บทที่ 1645 – ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ
เมื่อชิงสุ่ยเห็นหญิงสาวทั้ง 2 คนกําลังเป็นห่วงเขา เขาก็ยิ้มให้กับพวกนาง “ข้าหลับไปนานหรือไม่?”
ชิงสุ่ยถามออกมาเพราะเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
“49 วัน 49 วันที่เจ้าได้หลับไป” ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ําตา ช่วงเวลาที่ยากลําบากของนางได้ผ่านไปแล้ว
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นรอยเลือดบนร่างกายของเขาและยังได้กลิ่นฉุนของเลือด เขารีบลุกขึ้นมานั่งทันที “ข้าจะไปอาบน้ําและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ถานท้ายหลิงเยียนประคองเขาขึ้นมาเบาๆและถามด้วยความกังวล “เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”
ชิงสุ่ยจับมือของนางเบาๆและพูดว่า “ข้าสบายดีตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ข้าได้ยกระดับขึ้นในตอนนี้!”
ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีในตอนนี้และกล่าวกับถานท้ายหลิงเยียน เมื่อมองไปยังฉินชิงเขาก็ได้เห็นน้ําตาของนาง เขาจับมือของนางขึ้นมาเบาๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ถานท้ายหลิงเยียนไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร นางเจ้าใจเรื่องต่างๆมากมายในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้พูดคุยกับฉินชิงเรื่องของชิงสุ่ยมากมาย นอกจากนี้เรื่องอาการบาดเจ็บของชิงสุ่ยนั้นสําคัญกว่าสิ่งใดในตอนนี้
เมื่อชิงสุยเปิดตาขึ้นมาก่อนหน้านี้ เขาได้ยินสิ่งที่ถานท้ายหลิงเยียนกล่าวก่อนหน้านี้: “เยียนเยียนน้อย แม้ว่าข้าจะขยับหรือพูดไม่ได้ก่อนหน้านี้แต่ข้าก็ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดทุกอย่าง เจ้าบอกว่าเจ้าจะเป็นภรรยาของข้า คําพูดพวกนั้นเป็นกําลังใจให้กับข้าอย่างแท้จริง บางทีอาจเป็นเพราะคําพูดพวกนี้ที่ทําให้ข้าหายดี”
ถานท้ายหลิงเยี่ยนหน้าแดงไปในทันที ความเยือกเย็นของนางหายไปพร้อมกับความเขินอายที่เข้ามา ทําให้ถานท้ายหลิงเยียนต้องก้มศีรษะลงพร้อมกับรอยยิ้ม
ต่อมานั้นเขาก็หันไปยิ้มกับฉินชิงก่อนที่จะตรงไปห้องอาบน้ํา หลังจากที่เขาเข้าไปยังห้องอาบน้ํา ก็ได้ยินถานท้ายหลิงเยียนพูดว่า “ข้าจะวางเสื้อผ้าของเจ้าเอาไว้ให้ข้างนอก”
ชิงสุ่ยได้ยินเสียงถานท้ายหลิงเยียนทําให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งภายในหัวใจ การมีใครซักคนที่รอคอยอยู่ทําให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง
“เจ้าอยากเข้ามาช่วยข้าอาบน้ําหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามขึ้น
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆมีเพียงเสียงเท้าที่เดินหนีไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น ชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขารู้ว่านางไม่ได้โกรธอย่างแน่นอน และเพราะนางไม่ค่อยพูดอะไรเขาจึงจําเป็นต้องใช้โอกาสนี้ในการใกล้ชิดกับนางให้มากขึ้น
มีคนรออยู่จํานวนมากเมื่อชิงสุ่ยเดินออกมา ก่อนหน้านี้กลิ่นอายที่ชิงสุ่ยปลดลปอยออกมา ทําให้คนจํานวนมากต้องตกตะลึง
ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยไม่เพียงแต่จะหายดีแต่พลังของเขาก็ทรงพลังมากขึ้นจนแม้แต่เฟิงซี่ก็ไม่อาจตรวจสอบได้ พวกเขามองตรงมาที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อและถามว่า “เจ้าได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ?”
แม้ว่าพวกเขาจะถามขึ้นแต่คําตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ข้าไม่เพียงแต่รอดตายแต่กลับได้รับโชคดีจนสามารถยกระดับขึ้นได้” ชิงสุ่ยยิ้ม
“หลังจากที่รอดตายมาได้พลังของเจ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหตุใดเจ้าจึงไม่เปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาในตอนนี้?” เฟิงซี่ยิ้มขณะที่นางลูบศีรษะของชิงสุ่ย ความกังวลในสายตาของนางนั้นดูจริงใจ และนับตั้งแต่ชิงสุ่ยหายเป็นปกตินางก็ดูมีความสุขมากกว่าผู้ใด หากเขาไม่ฟื้นขึ้นมา นางคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา “ตัวข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีอาจเป็นเพราะพลังของข้าถึงเกณฑ์พอดี”
หยินเทียนกล่าวว่า “เจ้าควรได้รับการยกย่องจริงๆ ความก้าวหน้าแต่ละครั้งของเจ้านั้นล้วนยิ่งใหญ่ทุกครั้ง วันนี้ควรเป็นวันที่มีความสุขที่สุดเพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้น น่ายินดีที่เจ้าได้ตื่นขี้นมาแล้ว ชิงสุ่ย ข้าจะไปเตรียมอาหารให้เจ้าก่อน วันนี้ทุกๆคนมาฉลองด้วยกัน! ดูสิ ทุกๆคนกังวลจนดูผอมไปกันหมดแล้ว”
ชิงสุ่ยคํานับหยินเทียน “ท่านลุง ให้ข้าทําเอง ข้าหายดีแล้วพวกท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าทําเอง พวกท่านมาพร้อมหน้ากันที่นี่ในวันนี้ข้าจะทําอาหารให้สุดฝีมือ”
“ข้าจะช่วยเจ้าเอง ข้าอยากเห็นเจ้าทําอาหาร หวังว่าเจ้าจะยอมนะ!”
“หากท่านอยากเรียนรู้ ข้าก็พร้อมจะสอนท่านเสมอ” ชิงสุยไม่เคยปิดบังความมรู้สําหรับผู้ใด เพราะเขาเองก็ได้รับประโยชน์มากมายจากการเรียนรู้จากผู้อื่น
“ท่านลุง ข้าไม่อาจอยู่รักษาท่านไปได้ตลอด ดูเหมือนว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ของข้าต้องดูแลท่านให้ดี” ชิงสุ่ยหัวเราะให้กับหยินเทียน
“เจ้าหายดีแล้วนั้นก็สําคัญยิ่งกว่าอะไร พวกเราทั้งหมดต่างก็เป็นห่วงเจ้า ยิ่ง 2 คนนี้แทบไม่ได้กินไม่ได้นอน” หยินเทียนอธิบาย
“ท่านลุง ข้าได้รับความโชคดีในความโชคร้ายนี้ เราอย่ามาพิธีรีตองกันมากมายเลย ข้าไม่ใช่คนที่มากพิธีอะไร ข้าไม่ได้มีสหายมากนักแต่พวกท่านเป็นเหมือนครอบครัวของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวกับหยินเทียน
“พวกเราเองก็เช่นกัน ข้า หยินเทียน ได้มีมิตรสหายเพิ่มมากขึ้นแล้วในตอนนี้ พวกเราไม่ได้เป็นเพียงมิตรสหาย แต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” หยินเทียนมองไปยังชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนของเขา
ชิงสุ่ยไปที่ห้องครัวเพื่อทําอาหาร หยินเทียนก็ตามเขาไปด้วยเช่นกันเพราะห้องครัว มีขนาดใหญ่ เมื่อมีคนช่วยเหลืออาหารก็ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยก็ยังนําเหล้าดอกบ๊วยผลิบานและเหล้าเชี่ยงชุนกระดูกเสือที่เก็บเอาไว้ออกมา พวกมันมีอายุ 1000 ปีหรือมากกว่านั้น
เมื่อเปิดไหสุราออกมากลิ่นของมันก็หอมเย้ายวนไปไม่ด้อยกว่าอาหารเลย ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นของอาหารและสุรายังส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั่วทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ทําให้ทุกๆคนต้องน้ําลายไหลออกมา
หยินเทียนก็ได้รับเครื่องเทศที่ชิงสุ่ยมอบให้ก่อนหน้านี้แต่ทักษะการทําอาหารของเขานั้นด้อยกว่า มีอาหารอร่อยมากมายจากฝีมือของชิงสุ่ย
ที่สําคัญที่สุดคือสุรา แม้แต่เฟิงซี่ก็ยังชื่นชมอย่างมากมายและถามชิงสุ่ยว่าเอามาจากที่ใด
ถานท้าย หลิงเยียนนั้นมาอยู่ด้านซ้ายของชิงสุยและฉินซึ่งอยู่ด้านขวา ชิงสุ่ยทานอาหารพร้อมกับพวกนางอย่างมีความสุข ผู้ที่มีความสุขที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมดคือชิงสุย เขาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและยังได้รับโชคดีจากโชคร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
พลังพื้นฐานในตอนนี้ของชิงสุ่ยนั้นอยู่ที่ 3200 แต่เพราะกลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกตของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และช่วยเพิ่มพลังของทักษะให้แก่ชิงสุ่ยด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าพลังอย่างปราณจักรพรรดินั้นไม่เกี่ยว รูปแบบและรัศมีแห่งเทพสงครามต่างก็เป็นข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน
ชิงสุ่ยรู้ว่าพลัง 3200 เต่านั้นทําให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 2 ของระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 2 ได้แต่เขายังไม่อาจฝาทัณฑ์สวรรค์พินาศได้ในตอนนี้ การทําลายและสร้างใหม่ในครั้งนี้ทําให้เกิดการพัฒนาและหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลําบากที่ทําให้เขาไปถึงชั้นที่ 9 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้
ชิงสุ่ยรู้ว่าเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลนั้นมี 9 ขั้นและขั้นนี้เป็นขั้นสุดท้ายแล้วแต่มันก็เป็นขั้นที่กว้างใหญ่อย่างยิ่ง จากนี้ไปชิงสุ่ยถือเป็นยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นในทุกๆมหาทวีป
หยินเทียนยืนและยกจอกสุราขึ้น “เรามาฉลองให้ชิงสุ่ยกันดีกว่าที่เขาหายดีและทรงพลังมากยิ่งขึ้น”
ชิงสุ่ยและทุกๆคนต่างก็ยืนขึ้นพร้อมกันจากนั้นชิงสุ่ยก็กล่าวอย่างยินดี “มาดื่มฉลองกันเถอะ ไม่ต้องมากพิธีไปหรอก”
“ดื่ม!”
ในตอนนี้พวกเขาทานอาหารกันอย่างไม่รู้จักพอ ไม่ต้องพูดถึงชิงสุ่ยที่ทานอาหารทั้งโต๊ะนี้ไปจนหมดไม่มีเหลือ
เมื่อทุกๆคนทานอาหารเสร็จสิ้นพวกเขาก็ล่ําลากัน ในตอนนี้เหลือเพียงชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่และคอยทําความสะอาด
ชิงสุ่ยนอนลงไปบนเก้าอี้นวมอย่างสบายใจและรู้สึกราวกับรอดชีวิตมาได้จากภัยพิบัติครั้งใหญ่ ความรู้สึกนี้รุนแรงอย่างยิ่งก่อนที่จะเดินไปหาหญิงสาวทั้ง 2 คน เขาจับมือของพวกนางคนละข้าง และนั่งลง “ข้าคิดถึงเจ้าทั้ง 2 คนมาก ข้ากลัวว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องตายไปโดยที่ข้าก็ไม่รู้ตัว”
“เจ้าห้ามกล่าวอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้!” ฉินชิงบ่นทันที เพราะว่าชิงสุ่ยหายดีแล้วพวกนางจึงเริ่มเขินอายเล็กน้อย
“ชีวิตนั้นสั้นเหลือเกินดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะสร้างความสุขในขณะที่ทําได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว เราอาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง” ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมา
“เจ้าจอมวายร้าย!” ถานท่ายหลิงเยียนสายศีรษะของนางเบาๆ
“เจ้าดูผอมลงไปมากจากก่อนหน้านี้ เสื้อผ้าของเจ้าก็ดูหลวมมากขึ้นในตอนนี้ แต่ไม่ต้องกังวลไป เมื่อเจ้าตั้งครรภ์เจ้าก็จะกลับมาอวบอิ่มดังเดิม” ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวทั้ง 2 คนและยิ้มออกมา
“หยุดกล่าวไร้สาระ!”
หญิงสาวทั้ง 2 คนรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งในตอนนี้
ชิงสุ่ยกล่าวด้วยท่าทีที่ปกติอย่างยิ่ง เขาไม่ได้กังวลว่าคําพูดของตนเองนั้นจะฟังดูไม่เหมาะสมหรือไม่
“โปรดให้เวลาข้าเสียหน่อย แล้วข้าจะยกระดับพลังให้แก่พวกเจ้าเอง” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างยินดี
ฉินชิงและถานท้ายหลิงเยียน รวมไปถึงอีเย่ เจี้ยนเก้อและอีหวง กู่หวู๋ พวกนางต่างก็อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ แม้ว่าจะอยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแต่พวกนางก็ยังถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยต้องการให้พวกนางแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยังมียอดฝีมืออีกมากมายในโลกใบนี้
“พลังของพวกเรานั้นก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วแล้ว หากเร่งมากไปกว่านี้ รากฐานของพวกเราก็อาจจะไม่แข็งแรง” ฉินชิงกล่าว
“ไม่ต้องกังวลไป ข้ามีทางแก้ไขอยู่ คืนนี้พวกเจ้าทั้ง 2 คนไปพักที่ห้องของข้าแล้วข้าจะนอนที่นี่ ตกลงไหม?” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกนางในตอนนี้ต้องอ่อนล้าอย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ชิงสุ่ยยิ้มพร้อมกับจูงมือพวกนางไปที่ห้องของเขา
ชิงสุ่ยไม่ได้ตามเข้าไปแต่ปิดประตูทันที เตียงนอนในห้องนั้นเหมาะสําหรับนอน 2 คนแต่หากจะนอน 3 คนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่มันอาจจะอึดอัดหน่อยเท่านั้น
ชิงสุ่ยนอนลงที่เก้าอี้นวมข้างนอกห้อง ในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความเงียบสงบอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ตอนนี้เขามีพลังจนรู้สึกปลอดภัย ก่อนหน้านี้ด้วยความที่เขาอ่อนแอกว่าผู้อื่นทําให้ชิงสุยรู้ว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าหลายคน และในตอนนี้ หากชิงสุยต้องต่อสู้กับหงหงอีกครั้ง เขาย่อมไม่อาจทําให้ชิงสุ่ยบาดเจ็บได้แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช้แม้แต่นิ้วเดียว ความแตกต่างระหว่างตอนนั้นและตอนนี้ทําให้ชิงสุยรู้สึกดีอย่างยิ่ง
พลังคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด!