมหอหนึ่งในหล้ากับเผ่าน้ำแข็งจึงมาร่วมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน?

แล้วยังเผ่าหยกที่อยู่ตำแหน่งแรกทางขวาอีก

เผ่าหยกเป็นเผ่าอะไร?

ทำไมพวกเขาจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?

ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถเทียบเคียงกับเผ่าเทียนเฟิ่นได้ ทั้งยังจัดให้อยู่ด้านหน้าของเย่จิ่งหาน ซือโม่เฟย เผ่าน้ำแข็ง และหอหนึ่งในหล้าอีก เกรงว่าจะไม่ใช่กลุ่มอิทธิพลเล็กๆ กระมัง

“ข้าแซ่สี ชื่อพยางค์เดียวอักษรว่าชิ่น เป็นแค่ถันจู่เล็กๆ ในหอหนึ่งในหล้าเท่านั้น”

“หุบเขาตันหุยเชิญหอหนึ่งในหล้ามากได้ ช่างเป็นเกียรติของหุบเขาตันหุยนัก ขอเชิญสีถันจู่เข้าที่นั่ง”

สีชิ่นกวาดมองที่นั่งรอบหนึ่ง ที่นั่งที่สามทางซ้ายเขียนว่าหอหนึ่งในหล้า แต่ยามนี้กลับเป็นไป๋จิ่นกับฮัวฉีหลัวแห่งเผ่าน้ำแข็งนั่งอยู่

สีชิ่นเลิกคิ้วเล็กน้อย มองเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน

หัวใจเจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันหล่นตุบ

แย่แล้ว

เมื่อครู่ยุ่งแต่เรื่องของจอมมาร ลืมดึง ‘หอหนึ่งในหล้า’ คำนั้นออก

ตอนนี้คนของหอหนึ่งในหล้าจะนั่งตรงไหน?

ตำแหน่งที่สอง หรือว่าที่สี่?

นั่งตำแหน่งที่สี่ก็เกรงว่าจะล่วงเกิน

นั่งตำแหน่งที่สอง แล้วจอมมารจะทำเช่นไร?

เขากลัวว่าสีชิ่นจะเอาใจยากเหมือนจอมมาร

จึงได้แต่กล่าว “ขอเชิญสีถันจู่นั่งตำแหน่งที่สามทางขวา”

ทีแรกตำแหน่งที่สามทางขวาเป็นตำแหน่งของจอมมาร แต่จอมมารไม่สนใจ

ที่สามทางซ้าย เปลี่ยนเป็นที่สามทางขวาง น่าจะไม่เป็นการล่วงเกินกระมัง

ไม่รอให้สีชิ่นกล่าว จอมมารก็เอ่ยขึ้นก่อน “ยกที่นั่งข้าให้นางแล้ว เช่นนั้นข้าจะนั่งตรงไหน?”

“เออ…” เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลันคิดหนัก

จอมมารยิ้มเย็นเอ่ย “เจ้าหุบเขาใหญ่น่าหลัน ข้ารับคำเชิญพวกเจ้าเดินทางมาไกล มาร่วมงานชื่นชมยาชั้นเลิศ ก็เพื่อให้พวกเจ้าทำให้อับอายหรือ?”

ครั้นพูดถึงเรื่องนี้ คนของหุบเขาตันหุยก็มีไฟสุมอกอย่างอดไม่ได้

ถูกต้อง พวกเขาหุบเขาตันหุยเชื้อเชิญเขา

แต่เขาไม่ได้มาอย่างเปิดเผย กลับฉวยโอกาสเก็บเกี่ยวในช่วงชุลมุน

ที่เนื้อของหุบเขาตันหุยหายไปหมด ไม่น่าว่าจะเป็นฝีมือของจอมมาร

อีกอย่าง…

สะพานทั้งหมดของหุบเขาตันหุยก็ถูกจอมมารทำลาย แม้แต่ในหุบเขาก็ถูกเขาทำจนมืดฟ้ามัวดิน

ตามความคิดของพวกเขา จอมมารไม่ได้มาเพื่อร่วมงานชื่นชมยาชั้นเลิศ แต่มาสร้างความวุ่นวายเสียมากกว่า

อย่าว่าแต่ทุกคนในหุบเขาตันหุย แม้แต่กลุ่มอิทธิพลขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมากก็รู้สึกว่าจอมมารมาหาเรื่องเช่นกัน

เผ่าน้ำแข็งสู้อุตส่าห์สละตำแหน่งที่สองให้แล้ว เขาก็ยังไม่วาย จงใจหาเรื่องหุบเขาตันหุยชัดๆ