กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 874

ตระกูลมู่เล็กมากเกินไป พวกเขามีใจแต่ก็ไร้ความสามารถ

ผู้นำตระกูลมู่กล่าว “เรื่องนี้จวนมู่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว”

“ท่านพ่อ……” มู่ซินไม่ยอม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่หัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจและหันหน้าไปทางตระกูลซั่งกวน

“ผู้นำตระกูลซั่งกวน เรื่องนี้ท่านเป็นควรเช่นไร?”

ทุกคนต่างคิดว่าตระกูลซั่งกวนจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวแน่ๆ เพื่อร่วมกันแย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ไปครอบครอง

คิดไม่ถึงว่าผู้นำตระกูลซั่งกวนกลับพูดอย่างเย็นชา

“เรื่องนี้ตระกูลซั่งกวนของเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว”

ซั่งกวนชิงแทบลุกเป็นไฟ “ท่านผู้นำ ปีศาจหญิงคนนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย หากดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ถูกนางกินเข้าไปแล้วหลอมรวม เช่นนั้นก็……”

ผู้นำตระกูลซั่งกวนกวาดสายตาออกไปและแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจในซั่งกวนชิง

ผู้ที่ขอร้องให้ยกเลิกการแต่งงานของมู่หน่วนและหลางเอ๋อร์คือเขา

ผู้ที่จับคู่การแต่งงานของมู่หน่วนและหลางเอ๋อร์อีกครั้งก็คือเขา

และตอนนี้คนที่ต้องการฆ่ามู่หน่วนก็คือเขา

เมื่อพลิกผันกลับไปกลับมาเช่นนี้ ตระกูลซั่งกวนยังต้องการเกียรติและความน่าเชื่อถืออีกหรือไม่?

อีกอย่าง ผู้หญิงคนนี้…..เขามักคิดว่านางไม่ธรรมดา

ในเมื่อตระกูลไป๋หลี่คิดอยากจะเป็นผู้นำและมีชื่อเสียง เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาเป็นผู้นำและมีชื่อเสียงไป

หลังจากที่ซั่งกวนชิงถูกจ้อง เขาก็ยืนเก็บกลั้นความโกรธอยู่อีกฝั่ง

และสุดท้ายผู้นำตระกูลไป๋หลี่ก็จ้องมองไปยังผู้นำตระกูลเหวินและถามอย่างมีชั้นเชิง “ผู้นำตระกูลเหวิน ท่านคิดเห็นเช่นไร”

ท่าทางการแสดงออกของผู้นำตระกูลไป๋หลี่ดูเรียบเฉย

แต่กลับไม่เหมือนกับผู้นำตระกูลซั่งกวนที่แสดงความเคารพ

เหวินเส่าอี๋ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ราวกับต้นหลิวในเดือนมีนาคมที่แสนอบอุ่น “ตระกูลเหวินมาที่นี่เพื่อรางวัลของการชุมนุมแข่งขัน”

คำพูดของเขาละเอียดอ่อนมากและไม่ได้แบ่งแยกออกตัวเป็นสองฝั่งอย่างแท้จริง

ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการแสดงออกถึงอะไรกันแน่

แต่ทุกคนต่างก็ร่วมการโจมตี เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าที่จะช่วยเหลือนาง

ผู้นำตระกูลเหวินอายุยังน้อย คาดว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับทุกคนในนี้หรอก

“ท่านอ๋องเสวี่ย ท่านล่ะ?”

เสด็จอาเสวี่ยกล่าว “หากนางมีเวทมนตร์ชั่วร้ายจริง เช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางมอบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ให้นางได้ หากว่านาง……ช่างเถอะ เรื่องนี้พวกข้าไม่ขอยุ่งเกี่ยว”

ไม่รู้ว่าหยางโม่มาอยู่ข้างกายของเสด็จอาเสวี่ยตั้งแต่เมื่อไร เขารีบกล่าวว่า “เสด็จอา มู่หน่วนไม่ใช่ปีศาจหญิง นางได้เคยช่วยชีวิตของข้าไว้ครั้งหนึ่ง”

“นางเคยช่วยชีวิตเจ้าครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่นางมีเวทมนตร์คาถาชั่วร้าย เมื่อสักครู่นางก็ยังแสดงออกมาให้เจ้าเห็นแล้ว นางได้ดูดเลือดทั้งหมดในร่างกายของไป๋หลี่เจิ้นไปหมด ทวีปนี้ไม่ยอมให้คนเช่นนางดำรงอยู่ต่อไปได้”

“แต่ว่า……”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ในฐานะที่เจ้าเป็นองค์ชายของรัฐปิง เช่นนั้นก็ควรนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเพื่อรัฐปิงเป็นหลัก”

เมื่อมองไปรอบๆ หรือแม้แต่บนโลกนี้ กลับไม่มีใครกล้าช่วยนางเลยสักคน

มีเพียงหลินซือหย่วน……

ชายผู้ต่ำต้อยเรี่ยดินที่มีความสามารถต่ำเหลือเกิน ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ราวกับกำลังคิดไม่ตกว่าจะช่วยนางดีหรือไม่

กู้ชูหน่วนไม่รอให้หลินซือหย่วนเดินเข้ามาใกล้นาง จากนั้นก็เพิ่มระยะห่างระหว่างนางและเขาให้ห่างไกล “เหตุใดหรือ เจ้าก็คิดอยากร่วมกับพวกเขาเพื่อฆ่าข้า น่าเสียดาย ความสามารถของเจ้าต่ำต้อยเหลือเกิน อย่าว่าแต่เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้ แม้แต่พวกเขาคนใดคนหนึ่ง เจ้าก็ไม่สามารถฆ่าได้”

นางต้องการบอกกับเขาว่า อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้เลย

พละกำลังความสามารถของเขาน้อยนิดเช่นนั้น ต่อให้ช่วยนางก็ถือเป็นการสละชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์ เช่นนั้นก็ควรเก็บพลังกำลังเอาไว้และตั้งใจฝึกซ้อมต่อไป

ร่างกายของหลินซือหย่วนเยือกเย็น

เขาเพียงแค่ลังเลเล็กน้อยเท่านั้น แต่นางกลับดูออกอย่างนั้นหรือ?

เขาอยากจะช่วยนาง

แต่พละกำลังความสามารถของเขาไม่เพียงพอจริงๆ ไม่เช่นนั้นก็ควรรอดูสถานการณ์ก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจ

กู้ชูหน่วนยิ้มและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

นางรู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดาย

หากเซี่ยวอวี่เซวียนยังอยู่ เขาจะต้องยืนข้างนางโดยไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น

“นำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ออกมาเดี๋ยวนี้”

กู้ชูหน่วนจ้องมองทุกคน แม้ว่าจะถูกทุกคนโจมตีแต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยกย่องชื่นชมนาง

“พวกเจ้าต่างก็ต้องการดอกบัวศักดิ์สิทธิ์? แต่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมีเพียงแค่ดอกเดียวเท่านั้น พวกเจ้ามีกันมากมายเช่นนี้ ข้าจะให้ใครดีล่ะ?”

ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา แต่ไม่มีใครตอบอะไร

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะและกล่าวต่อไป “พวกเจ้าอยากได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีก็ได้ เพียงแค่ฆ่ากำจัดไป๋หลี่ป้าเสีย หากไป๋หลี่ป้าตาย ข้าจะมอบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ด้วยมือของข้าเอง”

“บัดซบ เจ้าต้องการให้พวกข้าฆ่าฟันกันเองอย่างนั้นหรือ?”

“เงื่อนไขของข้ามีเพียงเท่านี้ หากพวกเจ้าไม่สามารถทำตามได้ เช่นนั้นก็ขอโทษ ข้าไม่สามารถนำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้”

“เจ้าไม่นำออกมา พวกข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้”

“ต้องการดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ไม่มีให้ ต้องการชีวิตละก็ มีหนึ่งชีวิต”

คำพูดเย่อหยิ่งของกู้ชูหน่วนเช่นนี้ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันโกรธเคือง

ไป๋หลี่เฉิงกล่าว “หยุดพูดจาเหลวไหลกับนาง จับนางให้ได้ก่อน หากนางยังไม่นำออกมา จากนั้นค่อยลงโทษขั้นรุนแรง”

“คำพูดของท่านไป๋หลี่ฟังดูมีเหตุผล ส่งคนมาที่นี่ จับตัวมู่หน่วนให้ได้”

ผู้นำสำนักไฮ่เทียนออกคำสั่ง จากนั้นศิษย์ของสำนักไฮ่เทียนจำนวนมากก็วิ่งเข้ามา

สำนักอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องต่างก็พากันเข้าร่วม

กู้ชูหน่วนสูดลมหายใจเข้าและปล่อยทวนออกไป แต่ละทวนที่ออกไปนั้นสามารถทำให้คนจำนวนมากล้มลง

การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วและพลิ้วไหว ท่าทางนั้นดูพิเศษ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของทุกคน นางเคลื่อนไหวอย่างมีสติและรู้การตั้งรับ

ทุกคนคิดต้องการจะจับตัวนางให้ได้ ทำให้ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

อย่างไรก็ตาม นางเพียงคนเดียว แต่ศัตรูมีเป็นจำนวนมาก กู้ชูหน่วนเก่งกาจมากเพียงใดก็ไม่สามารถเอาชนะได้

อีกทั้งนางยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและคนที่อยู่ที่นี่จำนวนมากไม่น้อยที่มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่านางเลย

ภายใต้การต่อสู้เป็นวงล้อ กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บเพิ่มจากเดิมและเลือดได้ไหลนองไปทั่วบริเวณการต่อสู้

พละกำลังของนางค่อยๆ หมดลง แต่ละกระบวนท่าก็ช้าลงเรื่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องฝืนต่อไปไม่ได้แน่ๆ

“ท่านปู่ ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่านางเป็นหลานสะใภ้ของท่าน หรือเราจะดูนางตายไปเช่นนี้จริงๆ หรือ”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากจะช่วยหรือ?”

“ฉึก……”

กู้ชูหน่วนถูกแทงเข้าที่บริเวณหน้าท้องอีกครั้งและเลือดก็ไหลรินออกมาเลอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของนาง

ท่านผู้เฒ่าหนิงทนดูต่อไปไม่ได้และคิดอยากจะเข้าร่วมสนามการต่อสู้

ไป๋หลี่ป้าขัดขวางเขาไว้และกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านผู้นำหนิง มีคนอยู่ในการต่อสู้จำนวนมาก หากทำให้ท่านบาดเจ็บคงจะไม่เป็นการดีเท่าไรนัก ท่านว่าอย่างไร?”

คำพูดนี้เป็นการข่มขู่โดยไม่ต้องสงสัย

ท่านผู้เฒ่าหนิงกวาดสายตาไปยังเจ้าสำนักของแต่ละสำนักและคนอื่นๆ จากนั้นกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

“ไป๋หลี่ป้านะไป๋หลี่ป้า เพื่อดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สองดอก เจ้ากลับไร้ยางอายถึงเพียงนี้”

“ข้าทำเพื่อกำจัดภัยอันตรายให้กับรัฐปิง”

“ฮึ ท่านคิดอะไรในใจ ทุกคนต่างรู้ดี”

“ท่านผู้นำตระกูลหนิงคิดเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไร”

“เฮอะ ทำเรื่องเลวร้ายไป ท่านระวังจะถูกฟ้าผ่า” ท่านผู้เฒ่าหนิงสะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป ไม่แม้แต่จะหันมองสถานการณ์อันโหดร้ายที่เกิดกับกู้ชูหน่วน

เมื่อหนิงเทียนโย่วเห็นท่านผู้เฒ่าหนิงจากไป จากนั้นจึงรีบไปคว้าแขนของเขา “ท่านปู่ ท่านไม่คิดสนใจจริงๆ หรือ?”

“ทำอะไรได้? แลกด้วยชีวิตของคนในตระกูลหนิงนับร้อยนับพันคนอย่างนั้นหรือ? นางก็คงไม่คิดว่าเราจะยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยวหรอก ไปกันเถอะ กลับตระกูลหนิงกัน”

“ข้าไม่กลับ ท่านไม่ช่วย ข้าจะเป็นคนช่วยเอง”

“เจ้าเด็กชั่ว คำพูดของข้าไม่สำคัญเลยใช่หรือไม่?”

“ก็เพียงแค่ตายไม่ใช่หรือ มีอะไรให้กลัวอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าเด็กชั่ว เจ้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหนิง หากเจ้าตาย เช่นนั้นตระกูลหนิงก็ไม่มีผู้สืบทอดตระกูลอีกแล้ว อย่างไรเจ้าก็ต้องกลับ”

สีหน้าของหนิงเทียนโย่วเปลี่ยนไปและคาดเดาได้ว่าท่านผู้เฒ่าหนิงคิดทำอะไร จากนั้นจึงรีบหนีไปเพื่อคิดจะเข้าร่วมการต่อสู้

ท่านผู้เฒ่าหนิงทำให้เขาหมดสติไปทันทีและให้ศิษย์คนอื่นแบกหนิงเทียนโย่วออกไป

เขามองไปยังกู้ชูหน่วนที่แทบยืนต่อไปไม่ไหวด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นถอนหายใจออกมา

“เจ้าหนูหน่วน ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้ เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ”

ตระกูลหนิงที่เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ยังไม่มีความสามารถ ตระกูลมู่ยิ่งไร้ความสามารถ และทำได้เพียงปล่อยให้กู้ชูหน่วนถูกแทงด้วยดาบนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่ยอมยอมรับความพ่ายแพ้อย่างดื้อรั้น

ผู้นำตระกูลมู่และผู้นำรองและผู้นำสามต่างก็ทนดูไม่ได้

มู่ซินร้อนรนกระวนกระวายใจและตระโกนออกไปไม่หยุด “อาหน่วน เจ้ารีบยอมแพ้เสียเถอะ เราคืนดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขาไป อาหน่วน……”