ตอนที่ 667 สร้างมาเพื่อนาง
“เจ้ากำลังโกรธที่เมื่อครู่ข้ามิได้ลงโทษนางใช่หรือไม่ ? ” มู่จวินฮานคิดว่าอันหลิงเกอกำลังโกรธที่เมื่อครู่เขาพูดอธิบายแทนเฝิงเยว่เอ๋อ
“ท่านเห็นข้าเป็นคนใจแคบเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอถามกลับบ้าง ความจริงแล้วนางมิได้โกรธมู่จวินฮานและมิได้นึกที่จะทำให้เขาไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้เลย นางแค่พูดไปเรื่อยก็เท่านั้น
“มิใช่ เพียงแต่หากเป็นสตรีอื่นเกรงว่าพวกนางคงโกรธข้าไปแล้ว” มู่จวินฮานฟังน้ำเสียงที่แฝงการหยอกล้อของอันหลิงเกอออกจึงได้รู้ว่านางมิได้โกรธเคืองอันใด เขาจึงกล่าวเยินยอนางออกไป
เมื่อได้เห็นท่าทีของเขาแล้วอันหลิงเกอก็นึกขบขันมิน้อย ดังนั้นจึงมิได้เก็บเรื่องเมื่อครู่มาใส่ใจอีก
พอนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของเฝิงเยว่เอ๋อ นางรู้ดีว่าไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ สู้ปล่อยให้มันผ่านไปเสียดีกว่า
ทางด้านมู่จวินฮานเมื่อเห็นว่าอันหลิงเกอปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปก็รู้สึกสบายใจขึ้น เขาจูงมือพานางไปที่สวนดอกไม้ซึ่งก่อนหน้านี้ตรงทางเข้าสวนสมุนไพรเป็นเพียงพื้นที่โล่งว่างเท่านั้น
บัดนี้กลับเต็มไปด้วย*ซานฉาฮวาสีขาว อันหลิงเกอเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกดีมาก เดิมทีนางชอบความเรียบง่ายอยู่แล้ว เมื่อเห็นดอกไม้ที่ไม่หวือหวาเช่นนี้จึงชื่นชอบมากเป็นพิเศษ
“ตามข้ามาสิ” จากนั้นมู่จวินฮานก็ดึงมือของอันหลิงเกอให้เดินตามไป เขาพานางมายังพื้นที่ว่างด้านหลัง ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน น่าจะเป็นเพราะอิ่งจือจัดเตรียมที่ตรงนี้มิทัน
แต่ตอนนี้ถูกมู่จวินฮานปลูกเป็นป่าไผ่ที่กว้างใหญ่เอาไว้ ลมเย็นสดชื่นปะทะเข้ากับใบหน้า อันหลิงเกอเห็นต้นไผ่มากมายเช่นนี้ก็ยิ่งชื่นชอบขึ้นไปอีก
มู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอชื่นชอบก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก ตั้งแต่มาที่นี่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามที่เคยรับปากนางเอาไว้ รวมถึงป่าไผ่ที่นางเคยขอก็เช่นกัน
เมื่อเดินลึกเข้าไปในป่าไผ่ก็พบกับบ่อน้ำร้อนที่มู่จวินฮานเคยขุดไว้ให้อันหลิงเกออีกด้วย มิว่ามาแช่น้ำร้อนหรือต้องการนั่งรับลมก็ล้วนให้ความรู้สึกสบายอย่างยิ่ง
อันหลิงเกอรู้ว่ามู่จวินฮานตั้งใจทำให้นางถึงเพียงนี้จึงรู้สึกประทับใจมาก
หลังอันหลิงเกอเดินชมป่าไผ่จนพอใจแล้ว มู่จวินฮานจึงพานางไปที่ศาลานั่งเล่นและที่นี่เขาได้เตรียมอาหารที่นางชอบไว้พร้อมสรรพ
เมื่อครู่หากมิใช่เพราะเฝิงเยว่เอ๋อ เขาคงทำให้นางประหลาดใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ส่วนเฝิงเยว่เอ๋อเมื่อกลับถึงเรือนก็ถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ทิ้งไปอย่างมิไยดีและเปลี่ยนเป็นชุดผ้าไหมหรูหราเช่นทุกครั้งแทน
เป็นดั่งที่อันหลิงเกอคิดไว้ไม่มีผิด นางแต่งตัวซอมซ่อก็เพื่อหวังได้รับความสงสารจากอันหลิงเกอ แต่ทำมิสำเร็จและเฝิงเยว่เอ๋อในเวลานี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ขณะเดียวกันนางก็หยิบปิ่นขึ้นมาเสียบที่มวยผมเบา ๆ พร้อมมองใบหน้าที่งดงามของตนในกระจก ก่อนที่มือของนางจะกำเข้าหากันแน่น อันหลิงเกอมีสิทธิ์อันใดมาเทียบเคียงกับข้าได้
นับตั้งแต่อันหลิงเกอกลับมา ตัวนางก็มิได้รับความโปรดปรานจากมู่จวินฮานอีก ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดและพยายามมากมายแค่ไหนก็ไม่มีทางได้ครอบครองมู่จวินฮานเพราะหัวใจของเขาอยู่ที่อันหลิงเกอมาโดยตลอด นางทำเช่นไรก็ช่วงชิงมามิได้
ความคิดเช่นนี้ทำให้จิตใจของเฝิงเยว่เอ๋อร้อนรน นางมิอาจยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ได้ ในขณะที่นางกำลังจมดิ่งกับความคิดอยู่นั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นจานกระเบื้องที่สาวใช้ยกเข้ามา
เฝิงเยว่เอ๋อขบกรามแน่นก่อนคว้าจานกระเบื้องมาปาจนแตก สาวใช้แม้ตกใจแต่ก็มิกล้าส่งเสียงอันใด ทว่าเฝิงเยว่เอ๋อหยิบเศษจานที่ตกแตกขึ้นมากรีดที่ลำคอของตนเต็มแรง
“นายหญิง ! ” สาวใช้ผู้นั้นตกใจจนทรุดลงกับพื้น ก่อนรีบเข้าไปกอดเฝิงเยว่เอ๋อเอาไว้ แม้สาวใช้มิได้รักเฝิงเยว่เอ๋อแต่ก็รู้ดีว่าหากเจ้านายเป็นอันใดขึ้นมา นางต้องเดือดร้อนแน่นอน
“ไปตามท่านอ๋องมา เจ้าคงรู้ว่าควรจะพูดเช่นไร” เฝิงเยว่เอ๋อใช้มือหนึ่งกุมบาดแผลเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ชี้ไปทางประตู สาวใช้เห็นดังนั้นก็รู้หน้าที่ทันที เพราะตอนนี้ขอเพียงให้มู่จวินฮานมาที่นี่ได้ นางก็จะมีโอกาสรอดอีกครั้ง
สาวใช้ล้มลุกคลุกคลานรีบออกไปจากเรือน ก่อนจะวิ่งไปทางสวนสมุนไพร ฝ่ายมู่จวินฮานกำลังอยู่กับอันหลิงเกอและทั้งคู่ทานข้าวด้วยกันอย่างสำราญใจ ทันใดนั้นก็มีสาวใช้ที่ตัวเปื้อนไปด้วยเลือดถลาเข้ามา
“เรียนท่านอ๋อง เฝิงเช่อเฟย นาง นาง…” เมื่อสาวใช้กล่าวจบ มู่จวินฮานก็ลุกขึ้นอย่างตกใจ แม้มิได้รู้สึกอันใดต่อเฝิงเยว่เอ๋อก็จริง แต่มิอาจปล่อยให้ผู้มีพระคุณเป็นอันใดได้เช่นกัน
จากนั้นมู่จวินฮานก็รีบก้าวตามสาวใช้ไปยังเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อ ส่วนอันหลิงเกอที่เห็นดังนั้นจึงตามเขาไปด้วย มู่จวินฮานเดิมทีมิอยากให้อันหลิงเกอตามมา แต่นางยืนกรานจะตามมาให้ได้
มู่จวินฮานจึงมองอันหลิงเกอครู่หนึ่งแต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมาก่อนจะรีบเดินต่อไป ซึ่งอันหลิงเกอรู้ดีว่าตอนนี้ในใจของเขากำลังสับสน นางจึงมิกล่าวอันใดออกมา เพียงเดินตามเขาไปเท่านั้น
เมื่อมาถึงในเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อก็พบว่าตอนนี้นางยังนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ดวงตาของนางดูเหม่อลอยคล้ายกำลังจะหมดสติ ขณะนั้นทุกคนต่างก็ทำอันใดมิถูก
เพียงมินานท่านหมอก็มาถึง พอเห็นอาการของเฝิงเยว่เอ๋อก็รีบพันแผลห้ามเลือดให้ทันที ส่วนอันหลิงเกอเมื่อเห็นท่านหมอแล้วก็อดจ้องมองมิได้ เนื่องจากใบหน้าของเขาหล่อเหลามิน้อยแต่คิ้วขมวดมุ่นและมีท่าทางถือตัวมิเบา
“เฝิงเซียว นางเป็นเช่นไรบ้าง ? ”
อันหลิงเกอได้ยินชื่อของหมอผู้นี้จึงรู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของเฝิงเยว่เอ๋อนั่นเอง
“มิได้ร้ายแรงขอรับ” เฝิงเซียวเบนสายตาจากเฝิงเยว่เอ๋อเพื่อตอบคำถามของมู่จวินฮาน แม้ก้มศีรษะลงแต่น้ำเสียงของเขามิได้มีความอ่อนน้อม บุรุษผู้นี้แสดงออกชัดเจนว่ามิได้เกรงกลัวมู่จวินฮานแม้แต่น้อย
หลังจากเฝิงเซียวออกจากห้องไปแล้ว มู่จวินฮานก็นั่งลงที่ข้างเตียงพลางมองเฝิงเยว่เอ๋อที่หมดสติอยู่
ส่วนอันหลิงเกอก็จ้องมองไปที่บาดแผลบนคอของเฝิงเยว่เอ๋อ แม้ดูน่ากลัวแต่เห็นได้ว่าเฝิงเยว่เอ๋อยังยั้งมืออยู่บ้าง อันหลิงเกอนึกมิถึงว่าอีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนี้ได้ นางขาดสติขึ้นมาจริงหรือ ?
ขณะที่อันหลิงเกอมองเฝิงเยว่เอ๋ออยู่นั้น นางก็ฟื้นขึ้นมาพอดีและทันทีที่ลืมตาขึ้นมาพบกับอันหลิงเกอก็มีทีท่าหวาดกลัวจนตัวสั่น ก่อนจะมุดตัวเข้าในอ้อมกอดของมู่จวินฮานคล้ายหาที่พึ่ง
มู่จวินฮานหันมามองอันหลิงเกอแต่เห็นรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของนางเข้าพอดี ทำให้มู่จวินฮานรู้สึกใจกระตุกและเอ่ยกับอันหลิงเกอเบา ๆ “เจ้าออกไปก่อนเถิด”
แต่อันหลิงเกอมิขยับไปไหนและยังจ้องมองเฝิงเยว่เอ๋ออยู่เช่นนั้น นางรู้สึกโมโหเฝิงเยว่เอ๋อยิ่งนัก ในเมื่อเสแสร้งได้ถึงเพียงนี้ ข้าก็จะฉีกหน้ากากของเจ้าเอง !
ภายในใจของอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความโกรธแค้นแต่มองเฝิงเยว่เอ๋อพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันอยู่เช่นนั้น ท่าทางหวาดกลัวของเฝิงเยว่เอ๋อเป็นสิ่งที่แสร้งทำขึ้นมา ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มของอันหลิงเกอแล้ว นางก็รู้สึกขนลุกจริง ๆ
เฝิงเยว่เอ๋อสะดุ้งเล็กน้อยแล้วกอดมู่จวินฮานแน่นกว่าเดิม จากนั้นมู่จวินฮานก็ส่งสายตาให้อันหลิงเกอเพื่อต้องการให้ออกไปก่อน
“เจ้ากำลังแสร้งเป็นคนเสียสติหรือ ? ” คำพูดนี้ของอันหลิงเกอเหมือนต้องการเปิดโปงเฝิงเยว่เอ๋อ แต่อีกฝ่ายมิได้มีท่าทีเปลี่ยนไป นางยังคงมีอาการผวาและหวาดกลัวขณะอยู่ในอ้อมกอดของมู่จวินฮานจนอันหลิงเกอนึกว่าสตรีผู้นี้คงเสียสติไปแล้วจริง ๆ
…
*ซานฉาฮวา คือ ดอกคามีเลีย