ตอนที่ 491: การบุกเข้าเมือง (2)
บนกำแพงที่มั่นของอาณาจักรอินทรีสวรรค์เป็นฉากของสงครามที่น่าขมขื่น กำแพงเต็มไปด้วยเลือดและศพ เกราะสีเงินของกองทพเทพดาบตะวันออกถูกย้อมไปด้วยเลือดของศัตรูและเต็มไปด้วยร่องรอยและรูเต็มไปทั่ว ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการป้องกันของเกราะ ทหารบางคนคงไม่มีชีวิตรอดแล้ว
อาณาจักรอินทรีย์สวรรค์ไม่ได้มีแต่คนอ่อนแอเลย บางครั้ง จอมยุทธจากข้างของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น และบางครั้งทหารจากกองทัพเทพดาบตะวันออกก็ถูกโจมตีจากศัตรูหลายคนพร้อม ๆ กันและได้รับบาดเจ็บ
เจี้ยนเฉินไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้และถอยกลับไปยังที่ที่องค์หญิงโหยวเยว่อยู่
เขาจ้องมองใบหน้าที่ซีดเผือดขององค์หญิง เจี้ยนเฉินรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นการต่อสู้ที่นองเลือดแบบนี้ ด้วยความห่วงใยที่หาได้ยาก เขาเอ่ยว่า “องค์หญิงโหยวเยว่ ท่านสบายดีหรือไม่ ? ถ้าฉากตรงหน้ามันโหดร้ายไป ท่านก็หลับตาเถอะ”
องค์หญิงทำท่าทางกระวนกระวายใจออกมาบนใบหน้า แต่นางก็ส่ายหน้าและพึมพำ “คนเท่าไรกันที่ต้องมาตายที่นี่ ? สงครามช่างโหดร้ายจริง ๆ “
เจี้ยนเฉินถอนหายใจแล้วตอบกลับว่า “มันไม่มีทางอื่นอีกแล้ว สงครามก็เป็นแบบนี้แหละ ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นทุกวันบนทวีปเทียนหยวน คนอ่อนแอจะเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง นั่นคือกฎของโลกนี้ การพยายามที่จะหลีกเลี่ยงกฎนี้นั้นมันเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นเจ้าจะเป็นสามจักรวรรดิใหญ่ เมื่อมีคนที่แข็งแกร่งขนาดพวกเขา ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไปหาเรื่องพวกเขา”
“เจียงหยาง เซียงเทียน ให้พวกเขายอมแพ้ซะ มันไม่จำเป็นที่จะต้องสู้กันอีกแล้ว ทหารเหล่านั้นมีครอบครัว” องค์หญิงทนไม่ได้อีกต่อไปและเริ่มขอร้อง แม้ว่านางจะรู้ว่ามันโหดร้ายและหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นางก็พบว่ามันยากมากที่จะยอมรับภาพที่อยู่ตรงหน้าของนางได้
สายตาของเจี้ยนเฉินจดจ้องไปที่ใบหน้าที่สวยงามขององค์หญิงโหยวเยว่ “องค์หญิงโหยวเยว่ ก่อนที่ท่านจะพูดคำเหล่านั้น ข้าอยากให้ท่านนึกว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นทำกับเสด็จพ่อของท่านไว้อย่างไรในอดีต ไม่เพียงแต่พวกนั้นจะเข้ามาวุ่นวายในพระราชวัง แต่พวกนั้นยังมาลักพาตัวเสด็จพ่อของท่านอีก ถ้าไม่ใช่เพราะที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าในตระกูลเจียงหยางของข้าที่ตอบโต้พวกคนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์กลับไป เสด็จพ่อของท่านคงถูกจับไปและถูกนำกลับไปในฐานะนักโทษเป็นแน่”
องค์หญิงเงียบไป เพราะนางคิดถ้อยคำที่จะปฏิเสธเจี้ยนเฉินไม่ได้
เจี้ยนเฉินพูดต่อ “องค์หญิงโหยวเยว่ การที่จะอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ไม่ใช่เพราะอยู่ด้วยความรู้สึกสงสาร สิ่งเดียวที่ท่านควรมองคือถนนที่ท่านเดินที่อยู่ใต้เท้าของท่าน ข้าให้โอกาสพวกเขายอมแพ้ แต่พวกเขาไม่รับ ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่เรียกว่าโหดร้ายหรือเมตตา มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่รอด”
“ในตอนที่ข้าเอาตัวรอดด้วยตัวเองในอดีต ท่านรู้ไหมว่าข้าสังหารคนไปมากมายเท่าใด ให้ข้าบอกท่านให้ ไม่มากกว่าหมื่น ไม่น้อยกว่าพัน”
“เยว่เอ๋อ เจียงหยาง เซียงเทียนพูดด้วยเหตุผล ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากอาณาจักรฉินหวง พวกเราก็คงไม่สามารถต่อต้านกองกำลังทหารทั้งสามที่มาหาพวกเราได้ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แต่เกิดในพระราชวังของอาณาจักรเกอซุน คนที่มาโจมตีเมืองของพวกเราเป็นอาณาจักรทั้งสี่” อาจารย์ใหญ่ของสำนักคากัต คาร์เฟอร์พูด
องค์หญิงเงียบไป นางเข้าใจเหตุผลที่ทั้งสองคนกล่าวมา มันไม่บ่อยที่นางจะได้เห็นการฆ่าฟัน แต่เมื่อใดก็ตามที่นางคิดว่าชีวิตนั้นช่างง่ายที่จะพรากไปเหลือเกิน หัวใจนางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนคนตายหลายสิบคนเลย คนหลายล้านตายลง การนองเลือดและการสังหารไม่ใช่ภาพที่ผู้หญิงต้องมาเห็น แม้แต่ชายที่ไม่เคยผ่านสงครามก็ไม่สามารถที่จะทนดูมันได้อย่างง่าย ๆ
จำนวนทหารที่ตายของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในครึ่งวัน ในตอนท้ายของวันทหารได้เสียชีวิตได้กว่า 150,000 คน ในขณะที่ทหารของกองทัพเทพดาบตะวันออกนั้นตายไปน้อยกว่ามาก พวกเขาเสียหทารไปหลายสิบคน ในขณะที่ที่เหลือนั้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เมื่อเห็นสถานการณ์รอบ ๆ พวกเขา แม่ทัพเฒ่าที่รับผิดชอบทหารของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็เคร่งเครียดอย่างบอกไม่ถูก ทหารชั้นดีของอาณาจักรฉินหวงนั้นยอดเยี่ยมมากกว่าที่เขาคำนวณเอาไว้ แม้แต่ทหาร 5 ล้านคนก็ไม่สามารถกดดันทหาร 500,000 คนของพวกเขาได้
“ถอย ! ” ผู้เฒ่าสั่งให้ถอยทัพอย่างเร็ว ด้วยอัตราการตายแบบนี้ แม้ว่าทั้งกองทัพจะต้องเสียสละตนเองไปทั้งหมด ความเสียหายที่กองกำลังของอาณาจักรฉินหวงได้รับก็คงไม่มีอะไรมากมาย
เมื่อมีการสั่งให้ถอย ทหารของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็ตกใจ พวกเขาหนีกลับไปในที่มั่นเหมือนน้ำหลาก ในขณะที่ทหารหลายคนนั้นถอดเกราะทิ้งเพื่อที่จะหนีได้เร็วขึ้นไปอีก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ดุร้ายและทหารของกองทัพเทพดาบตะวันออก พวกเขาก็สูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ไป
ในสายตาของพวกเขา กลุ่มของทหารเกราะเงินนั้นก็เหมือนแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตาย อาวุธเซียนของพวกเขานั้นยากที่จะแทงทะลุเกราะเงินที่ศัตรูใส่อยู่ได้ แม้คนสิบกว่าคนจะล้อมศัตรูคนเดียวอยู่ ศัตรูก็ไม่ละการป้องกันด้วยจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อ
กองทัพเทพดาบตะวันออกบนหลังสัตว์อสูรขับไล่ศัตรูไป สัตว์อสูรของพวกเขานั้นเร็วกว่ากองกำลังตรงหน้าของพวกเขา กองกำลังจึงถูกแซงและหนีไม่ได้
“ไว้ชีวิตคนที่ยอมแพ้ ! ” เสียงร้องดังได้ยินมาจากแม่ทัพพลของอาณาจักรฉินหวง ฉินหวู่หมิง เขาสั่งด้วยเสียงตะโกนที่ทรงพลังที่ได้ยินไปจนถึงสุดขอบฟ้า
“ข้ายอมแพ้ ! “
“ข้ายอมแพ้ อย่าฆ่าข้าเลย ! “
ในที่สุด คนหลายคนก็สั่นไหวในความมุ่งมั่นก็ร้องยอมแพ้ ด้วยการที่มีคนยอมแพ้ กำแพงสุดท้ายในใจของทุกคนก็พังทลายในที่สุด ทำให้คนมากขึ้นประกาศยอมแพ้ ในตอนนี้ กองกำลังทั้งหมดส่งเสียงก้องออกมา
ในขณะที่กองกำลังของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ยอมแพ้ เซียนสวรรค์ทั้งสิบเอ็ดจากอาณาจักรเดียวกันก็มองหน้ากันและกัน พวกเขาตกลงกันอย่างเงียบ ๆ และหันหลังบินหนีไป พวกเขาไม่ต่อสู้กับเซียนสวรรค์ของอาณาจักรฉินหวงที่นี่ การต่อสู้ที่มีในวันนี้มีเพียงทหารที่แข็งแกร่ง 5 ล้านคนกับทหารชั้นยอดของณาจักรฉินหวง เมื่อกองกำลังเสียขวัญกำลังใจไปแล้ว เซียนสวรรค์ของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็ไม่อยู่ต่อ
โดยที่ไม่ต้องรอคำสั่งจากเจี้ยนเฉิน ที่ปรึกษาจักรพรรดิจากอาณาจักรฉินหวงก็ไล่ตามไป ในพริบตา กลุ่มนั้นก็หายไปจากสายตา
หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาแต่ไกล ในขณะที่เซียนสวรรค์ของทั้งสองอาณาจักรเริ่มต่อสู้กันในที่สุด