ตอนที่ 443 พูดเกินจริง / ตอนที่ 444 นอนไม่หลับ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 443 พูดเกินจริง

 

 

เหยียนเค่อที่อารมณ์ย่ำแย่ต้องทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น ผู้ช่วยหวังที่ถูกบังคับมาก็น่าสงสารมากพออยู่แล้ว แต่ยังต้องมาอยู่รับรู้ถึงความกดดันในห้องทำงานของเหยียนเค่ออีก ขนาดจะยืดเส้นยิดสายยังทำได้ไม่สุดเลย

 

 

ภายในห้องที่เงียบสงัดไร้ซุ่มเสียงมีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนผนังดังติ๊กต่อก ติ๊กต่อกเบาๆ เท่านั้น

 

 

จู่ๆ โทรศัพท์ที่เหยียนเค่อวางไว้อยู่บนโต๊ะก็เกิดสั่นขึ้นมา ผู้ช่วยหวังเหลือบมองปราดหนึ่ง ก็เห็น

 

 

เหยียนเค่อยื่นมืออกไปคว้าโทรศัพท์มากดรับสายโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเลยสักนิด

 

 

“เมื่อไรแกจะกลับบ้าน” เสียงของเหยียนเฟิงดังลอดออกมา ให้ความรู้สึกเย้นยะเยือก

 

 

เหยียนเค่อลดโทรศัพท์ออกมาดูชื่อคนโทรเข้าที่หน้าจอ ก่อนจะทักทายเขา “พี่มีอะไรหรือเปล่า”

 

 

“พ่อบอกให้แกกลับบ้าน”

 

 

เหยียนเฟิงคุยกับเหยียนเค่อแบบต่อหน้าน้อยมาก ทุกครั้งล้วนเป็นเพราะคำสั่งของคุณพ่อเหยียนเท่านั้นทั้งคู่จึงจะมาเจอหน้ากันได้

 

 

“บอกเขาว่าผมไม่ว่าง”

 

 

ถ้าคุณพ่อเหยียนโทรหาเหยียนเค่อเองล่ะก็ พวกเขาสองคนต้องทะเลาะกันผ่านโทรศัพท์แน่นอน ดังนั้นจึงต้องให้เหยียนเฟิงมาเป็นคนกลางทุกครั้ง

 

 

“ถ้าแกกลับมาได้สักครั้งหนึ่งก็ยังดี แต่ถ้าไม่ว่างก็ช่างเถอะ” เหยียนเฟิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

 

ความเงียบเข้าปกคลุม ทั้งคู่กดตัดสายพร้อมกันโดยมิได้นักหมาย

 

 

“พ่อครับ เหยียนเค่อไม่กลับครับ” เหยียนเฟิงพูดตามตรง

 

 

มือที่กำลังเด็ดใบไม้ของคุณพ่อเหยียนชะงักลง เขเดาบทสรุปของเรื่องนี้ได้ก่อนแล้ว “เหอะ เมียเขาทำเรื่องงามหน้าขนาดนี้ยังทำตัวเหมือนตัวเองเป็นคนนอกได้อยู่อีก!” เขากระแทกกรรไกรตัดกิ่งในมือลงกับชั้นวางต้นไม้ “ฉันจะรอดูว่าเขาจะยอมเสียคู่ค้าคนนี้ไปไหม”

 

 

“ผมว่าเหมือนเหยียนเค่อจงใจเลยครับ” เหยียนเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยี่หระ “ขนาดเสียคู่ค้าไปแล้วแต่เขายังไม่มีท่าทีอะไรเลย”

 

 

คุณพ่อเหยียนได้ยินเขาเอ่ยเตือนเช่นนี้ก็นึกขึ้นได้ ยิ่งเดือดดาลมากขึ้นกว่าเดิม “จงใจให้สวีอิ๋งอิ๋งใช้วิธีสกปรกหรือเนี่ย”

 

 

เหยียนเฟิงยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไร และถอยหลังหนึ่งก้าวตอนที่คุณพ่อเหยียนเดินผ่าน หลังจากเกิดเรื่องนี้แล้ว YAN ก็หันไปเซ็นสัญญากับบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ส่วนบ้านตระกูล

 

 

อิ่นบีบบังคับให้บ้านตระกูลสวีเซ็นสัญญากับเขา โดยที่เหยียนกรุ๊ปไม่ได้รับประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว เขาไม่มีทางปล่อยให้เหยียนเค่อสบายใจไปได้ทุกเรื่องแน่

 

 

เมื่อพวกเขาพูดเรื่องเกี่ยวกับบริษัท คุณแม่เหยียนก็จะปลีกตัวออกไปโดยทันที ไม่ว่าพวกเขาพูดอะไรเธอก็จะไม่แสดงความคิดเห็น

 

 

เธอรู้สึกคิดถึงเหยียนเค่อขึ้นมานิดหน่อย คราวที่แล้วที่กลับบ้านมาก็บาดเจ็บ สุขภาพไม่ดี ตอนนี้อยู่นอกบ้านคนเดียวก็ยังโดนคุณพ่อเหยียนโมโหอีก จึงแอบส่งข้อความบอกเหยียนเค่อไม่ให้เขากลับบ้าน

 

 

เหยียนเค่อเห็นข้อความที่แม่เขาส่งมาแล้วก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขาเข้าใจจุดประสงค์ว่าแม่เขาจะสื่ออะไร นอกเสียจากว่าเขาจะโง่เท่านั้นแหละถึงจะกลับบ้านน่ะ

 

 

“คุณรีบให้เหยียนเค่อแต่งงานซะ ปล่อยลูกจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว!” คุณพ่อเหยียนโมโหแต่ไม่รู้จะไประบายความขุ่นเคืองนี้ที่ไหน จึงหันไปพูดกับคุณแม่เหยียน

 

 

คุณแม่เหยียนเบือนหน้าหนีไม่อยากมองเขา เธอเริ่มไม่พอใจสวีอิ๋งอิ๋งตั้งแต่คราวก่อนแล้ว แถมตอนนี้ยังจะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้อีก เธอจึงไม่พอใจนักที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอจะแต่งผู้หญิงคนนี้เข้าบ้าน จึงตอบอ้อมแอ้ม “รอดูก่อนเถอะค่ะ”

 

 

“ดูอะไรอีก! มีอะไรให้ดู! ต้องให้เสียหน้ามากกว่านี้ใช่ไหมถึงจะพอใจ” เดิมทีคุณพ่อเหยียนก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ไม่ได้ดั่งใจนิดหน่อยก็โมโหขึ้นมา

 

 

คุณแม่เหยียนตบโซฟาแล้วตะเบ็งเสียงเถียงกับเขา “จะให้ฉันไปหาลูกที่ไหนล่ะคะ! คุณก็พูดง่ายนี่ คุณจับเขามัดแล้วเอาเข้าพิธีแต่งงานเลยสิ!”

 

 

คุณพ่อเหยียนถลึงตาใส่เธอ นั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา

 

 

เดี๋ยวนี้สองผัวเมียทะเลาะกันเพราะเรื่องของเหยียนเค่อทุกวัน พอพูดจาไม่เข้าหูก็เมินเฉยต่อกันและกัน แต่ไหนแต่ไรมาเหยียนเฟิงก็ไม่เคยห้ามปราม ตอนที่พ่อแม่ทะเลาะกัน ถ้าเขาไม่เดินขึ้นห้องก็ออกจากบ้านไปเลย

 

 

“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”

 

 

ตอนเด็กก็ไม่ได้ทำตัวให้น่าเป็นห่วง แต่พอโตมากลับก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน

 

 

“เหยียนเค่อไม่ต้องให้คุณมาคอยคุมนี่ เขาจะทำอะไรแล้วมันไปขวางทางคุณหรือไง” คุณแม่เหยียนไม่เข้าใจเสียเลย ลูกชายของตนอยู่ดีๆ ไม่ได้ไปขวางทางเขาเสียหน่อย ทำไมต้องหาเรื่องจับผิดเขาทุกวันด้วย

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 444 นอนไม่หลับ

 

 

เหยียนเค่อไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองก็รู้ได้ว่าที่บ้านต้องทะเลาะกันจนพลิกฟ้าแน่นอน ถึงแม่เขาจะดูเป็นคนอารมณ์ดี แต่ถ้าอาละวาดขึ้นมา ไม่ว่าใครก็ปวดหัวทั้งนั้น

 

 

เหยียนเค่อไม่ชอบทารุณตัวเอง ไม่อยากกลับบ้านไปโดนทั้งสองฝ่ายเทศนาตนอีก

 

 

“คุณส่งคนไปเอากระเป๋าเดินทางของผมให้หน่อยครับ” เหยียนเค่อสะสางเอกสารทั้งหมดก่อนสี่ทุ่ม ก่อนจะสั่งให้ผู้ช่วยหวังจัดการเอกสารพวกนี้ล่วงหน้า

 

 

พรุ่งนี้เที่ยงเขาจะบินล่วงหน้าไปเมืองหลวงก่อน ส่วนสวีอันหรานจะตามมาในตอนบ่าย

 

 

“ครับ” ผู้ช่วยหวังสั่งงานลงไปอีกที เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนยังนั่งนิ่งไม่ขยับก็สงสัย “ท่านไม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านเหรอครับ”

 

 

เหยียนเค่อหยิบปากกามาเคาะโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก ก่อนจะอธิบายด้วยเสียงยานคาง “นอนไม่หลับ”

 

 

เป็นครั้งแรกที่เหยียนเค่ออธิบายให้เขาฟัง ผู้ช่วยหวังรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย ก่อนจะเสนอแนะด้วยความลังเล “ก่อนนอนลองดื่มนมสักแก้วไหมครับ”

 

 

ถ้าดื่มนมแล้วช่วยได้ เหยียนเค่อก็คงไม่มานั่งตาสว่างอยู่แบบนี้หรอก

 

 

ผู้ช่วยหวังจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เครียดมากๆ เหยียนเค่อจะกินยานอนหลับ แต่ตอนนี้เขายอมอดนอนดีกส่า

 

 

เหยียนเค่อเองก็จนใจ อยากกินยานอนหลับจะแย่ แต่ช่วงสองสามวันมานี้ยังถือว่าเบาอยู่ ทนได้ก็ทนไปก่อน

 

 

“คุณไปทำงานของตัวเองต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจผม ถ้ามีอะไรก็ขึ้นมาหาผมได้” เหยียนเค่อกำชับเสียงหนัก “ห้ามคนอื่นเข้ามา”

 

 

“ครับ” ผู้ช่วยหวังรู้ว่าเหยียนเค่อปิดบังตารางงานกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้วย คนที่รู้เรื่องนี้ทั้งบริษัทก็มีแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

 

ตอนที่ผู้ช่วยหวังเข็นกระเป๋าเข้ามานั้น เหยียนเค่อกำลังนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ เขาหยิบกระเป๋ามาเรียงกันเป็นแถวอย่างเงียบเชียบที่สุด แต่แล้วเหยียนเค่อก็ตื่นจนได้

 

 

“เอามาหมดแล้วเหรอ” เหยียนเค่อยันศีรษะตัวเองลุกขึ้นนั่ง

 

 

“ท่านลองดูหน่อยสิครับว่าขาดหรือเปล่า”

 

 

เหยียนเค่อมองปราดหนึ่ง มีแต่ของที่ตัวเองหิ้วออกมาทั้งนั้น ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน ก่อนจะหันไปถาม “ข้างนอกยังมีคนทำโอทีอยู่ไหม”

 

 

“มีครับ” พูดถึงตรงนี้แล้วผู้ช่วยหวังก็อยากจะบ่น ทุกครั้งที่ต้องทำงานล่วงเวลาก็มีแต่ห้องทำงานของผู้ช่วยที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาที่สุด ตอนนี้ยังมีอีกเกือบยี่สิบชีวิตที่ยังนั่งทำงานอยู่ตรงนั้น

 

 

เหยียนเค่อก็รู้ว่าตัวเองค่อนข้างไร้มนุษยธรรม ให้พวกเขาทำโอทีเพิ่มได้ทุกที่ทุกเวลา จึงโบกมือ “สั่งมื้อดึกเถอะ ให้พวกเขาพักสักหน่อย”

 

 

ผู้ช่วยหวังไปสั่งอาหารให้ตามคำสั่ง ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของเหยียนเค่อก็คือใจป้ำกว่าเจ้านายคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเงินโบนัสปลายปีหรือว่าค่าสวัสดิการต่างก็คำนวณให้พวกเขาอย่างดีที่สุด ปกติแล้วเรื่องการทำงานนอกเวลาก็เข้าอกเข้าใจพวกเขาอย่างดี สั่งอาหารและขนมเตรียมไว้ให้พร้อม

 

 

“นี่” ผู้ช่วยหวังยังไม่ทันเดินถึงประตูห้องก็โดนเหยียนเค่อเรียกตัวเอาไว้เสียก่อน

 

 

“ทำไมเหรอครับ”

 

 

“สั่งนมร้อนให้ผมด้วยแก้วหนึ่ง” เหยียนเค่อนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ ทั้งเหนื่อยแต่ก็ตาสว่าง พอลุกขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดหัว

 

 

ผู้ช่วยหวังชะงักไปก่อนจะพยักหน้า

 

 

เหยียนเค่อนั่งเฉยๆ ก็นอนไม่หลับอยู่ดี จึงเดินไปดูที่ห้องทำงานของพวกผู้ช่วยเสียหน่อย

 

 

ผู้ช่วยหวังถืออาหารกลับมา ขณะกำลังจะเข้าห้องทำงานก็เห็นเหยียนเค่อนั่งรวมกับพวกเขาอยู่ตรงโต๊ะทำงานของตน

 

 

“บอสครับ นมของท่านครับ” หลังจากที่เขาหยิบนมให้เหยียนเค่อแล้วก็เอาขนมมื้อดึกไปแจกจ่าย

 

 

เหยียนเค่อประคองนมอุ่นๆ ไว้ในมือ นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนกับเด็กน้อย

 

 

ผู้ช่วยหวังยกอาหารของตัวเองขึ้นมาตั้งท่าจะกิน ก็เห็นสายตาของเหยียนเค่อจ้องมาที่ตัวเองอยู่

 

 

“มีอะไรหรือครับ”

 

 

“แล้วมื้อดึกของผมล่ะ” ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเหยียนเค่อหิวเองก็คงไม่ลุกขึ้นมาให้เขาซื้อมื้อดึกให้หรอก แต่เจ้าหมอนี่เนี่ยสิ ซื้อให้ทุกคนแต่กลับไม่มีของเจ้านายเสียอย่างนั้น

 

 

ผู้ช่วยหวังนกว่าเขาต้องการแค่นม จึงรวบตะเกียบอย่างลำบากใจ ก่อนจะยื่นกล่องอาหารของตัวเองไปให้ “ท่านจะทานเหรอครับ”

 

 

“ผมอยากกินเกี๊ยวใส่ไก่ฉีก” เหยียนเค่อเบ้ปากอย่างรังเกียจ

 

 

ผู้ช่วยหวังเก็บกล่องข้าวของตนกลับไป แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งเกี๊ยวใส่ไก่ฉีกให้เหยียนเค่อ มีเจ้านายเอาใจยากก็ต้องทน ยังมีเงินค่าข้าวที่เบิกได้อยู่นี่นะ