บทที่ 1644 – การทําลายเพื่อสร้างขึ้นใหม่ เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดเสริมส ร้างบรรพกาลขั้นที่เก้า
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดแต่ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าอุณภูมิในร่างกายของเขานั้นเพิ่มสูงขึ้น ภาพหยิน-หยางโคจรอย่างรวดเร็วในขณะที่สติของเขาเริ่มเลือนลางจากความเจ็บปวด
แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งชิงสุ่ยก็ยังสามารถอดทนเอาไว้ได้ เมื่อสติของเขาเริ่มลางเลือนไป ชิงสุ่ยก็เริ่มใช้ปราณแห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล และปราณแห่งการหวนคืนของเขา เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน
มันดีขึ้นอย่างช้าๆแต่ก็ดีกว่าไม่รักษาเลย เขารู้สึกได้ว่ามือของตนเองในตอนนี้เริ่มเย็นขึ้นราวกับหยก ความรู้สึกที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในจิตใจของเขาและเขารู้ว่าถานท้าย หลิงเยียนกําลังจับมือของเขาอยู่ แต่เขาไม่อาจเปิดตาหรือขยับตัวได้
“ชิงสุ่ย ข้ารู้ว่าเจ้าต้องไม่เป็นอะไร เจ้าต้องไม่เป็นอะไร สัญญากับข้าสิ ข้าสัญญาว่าจะไม่เป็นภรรยาของเจ้าจนกว่าเจ้าจะตื่นขึ้นมา”
เสียงของถานท้าย หลิงเยียนนั้นชิงสุ่ยได้ยินอย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะไม่อาจมองเห็นได้ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นบนใบหน้าของเขา นางร้องไห้เพื่อเขานั่นทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่งแต่เขาก็รู้สึกดีด้วยเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตนเองจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่แต่เขาก็รู้ว่าเขาจะต้องไม่ตายอย่างแน่นอน
เขาอยากจะจับมือของนางเอาไว้ตอนนี้แต่ก็ทําไม่ได้ โชคดีที่เขาสามารถควบคุมอวัยวะภายในของเขาได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาอาจจะต้องเดินตามรอยหยินเทียนก็เป็นได้
มือของเขาถูกจับเอาไว้โดยที่เขาไม่รู้ตัว ความอบอุ่นและความอ่อนนุ่มที่เขารู้สึกได้นี้ทําให้เขารู้ทันทีว่าเจ้าของมือคู่นี้คือฉินซิง
“ท่านหมอที่อยู่ที่นี่บอกว่าเจ้าปฏิเสธการรักษา เช่นนั้นแล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองเท่านั้นใน ตอนนี้ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร เจ้าจะต้องหายดีในเร็ววันนี้ ตระกูลหงจบสิ้นแล้วในวันนี้ดัง นั้นเจ้าไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ทุกๆคนต่างก็รอคอยให้เจ้ากลับมาหายดี”
ร่างกายของชิงสุ่ยยังคงฟื้นฟูอย่างช้าๆ หญิงสาวทั้งสองคนยังอยู่เคียงข้างเขาในตอนนี้ เฟิงซี่และหยินชาต่างก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นอกเหนือจากการจัดการเรื่องธุระต่างๆ
“เยียนน้อยและชิงน้อย พวกเจ้าต้องไปพักก่อน ให้ข้าดูแลที่นี่เอง พวกเจ้าต้องดูแลตนเองด้วยจนกว่าเขาจะได้สติกลับคืนมา” เฟิงซี่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเมื่อนางมองไปยังหญิงสาวทั้งสองคนนี้
“พวกเราไม่เป็นไร ท่านควรไปพักก่อน” ถานท้าย หลิงเยียนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาในขณะที่นางพูด สิ่งที่เกิดขึ้นกับชิงสุ่ยนั้นทําให้นางรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง นางรู้สึกราวกับว่าโลกของนางกําลังจะพังทลายไปอีกครั้ง
โลกใบเก่าของนางก็มักจะเป็นเช่นนี้อยู่เสมอ แต่เมื่อชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นมาเมฆดําภายในจิตใจของนางก็สลายหายไป แต่ตอนนี้ราวกับว่ามันกําลังจะไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
เฟิงซี่รู้สึกขัดแย้งในใจในตนนี้ นางคุ้นเคยกับถานท้าย หลิงเยียนแต่ก็ไม่อาจละเลยชิงสุ่ยไปได้ นางเคยคิดว่าพลังในตอนนี้ของนางนั้นสามารถปกครองนิกายจันทรานิรันกาลแต่นางคิดผิด
“ท่านแม่ นี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว พวกเราลองใช้ยาเม็ดผสานนภาดีหรือไม่?” หยินชากล่าวกับเฟิงซี่
“ยาเม็ดผสานนภานั้นจะทําลายเพื่อสร้างขึ้นใหม่ มันใช้รักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างดีเยี่ยม แต่มันก็ยังมีความไม่แน่นอน ปกติแล้วยานี้จะเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น ข้าไม่อยากที่จะมอบมันให้ชิงสุ่ยเลย” เฟิงซี่ส่ายศีรษะของนางและกล่าวขึ้น
หยินชาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นางได้แต่หวังว่าชิงสุ่ยจะหายดี หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาตระกูลของนางก็จะไม่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน
ร่างกายของชิงสุ่ยนั้นกําลังขึ้นอย่างช้าช้าๆด้วยปราณแห่งการหวนคืน น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเคลื่อนไหวหรือตอบสนองใดๆได้ แต่มันก็ถือว่าค่อนข้างเร็วแล้วดังนั้นเฟิง นี่จึงเลือกที่จะไม่ใช้ยาเม็ดผสานนภา
การฟื้นฟูของชิงสุ่ยย่อมแย่ลงไปอีกหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นการฟื้นฟูอาจต้องใช้เวลานานมากกว่าที่พวกเขาคิด ในระหว่างกระบวนการฟื้นฟูนี้ร่างกายบางส่วนอาจจะเสื่อมสภาพไป ดังนั้นหยินชาจึงเสนอให้ใช้ยาเม็ดผสานนภาก่อนหน้านี้
โลกที่มืดมิดและไม่มีอะไรเลยทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง เขารู้สึกได้ถึงผู้คนที่มาเยี่ยมเยียนแต่ก็ไม่อาจทําอะไรได้
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าตัวเขาจะตื่นขึ้นมาเมื่อไรแต่เขาก็สามารถโคจรพลังปราณอ่านเส้นลมปราณภายในร่างกายได้ เส้นลมปราณสวรรค์ทั้ง 11 เส้นและเส้นลมปราณโลกทั้ง 3 เส้นของเขา ต่างก็แข็งแรงยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้ร่างกายของเขาเสื่อมสภาพลงในตอนนี้
อีกหลายวันผ่านไปถานท้าย หลิงเยียนและฉินชิงก็ยังคงพูดคุยกันเรื่องนี้ ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปกว่า 48 วันแล้วและมันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
การบาดเจ็บในครั้งนี้เกือบจะสังหารชิงสุ่ย แม้ว่าเส้นลมปราณวชิระช่วยรับความเสียหายไปถึงครึ่งหนึ่ง แต่จุดตันเถียนของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ
หลักจาโคจรพลังลมปราณไปหนึ่งรอบเขาก็ฟื้นฟูเส้นลมปราณวชิระและจุดตันเถียนกั่ว ทั้งหมดนี้ชิงสุ่ยทําเพื่อปลุกเส้นลมปราณวชิระของเขา มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะให้การฟื้นฟูของเขารวดเร็วยิ่งขึ้น
หลังจากพยายามมาหลายวันผิวของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพราะมันอุ่นและชื้นขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ยังดูอ่อนแออยู่ในตอนนี้
แต่ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าพลังของเขากําลังเพิ่มขึ้นและการตอบสนองของเขาก็ดียิ่งขึ้น เวลาผ่านไปอย่างช้าๆตอนนี้
ตอนนี้เหลือเพียงถานท่าย หลิงเยียนและฉินชิงที่ยังอยู่ในห้องนี้
“พี่สาวเยียน ชิงสุ่ยจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่กัน? ข้าจะได้เห็นใบหน้าที่ไร้ยางอายของเขาได้อีกครั้ง” ฉินชิงถอนหายใจออกมา
“ ข้ารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากําลังฟื้นฟูอยู่ ได้แต่หวังว่าเขาจะหายในเร็ววันนี้
ทันทีที่พวกนางสาวจบเสียงลมหายใจของชิงสุ่ยก็ดังขึ้นมา มือของหญิงสาวทั้งสองคนกําเอาไว้แน่นในตอนนี้
“ชิงสุ่ย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เขาเริ่มขยับตัวแล้ว!”
– กลิ่นอายรอบๆตัวของชิงสุ่ยเริ่มบ้างและรุนแรงขึ้นอยู่ตอนนี้ทําให้หญิงสาวเริ่มกังวลแทนที่จะยินดี เพราะว่ามีเลือดไหลออกมาจากจมูก ปาก และร่างกายของชิงสุ่ย
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าแก่นแท้แห่งโลหิตทองคําอินทนิลภายในเส้นลมปราณของเขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ทําให้เขารู้สึกตกตะลึงมากที่สุดคือเส้นลมปราณวชิระเริ่มเปล่งแสงสีทองออกมาราวกับดวงอาทิตย์
แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตามมาคือกลิ่นอายอันทรงพลังที่คอยซ่อมแซมอภัยวะภายในและเส้นลมปราณตลอดเวลา แต่ในเวล่เดียวกันพลังนี้ก็ส่งผลให้เลือดประทุออกจากร่างกายของเขา ทางจมูก ปาก และรูขุมขน
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าสิ่งนี้ดีหรือไม่ดีแต่การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทําให้เขาตกใจ เขาไม่รู้ว่าพลังนี้กําเนิดมาจากที่ใดแต่เส้นลมปราณวชิระก็เต็มไปด้วยพลัง
เมื่อชิงสุ่ยมองไปยังเส้นลมปราณวชิระก็ทําให้เขาตกตะลึงอีกครั้ง – เส้นลมปราณวชิระนั้นเปล่งแสงสีทองออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเส้นลมปราณวชิระที่มืดมัวของเขาก่อนหน้านี้เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น และเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่รุนแรงอีกครั้ง
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ชิงสุ่ยจินตนาหารไม่ออกว่าเส้นลมปราณวชิระของเขานั้นได้กลายเป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ – ที่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน สองสามวันที่ผ่านมานี้พลังของชิงสุ่ยเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทําไม
นี่อาจเป็นการทําลายเพื่อสร้างขึ้นใหม่?
ชิงสุ่ยไม่อาจหาคําอธิบายสําหรับเรื่องนี้ได้ การรับรู้ทางจิตวิญญาณของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทําให้การฟื้นฟูร่างกายของเขานั้นดียิ่งขึ้นแต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่อาจตื่นขึ้นมาได้ในตอนนี้
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกต!
ชิงสุ่ยตกตะลึงไปในทันทีแต่ก็จินตนาการไม่ออกว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะได้รับผลของเทพมังกรมรกต ความสามารถของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คือเปลี่ยนแปลงพลังของเทพมังกรมรกตให้กลายเป็นกลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกต
กลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกต: ความสามารถด้านจิตวิญญาณของเส้นลมปราณวชิระ เพิ่มพลังขึ้น 9 เท่า เพิ่มความรุนแรงของทักษะทั้งหมดขึ้นเป็น 2 เท่ารวมถึงทักษะสังหารไร้ปรานี เพิ่มพลังป้องกันและความทรหดขึ้นอีก 3 เท่าและเพิ่มพลังป้องกันต่อความชั่วร้ายขึ้น 3 เท่ารวมการควบคุมจิตใจและพิษ เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระนั้นเป็นเคล็ดวิชาติดตัวไม่ต้องใช้พลังงานใดๆ
วิธีการยกระดับขึ้น: เป็นความลับ!
เคล็ดวิชาติดตัวหมายถึงมันจะอยู่ติดตัวไปจนกว่าผู้ใช้จะตาย
นี่คือกลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกต สิ่งที่สําคัญที่สุดคือหากมันยกระดับขึ้นได้ก็จะสามารถเพิ่มพลังให้แก่เขาอีก ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่อาจควบคุมได้ภายในร่างกายของเขาแม้ว่าตอนนี้เขาไม่อาจแม้แต่ยกนิ้วได้ก็ตามแต่พลังตอนนี้ของเขายังคงอยู่ที่ 1600 เต๋า หากเขาโจมตีออกไปภายใต้ผลของกลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกตพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็น 3200 เต๋า
นี่คือความแตกต่างระหว่างระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ….
ชิงสุ่ยอธิบายได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ว่าการยกระดับของเขา เป็นเพราะการทําลายเพื่อสร้างขึ้นใหม่
เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลโคจรอีก 1 ครั้งและไปสู่ขั้นที่เก้า ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงพลังภายในร่างกายของเขาในตอนนี้ การยกระดับครั้งนี้ทําให้เขารู้สึกงุนงงเพราะไม่คาดคิดและไม่มีการเตรียมตัวใดๆ
ก่อนหน้านี้เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลก็โคจรอย่างต่อเนื่อง เขาไม่อาจรู้เหตุผลมากนักแต่พลังภายในร่างกายของเขาก็ยังโคจรอย่างต่อเนื่อง เส้นลมปราณของเขาก้เริ่มแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่อวัยวะภายในของเขาเริ่มฟื้นฟูจนหายดี
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ เส้นลมปราณวชิระในจุดตันเถียนของชิงสุ่ยก็ได้กลายเป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และทหารในชุดเกราะทองคําของเขาก็ดูทรงพลังมากยิ่งขึ้น กลิ่นอายที่ทรงพลังทําให้หัวใจของชิงสุ่ยรู้สึกสบายอย่างไม่น่าเชื่อ และจากนั้นดวงตาของชิงสุ่ยก็เริ่มเปิดขึ้นช้าๆ