บทที่ 1409 ลั่วเว่ยหยิน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“เปรียบเทียบกับชะตากรรม โชคไม่ใช่สิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไป”

 

“แม้จะโชคร้ายไปบ้าง แล้วอย่างไร?”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

 

กระดานหมากรุกกลุ่มดาวแสดงภาพของผู้อมตะวังสวรรค์

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะกำลังบินอยู่ในสวรรค์สีขาว

 

สองผู้อมตะวังสวรรค์พูดคุยด้วยการแสดงออกที่น่ากลัว

 

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดใช้เมฆขาวดำหลบหนีไปยังสวรรค์สีดำอีกครั้ง แต่ตามเวลาของห้าภูมิภาค ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เราอยู่ในสวรรค์สีขาว เวลานี้สวรรค์สีดำอยู่ด้านบน ดังนั้นเราต้องบินผ่านกำแพงพลังงานเพื่อเข้าสู่สวรรค์สีดำ”

 

“ถูกต้อง เราใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบกับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแล้ว ตราบเท่าที่เราไปยังสวรรค์สีดำ เราจะสัมผัสถึงมัน นี่ไม่ใช่ปัญหา”

 

“หากเราพบอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอีกครั้ง เราต้องไม่ทำผิดซ้ำซาก เราจะพยายามอย่างเต็มที่และป้องกันไม่ให้มันหลบหนีได้อีก”

 

สองผู้อตะวังสวรรค์กล่าวด้วยความมั่นใจ มันเป็นความมั่นใจที่มาจากความแข็งแกร่งของพวกเขา

 

ด้วยพละกำลังที่เหนือกว่า แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะมีโชคอยู่บ้าง แล้วอย่างไร?

 

มันจะสามารถพึ่งพาโชคได้ทุกครั้งงั้นหรือ?

 

ตราบเท่าที่มันล้มเหลวเพียงครั้งเดียว ผู้อมตะวังสวรรค์จะได้รับชัยชนะ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะถูกจับโดยไม่มีทางหนี

 

กระดานหมากรุกกลุ่มดาวสั่นเบาๆก่อนที่ภาพจะเปลี่ยนเป็นฟงจิวเก้อ

 

ตอนนี้ฟงจิวเก้อออกจากสายธารแห่งกาลเวลาเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในทะเลทรายตะวันตก

 

แต่เขาไม่ได้กลับออกมาที่จุดเดิมเนื่องจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาสายนั้นถูกทำลายไปแล้ว

 

เทพธิดาจื่อเว่ยบอกตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวนแก่ฟงจิวเก้อ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างไกลกันมาก

 

“ฟงจิวเก้อเป็นผู้พิทักษ์แห่งเต๋า”

 

“โชคของเขามั่นคงราวกับภูเขาที่ไม่สามารถขยับเขยื้อน มีเพียงคนโชคดีเช่นนี้เท่านั้นที่สามารถตอบโต้คนเช่นฟางหยวน”

 

“หากข้าส่งคนอื่นออกไป ฟางหยวนจะได้รับประโยชน์จากโชคร้ายของพวกเขา”

 

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน มันสามารถหลบหนีจากผู้อมตะของวังสรรค์สองคนโดยไม่ต้องกล่าวถึงตัวฟางหยวนเอง”

 

“ข้าจะปล่อยให้ฟงจิวเก้อไล่ล่าฟางหยวนต่อไปและบังคับให้ฟางหยวนค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง แม้เขาจะไม่ได้รับมันแต่เขาก็จะเปิดเผยไพ่เด็ดออกมาเรื่อยๆ เมื่อไพ่ของเขาถูกใช้ไปจนหมด ข้าจะไปหาเขาด้วยตนเอง”

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจตนาสังหารก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ย

 

เพื่อกำจัดปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ นางต้องคิดและวางแผนอย่างรอบคอบ

 

แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

 

ประการแรก ฟางหยวนยังมีไพ่ซ่อนอยู่ เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง

 

ประการที่สอง วังสวรรค์จำเป็นต้องปกป้องราชันมังกรที่กำลังปราบปรามเทพปีศาจจิตวิญญาณ เทพธิดาจื่อเว่ยต้องควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด

 

ประการที่สาม ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ตำแหน่งที่ตั้งของภาคกลางค่อนข้างเสียเปรียบ ดังนั้นวังสวรรค์จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม

 

แม้ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดรักตัวเอง เขาก็ยังไม่สามารถซ่อนตัวจากเทพธิดาจื่อเว่ย

 

แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะสามารถหลบหนี แต่มันยังถูกไล่ล่าและยังไม่พ้นอันตราย

 

ขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยกังวลเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจบัวแดงมากที่สุด

 

“เหตุใดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงจึงปรากฏขึ้นและหายไปอย่างกะทันหัน?” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจเรื่องนี้

 

ด้วยกระดานหมากรุกกลุ่มดาว มันทำให้นางกลายเป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของยุคปัจจุบัน

 

แต่เปรียบเทียบกับเทพปีศาจบัวแดงที่ลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เทพธิดาจื่อเว่ยยังไม่ถือเป็นสิ่งใด

 

“เทพปีศาจบัวแดง…” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

 

นางรู้ว่าเทพปีศาจบัวแดงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่สุดกับวังสวรรค์

 

ในความเป็นจริงครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเป็นเทพอมตะบัวแดงและเป็นผู้นำของวังสวรรค์…

 

สวรรค์สีดำ

 

หญ้าที่ส่องประกายระยิบระยับเหมือนพรมยักษ์เติบโตขึ้นในสวรรค์สีดำ

 

มันคือทุ่งราสวรรค์

 

สิ่งนี้เป็นทรัพยากรอมตะระดับหกที่เติบโตขึ้นในสวรรค์ทั้งเก้า

 

พวกมันจะเติบโตขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหรือรูปแบบชีวิตใดๆ

 

โชคดีที่สวรรค์ทั้งเก้าใหญ่โตมาก มีพื้นที่เพียงพอให้พวกมันเติบโตขึ้น

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้มีสองคนอยู่ในทุ่งราสวรรค์แห่งนี้

 

“จิ๊บ จิ๊บ!”

 

เสียงนกร้องดังขึ้น

 

ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มยกมือขวาขึ้นอย่างยากลำบาก มีแสงสีรุ้งปกคลุมอยู่ที่มือของเขา

 

แสงสีรุ้งราวกับต้องการหลบหนีจากเด็กหนุ่มแต่มันทำไม่ได้

 

เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นขณะที่หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ

 

“ไปซะเจ้าวิหคแสง!” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มถึงขีดจำกัดและสะบัดมือออกไป

 

“จิ๊บ จิ๊บ!”

 

ในเวลาต่อมา เสียงนกร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

จากนั้นแสงสีรุ้งก็พุ่งออกจากมือของผู้ใช้วิญญาณหนุ่มขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะกลายเป็นนกตัวหนึ่ง

 

วิหคแสงสีรุ้งบินออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

 

“บึม!”

 

ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่น วิหคแสงสีรุ้งตกลงบนทุ่งราสวรรค์

 

เมื่อแสงจางหาย หลุมเล็กๆก็ปรากฏขึ้น

 

เห็นเช่นนี้ ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มรู้สึกทั้งประหลาดใจและสนุกสนาน

 

เขามีความสุขหลังจากการฝึกฝนอย่างหนักของเขาประสบความสำเร็จ เขาประสบความสำเร็จในการใช้ท่าไม้ตายนี้

 

แต่เขารู้สึกแปลกใจที่ท่าไม้ตายนี้ทรงพลังเกินไป

 

“ท่านอาจารย์ ข้าทำสำเร็จ!” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่นเดินเข้าไปหาคนอีกผู้หนึ่งด้วยความตื่นเต้น

 

“อืม ไม่เลว” อาจารย์ของเขาแสดงความคิดเห็น

 

เห็นการแสดงออกของอาจารย์ หัวใจของผู้ใช้วิญญาณหนุ่มจึงสงบลง

 

เขากล่าวด้วยความเคารพ “ข้าตื่นเต้นมากเกินไป”

 

“อย่าคิดมาก” อาจารย์ของเขาโบกมือและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

 

ไม่กี่ก้าวต่อมา เขาหยุดและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีเทาที่ดูเรียบง่ายแต่มันไม่สามารถปกปิดร่างกายที่กำยำของเขา

 

เขาสวมหมวกฟางทรงสูงปิดบังใบหน้าเอาไว้

 

แม้เขาจะเป็นอาจารย์ของผู้ใช้วิญญาณหนุ่มแต่เขากลับไม่เคยเผยเปิดตัวตนที่แท้จริง

 

เด็กหนุ่มเห็นเพียงคางของผู้เป็นอาจารย์เท่านั้น

 

“ท่านอาจารย์ ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ หากข้าฝึกฝนเพียงลำพัง ข้าจะมาถึงระดับนี้ได้อย่างไร?” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มกล่าว

 

อาจารย์ของเขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว “เย่ฟาน เจ้ามีความสามารถที่ไม่น่าเชื่อ นี่เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางแห่งแสงที่เจ้าคิดค้นขึ้นด้วยตนเอง ข้าเพียงให้คำแนะนำเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่เจ้าต้องฝึกฝนให้มากขึ้น ข้าไม่สามารถอยู่เคียงข้างเจ้าได้ตลอดไป”

 

“ท่านอาจารย์ ท่านจะจากไปแล้วงั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มรู้สึกกังวล

 

เขาก็คือเย่ฟานของภาคใต้

 

เขาชื่นชอบเฉิงซินซื่อที่กลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง ตลอดมาเขาช่วยนางแก้ปัญหามากมายของตระกูลเฉิง

 

หลังจากเย่ฟานพ่ายแพ้ไป่หนิงปิงและรอดชีวิตมาอย่างฉิวเฉียด เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก

 

ประสบการณ์แห่งชีวิตและความตายยากที่จะลืมเลือน แต่โดยไม่คาดคิดเขากลับพบอาจารย์คนปัจจุบันของเขาผู้นี้

 

อาจารย์ของเขาเป็นผู้อมตะ

 

เพื่อดูแลศิษย์ที่มีพรสวรรค์ อาจารย์ของเขาจึงนำเขามาฝึกฝนในสวรรค์สีดำ

 

แม้พวกเขาจะใช้เวลาร่วมกันไม่นาน แต่เย่ฟานก็ชื่นชมอาจารย์ที่ลึกลับผู้นี้ของเขาอย่างสุดซึ้ง

 

แม้เย่ฟานจะไม่เคยเห็นหน้าของอาจารย์ผู้นี้ แต่เขายังสัมผัสได้ถึงความจริงใจและความเมตตาจากอาจารย์ของเขา

 

เขาไม่เคยสงสัยในตัวอาจารย์ผู้นี้

 

“มีพบย่อมมีจาก เราไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ตลอดไป แม้วันนี้ต้องจากลา แต่อนาคตอาจได้พบพานอีกครั้ง เย่ฟาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงพาเจ้ามาที่นี่” อาจารย์ของเขากล่าว

 

เย่ฟานกระพริบตา “ท่านอาจารย์ ท่านไม่ได้บอกว่าสวรรค์สีดำจะช่วยขัดเกลาทักษะบนเส้นทางแห่งแสงของข้างั้นหรือ? เพื่อความปลอดภัย แม้มันจะยากลำบากก็ตาม”

 

“นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง เหตุผลที่สองคือข้าอนุมานได้ว่าเจ้ามีโชคชะตาที่เชื่อมโยงกันที่นี่” อาจารย์ของเขากล่าว

 

“โชคชะตา?” เย่ฟานรู้สึกงุนงง

 

“ในโลกใบนี้ ทุกอย่างมีเหตุและมีผล ดูนั่น โชคชะตาของเจ้ามาถึงแล้ว” ผู้อมตะชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

เย่ฟานมองและอ้าปากค้าง

 

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินลงมาบนทุ่งราสวรรค์

 

“ช่างเป็นอินทรีย์ที่แข็งแกร่งนัก! อา…มันได้รับบาดเจ็บ!” เย่ฟานมองเห็นบาดแผลมากมายบนร่างของอินทรีย์สสวรรค์ชั้นสูงสุด

 

แม้เย่ฟานจะมีอาจารย์ที่ดี แต่เขายังไม่ใช่ผู้อมตะ ในความเป็นจริงกระทั่งผู้อมตะระดับหกทั่วไปก็ยังไม่รู้จักสัตว์อสูรแรกกำเนิดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

 

แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะสามารถหลบหนีจากผู้อมตะวังสวรรค์ แต่มันยังไม่ปลอดภัย

 

เมื่อมันเห็นทุ่งราสวรรค์ มันจึงบินลงมาพักผ่อน

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมันมาถึงที่นี่ มันก็หมดสติไปอย่างรวดเร็ว

 

อาจารย์ของเย่ฟานจับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดภายใต้การเฝ้ามองของเย่ฟาน

 

เขาเปิดฝ่ามือออกขณะที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหดเล็กลงจนกลายเป็นนกตัวน้อยอยู่ในกำมือของเขา

 

ด้วยการยกมืออีกข้างขึ้นสัมผัสอินทรีย์ตัวน้อย บาดแผลทั้งหมดของมันก็ถูกรักษาขณะที่มันนอนหลับอย่างผ่อนคลาย

 

“เย่ฟาน เจ้ามีความเชื่อมโยงกับมัน อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้อาจเป็นกุญแจในการแก้ปัญหาของเจ้าในอนาคต”

 

“เก็บมันไว้ข้างกาย เมื่อมันตื่น มันจะพาเจ้าออกจากสวรรค์สีดำและกลับสู่ภาคใต้”

 

“อาจารย์จะไปแล้ว”

 

หลังกล่าวจบคำเขาก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที

 

“ท่านอาจารย์ เดินทางโดยปลอดภัย” เย่ฟานรับอินทรีย์น้อยเอาไว้และกล่าวด้วยความโศกเศร้า

 

เขาวิ่งตามไปกระทั่งร่างของผู้เป็นอาจารย์กำลังจะหายไปที่ขอบฟ้า เขาตะโกน “ท่านอาจารย์ ข้าขอทราบชื่อท่านได้หรือไม่?”

 

“ชื่อของข้าคือลั่วเว่ยหยิน”

 

เสียงของอาจารย์ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาในหูของเย่ฟาน

 

“ท่านอาจารย์…ลั่วเว่ยหยิน…” เย่ฟานพึมพำ