ตอนที่ 392 ต่อต้านผิดปกติ / ตอนที่ 393 ส่งไปช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 392 ต่อต้านผิดปกติ

 

 

           ก็เห็นเพียงแค่ห้องรับแขกชั้นล่าง ไม่มีใครสักคน เจียงมู่เฉินชะงักไป ก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกไปที่สวนดอกไม้

 

 

           คุณแม่เจียงอยู่ในสวนดอกไม้ นั่งอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

           หลังจากคุณแม่เจียงเห็นเจียงมู่เฉินนั่งลง ก็เอียงหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “บอกว่าอยากนอนไม่ใช่เหรอ ทำไมลงมาแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินเงียบงันไม่กี่วินาที ถึงได้เอ่ยปากออกมา “แม่ครับ ผมกับซือเหยี่ยน แม่ยอมรับได้ยากขนาดนี้เชียวเหรอครับ”

 

 

           เอ่ยถึงชื่อ ‘ซือเหยี่ยน’ ใบหน้าของคุณแม่เจียงก็แข็งค้าง

 

 

           “ซือเหยี่ยนก็ถือว่าเป็นคนที่แม่เห็นมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่ใช่เหรอครับ เมื่อก่อนแม่ก็ดีกับเขาตั้งขนาดนั้น ทำไมตอนนี้พอรู้เรื่องของพวกเราแล้วถึงยอมรับได้ยากขนาดนี้ครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดไม่ตก ตอนนั้นเขาคิดว่าคุณแม่เจียงก็ดีกับซือเหยี่ยนไม่น้อย ควรจะยอมรับซือเหยี่ยนได้ง่ายๆ

 

 

           ‘ถึงยังไงสิ่งที่ทำให้ดีๆ เหล่านั้นก็ไม่ใช่ของปลอมไม่ใช่เหรอ’

 

 

           แต่ว่าท่าทีของคุณแม่เจียงกลับแข็งกร้าวจนเกินไป

 

 

           แข็งกร้าวจนเกินความคาดหมายของเจียงมู่เฉิน

 

 

           คุณแม่เจียงได้ยินเจียงมู่เฉินพูดขนาดนี้ ปลายนิ้วสั่นระรัว “เจียงมู่เฉิน เรื่องของลูกกับซือเหยี่ยน แม่ไม่มีทางจะเห็นด้วย ลูกไม่ต้องมาพูดเกลี้ยกล่อมแม่อีกเลย”

 

 

           “แม่ครับ ผมไม่เข้าใจ ทำไมถึงไม่ได้” เจียงมู่เฉินร้อนใจแล้ว

 

 

           “ลูกไม่ต้องเข้าใจ ลูกแค่ต้องจำไว้ ว่าตราบใดที่แม่ยังอยู่ ลูกกับซือเหยี่ยนไม่มีวันจะได้คบกัน”

 

 

           “ซือเหยี่ยนเขานับถือแม่เหมือนแม่อีกคนหนึ่ง เมื่อก่อนแม่ก็ชอบเขา ชอบมากกว่าผมซะอีก ผมกับซือเหยี่ยนคบกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักอย่าง ทำไมถึงไม่ได้แล้วล่ะครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าจะสื่อสารกับแม่เขาอย่างไรดี

 

 

           เขารู้สึกว่าตัวเองแทบจะไร้สามารถเรื่องการสื่อสารแล้ว

 

 

           รู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ต่อหน้าแม่เขาดูจะไร้ประโยชน์ไปเสียหมด

 

 

           เจียงมู่เฉินพูดมาตั้งมากมายอย่างไม่ลดละ อารมณ์คุณแม่เจียงก็ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ “แม่ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องของพวกลูกอีก ถึงยังไงแม่ก็ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด”

 

 

           คุณแม่เจียงเอ่ยเหวี่ยงใส่ แล้วเดินออกไปทันที

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลับตาด้วยความปวดหัว กว่าจะกลับมาจากอเมริกาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กว่าจะกลับมาคืนดีกับซือเหยี่ยนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

 

 

           ตอนนี้ยังมีเรื่องแบบนี้ปรากฏขึ้นมาอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าเรื่องกระจุกกระจิกพวกนี้ ทำให้ทุกข์ใจจนน่าปวดหัวเกินไปเสียจริง

 

 

           ถ้าเป็นไปตามปกติ เขาสะบัดมือไม่สนใจไปนานแล้ว

 

 

           การมาสนใจเรื่องกระจุกกระจิก ไม่เคยเป็นความชอบของเขาคุณชายน้อยเจียงมาแต่ไหนแต่ไร

 

 

           เจียงมู่เฉินกุมขมับ แต่ว่าจะทำยังไงดี เขาอยากคบกับซือเหยี่ยนนะ

 

 

           จะไม่ให้กลุ้มใจได้อย่างไร

 

 

           เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองท้องฟ้า ปรากฏความทุกข์ระรมอย่างเห็นได้ชัด

 

 

           ……

 

 

           อีกด้านหนึ่งหลังจากซือเหยี่ยนออกจากบ้านตระกูลเจียงมา ก็ตรงกลับเข้าไปที่บริษัท

 

 

           เมื่อเดินเข้ามาพนักงานของซือกรุ๊ปทั้งหมดต่างมองมายังซือเหยี่ยนกันเป็นตาเดียว เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ในที่สุดประธานซือก็กลับมาจนได้

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินเข้าลิฟต์ มุ่งขึ้นไปยังห้องทำงานทันที

 

 

           ช่วงเวลานี้ที่เขาไม่ได้มาที่บริษัท ไม่รู้ว่าที่บริษัทจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า

 

 

           ถึงแม้เขาจะวางใจไป๋จิ่งมากก็ตาม

 

 

           หลังจากเข้าห้องทำงานไป ข้างในยังคงเหมือนเดิมกับวันที่เขาออกจากที่นี่ ซือเหยี่ยนนั่งหน้าโต๊ะทำงานก็ต่อสายภายใน “ให้ประธานไป๋เข้ามาที”

 

 

           “ประธานซือครับ ประธานไป๋ไม่อยู่บริษัทครับ”

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายมาห้องทำงานฉันหน่อย”

 

 

           เสี่ยวหลิวเดินเข้ามาในห้องทำงานของซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงต่ำ “เวลานี้ไป๋จิ่งไม่อยู่บริษัทออกไปข้างนอกเหรอ”

 

 

           “ประธานซือครับ ไม่กี่วันมานี้ประธานไป๋ไม่ได้มาที่บริษัทเลยครับ”

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าไง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”

 

 

           เสี่ยวหลิวส่ายหลิว “รายละเอียดยังไม่ชัดเจนครับ เพียงแต่ว่าทางประธานไป๋ตัดขาดการติดต่อทุกช่องทาง ผมเองก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกันครับ”

 

 

           “ไปบ้านเขาแล้วหรือยัง”

 

 

           “ไปแล้วครับ แต่ไม่มีใครอยู่”

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือไป๋จิ่งจะเกิดเรื่องอะไรแล้ว

 

 

           เขารีบให้เสี่ยวหลิวเอาตารางงานของช่วงนี้มาโดยด่วน หลังจากจัดการที่เหลือเรียบร้อย ถึงได้ค่อยขับรถไปหาไป๋จิ่ง

 

 

           เขากับไป๋จิ่งรู้จักกันมาตั้งหลายปี ไป๋จิ่งไม่เคยจะผิดปกติถึงขนาดนี้มาก่อน

 

 

           ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

           

 

 

        ตอนที่ 393 ส่งไปช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน

 

 

           ซือเหยี่ยนขับรถไปถึงคอนโดมิเนียมของไป๋จิ่ง เขายืนอยู่หน้าประตูกดออดอยู่นานสองนาน ก็ไม่มีใครมาเปิดเลยสักคน

 

 

           เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวคนไม่อยู่บริษัท เช่นนั้นก็มีเพียงแค่อยู่ที่บ้านแล้ว

 

 

           คิดไม่ออกว่าไป๋จิ่งนอกจากสถานที่สองแห่งนี้แล้ว ยังจะไปที่ไหนได้อีก

 

 

           ซือเหยี่ยนหยุดชะงักไปสักพัก แล้วเคาะประตูต่อ รออยู่ตั้งนานก็ยังไม่มีคนมาเปิดประตูเหมือนเดิม เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไปเรียกนิติบุคคลของคอนโดมิเนียมมางัดเปิดประตูให้

 

 

           รออีกสักครู่เดียว นิติบุคคลก็รีบพาคนเข้ามา

 

 

           เสียเวลาไปพอสมควร ถึงจะเปิดประตูออกได้ ทันทีที่ประตูเปิด ก็มีกลิ่นแสบจมูกโชยออกมาจากข้างใน

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วทันที รีบใช้มือปิดจมูก รออีกสักพักหนึ่ง แล้วค่อยเข้าไปในห้อง

 

 

           ข้างในผ้าม่านปิดทึบไปหมด ความมืดมัวแผ่ปกคลุม

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินเข้าไปที่ข้างหน้าต่างดึงเปิดหน้าต่างออกก่อน ในห้องรับแขกเหมือนมีคนมาบุกปล้นอย่างไรอย่างนั้น สกปรกระเกะระกะจนมองไม่ไหว

 

 

           คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น เปลี่ยนสถานที่อีกครั้งไปยังห้องนอน

 

 

           ประตูบานใหญ่ของห้องนอนปิดสนิท ซือเหยี่ยนยืนอยู่หน้าประตู คิดว่าการรับแขกจากข้างในนั้นคงจะไม่ได้ดีไปกว่าสภาพข้างนอกนี้เท่าไหร่นัก

 

 

           มีประสบการณ์มาแล้วจากเมื่อครู่นี้ ซือเหยี่ยนจึงเปิดประตูก่อน ทันทีหลังจากนั้นก็ถอยหลังกลับไปสองก้าว

 

 

           รอประมาณสองนาที ถึงค่อยเดินเข้าไปข้างใน

 

 

           เป็นอย่างที่ซือเหยี่ยนคิดไว้ไม่มีผิด ข้างในระเนระนาดยิ่งกว่า ขวดเหล้ากระจายเต็มพื้น ไป๋จิ่งนอนฟุบอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าสลบหรือหลับแล้ว

 

 

           เสื้อผ้าไป๋จิ่งยับยู่ยี่ เหมือนถูกดึงตัวออกมาจากไหผักดองอย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้จะมองอย่างไรแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนพลิกร่างไป๋จิ่งกลับมา

 

 

           ก็เห็นเพียงแค่เขาผอมลงเท่าตัว หนวดเคราขึ้นเฟิ้ม ดูแล้วสภาพเหมือนจะแก่ขึ้นอีกหลายปีทีเดียว

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นสภาพการณ์แล้วก็กุมขมับ เขาแค่ไม่ได้กลับมาช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง ทำไมไป๋จิ่งถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้

 

 

           เขายื่นมือไปผลักซังจิ่ง “ตื่นๆ ไป๋จิ่ง”

 

 

           ไป๋จิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเลยแม้แต่น้อย ไม่ไหวติงอยู่นานสองนาน นอนอยู่ตรงนั้นไม่มีท่าทีใดใดตอบสนองกลับมา

 

 

           ซือเหยี่ยนใจกระตุกวูบ รีบตะโกนเรียกอยู่หลายครั้ง

 

 

           ยังคงไม่ตอบสนองเหมือนเดิม

 

 

           เขาไม่ลังเลอีกต่อไป กดโทรที่หมายเลข 120[1] นำตัวไป๋จิ่งส่งโรงพยาบาล

 

 

           ณ โรงพยาบาล ไป๋จิ่งถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง จึงถูกเข็นออกมา

 

 

           “คนไข้เกิดภาวะสุราเป็นพิษเฉียบพลัน ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ”

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับ “ครับ ขอบคุณครับ”

 

 

           เพียงไม่นานไป๋จิ่งก็ถูกส่งมายังห้องพักผู้ป่วย ซือเหยี่ยนยืนอยู่หน้าประตู ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก

 

 

           ‘นี่ไป๋จิ่งเกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมจู่ๆ ถึงได้ดื่มเหล้าจนถึงขั้นสุราเป็นพิษแบบนี้’

 

 

           ครุ่นคิดว่าเพราะอะไร ก็มีเพียงแค่ไป๋จิ่งเท่านั้นที่อธิบายได้

 

 

           อยู่เฝ้าที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสองชั่วโมง ไป๋จิ่งถึงได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อซือเหยี่ยนเห็นเขาลืมตาขึ้นมา ก็รีบเอ่ยถามทันที “นายนี่มันอะไรกัน ถึงได้ดื่มหนักเอาขนาดนี้ได้”

 

 

           ไป๋จิ่งมองซือเหยี่ยน ฝืนยิ้มอย่างจนใจในความรู้สึก “ทำเรื่องที่ผิดพลาดไป”

 

 

           เขาพูดประโยคนี้ออกมาโดยไม่ผ่านสมองเลยสักนิด ซือเหยี่ยนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก ทำไมจู่ๆ ถึงทำเรื่องที่ผิดพลาดไปได้

 

 

           “หมายความว่าไง นายไปทำผิดอะไรมา”

 

 

           “มั่วไป๋เขาก็คือหลินฝาน…เขาก็คือเขา…” ดวงตาคู่นี้ของไป๋จิ่งล่องลอยมองเพดานห้อง พูดพึมพำกับตัวเอง ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตกลงแล้วไป๋จิ่งพูดอะไรกันอยู่กันแน่

 

 

           เพียงแต่ไป๋จิ่งเองก็ไม่ได้สนใจว่าซือเหยี่ยนจะเข้าใจหรือไม่ สำหรับไป๋จิ่งแล้ว ก็แค่อยากจะระบายอารมณ์ความรู้สึกออกมาเพียงเท่านั้น

 

 

           ซือเหยี่ยนอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสักพัก เห็นอารมณ์ของไป๋จิ่งสงบนิ่งลงแล้ว ถึงค่อยได้ออกจากโรงพยาบาล แล้วกลับไปยังบริษัทก่อน

 

 

           ……

 

 

           หลังจากเจียงมู่เฉินแยกกันกับคุณแม่เจียงด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองใจอีกครั้ง ก็ขับรถไปหามั่วไป๋ทันที

 

 

           เขาไม่ได้กลับมาตั้งนานขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่ามั่วไป๋เป็นอย่างไรบ้างแล้ว

 

 

           ระหว่างทางเจียงมู่เฉินโทรศัพท์หามั่วไป๋ เสียงมั่วไป๋เหมือนจะเหนื่อยล้าเอาเรื่องอยู่ไม่เบา

 

 

           หลังจากพูดคุยกับมั่วไป๋เรื่องที่เขาจะเข้าไปหาเสร็จ เพียงไม่นานก็มาถึงใต้ตึกคอนโดมิเนียมของมั่วไป๋

 

 

           เขายืนอยู่หน้าประตูทางเข้ายื่นมือออกไปเคาะประตู

 

 

 

 

[1] หมายเลข 120 คือหมายเลขโทรศัพท์ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินของประเทศจีน