ตอนที่ 447 ก่อนขึ้นเครื่อง / ตอนที่ 448 เอกลักษณ์ประจำตัว

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 447 ก่อนขึ้นเครื่อง

 

 

เหยียนเค่อยืนจนร่างกายเมื่อยล้า จึงขอกลับไปพักผ่อนสักหน่อย ตอนประมาณสิบโมงจึงจะตื่นขึ้นมาจากเตียง

 

 

เขาหยิบเสื้อคลุมออกมาอย่างอิดออด ส่วนผู้ช่วยหวังก็คอยเอ่ยตักเตือนตามอยู่ข้างหลัง “ท่านอย่าปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะนะครับ ท่านหล่อขนาดนี้ อย่าทำให้คนชื่นชอบท่านมากกว่านี้เลยครับ”

 

 

เหยียนเค่อกางแขนสวมเสื้อคลุมด้วยท่าทางแสนเท่ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก ผู้ช่วยหวังก็ยังคงเอ่ยเตือนเขาต่ออย่างไม่ย่อท้อ

 

 

“พอเถอะ ผมรู้ว่าต้องทำยังไง” เหยียนเค่อแต่เดิมก็ปวดหัวพออยู่แล้ว พอโดนสวดแบบนี้ก็ยิ่งปวดหัวยิ่งกว่าเดิม

 

 

ผู้ช่วยหวังก็รู้ว่าตนพูดออกไปมากแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่อยากฟังก็ล้วนเปล่าประโยชน์ จึงหุบปากอย่างลำบากใจ ให้คนยกกระเป๋าเดินทางลงมา เตรียมตัวออกเดินทางไปสนามบินกับเหยียนเค่อ

 

 

ก่อนจะเดินทาง เหยียนเค่อก็ไปหาฉินซื่อหลานก่อน

 

 

บอกตามตรง เหยียนเค่อไม่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น และถ้าเขาเคาะประตูแล้วฉินซื่อหลานไม่ตอบล่ะก็ เขาก็คงไม่เข้าไปอย่างแน่นอน แต่ว่าประตูเปิดอ้าไว้ตรงหน้าเขาอย่างนี้ คนก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว จะไม่ดูก็ไม่ได้

 

 

เหยียนเค่อเบือนหน้าหนี ก่อนจะออกแรงเคาะบานประตูอีกครั้ง

 

 

คนที่นอนหลับสะลืมสะลือได้ยินเสียงก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างอิดออด ยังไม่ทันรู้สึกตัว เมื่อเห็นเหยียนเค่อก็จะลงจากเตียงทันที จึงจะรู้ว่าบนร่างของตนมีอะไรหนักๆ มาทับไว้อยู่

 

 

“ฉิบหาย!” ฉินซื่อหลานสบถคำหยาบออกมาเบาๆ เมื่อก้มหน้าก็เห็นเสี่ยวฝูเอ๋อร์นอนหลับสบายอยู่บนร่างของตน

 

 

เหยียนเค่อแค่นหัวเราะ ก่อนจะพูดเสียงต่ำ “แต่งตัวให้เรียบร้อย” ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

 

 

ฉินซื่อหลานทั้งโมโหทั้งร้อนใจ ค่อยๆ เคลื่อนย้ายตัวเสี่ยวฝูเอ๋อร์อย่างระมัดระวัง แล้วรีบตาม

 

 

เหยียนเค่อออกไปคุยด้านนอก

 

 

“ห้ามใจไม่ไหวสินะ” เหยียนเค่อเดินไปถึงห้องรับแขกก็หยุดเดิน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างมีเลศนัย

 

 

ฉินซื่อหลานพูดไม่ออก เรียบเรียงคำพูดอยู่ค่อนวัน แต่สุดท้ายทำได้เพียงครวญครางออกมา “ยาของนายฉันวางไว้ให้ที่ระเบียงแล้ว นายไปหยิบเองนะ ฉันกลับไป ‘นอน’ ต่อล่ะ”

 

 

“เหอะๆ” เหยียนเค่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็หันไปมอง ยังมีน่าจะกลับไป ‘นอน’ ต่ออีกนะ

 

 

ดันพูดจากำกวมแบบนั้นออกไปเสียได้ ฉินซื่อหลานอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ยิ่งพูดก็ยิ่งผิด เขาจึงโบกมือไล่เหยียนเค่อ “นายไปจัดการเอาเองแล้วกัน จะออกไปก็อย่าลืมปิดประตูให้ด้วย”

 

 

เหยียนเค่อก้าวเดินไปยังระเบียง เรื่องระหว่างฉินซื่อหลานกับเสี่ยวฝูเอ๋อร์จะช้าเร็วก็ต้องเกิดอยู่ดี แต่นี่ก็เร็วเกินไปหน่อย เขาไม่รู้จะบอกว่าเรื่องนี้ถูกหรือผิดกันแน่

 

 

เหยียนเค่อหยิบยาก่อนจะปิดประตูให้ตามคำขอของเขา ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสนามบินทันที

 

 

ผู้ช่วยหวังยืนรอเหยียนเค่อที่จุดเช็คอินอยู่นาน ทันใดนั้นตรงทางเข้าก็มีเสียงแตกฮือดังขึ้น ผู้ช่วยหวังรู้สึกได้ว่าเจ้านายของตนน่าจะมาถึงแล้ว ไม่นานก็เห็นสีหน้าเรียบนิ่งเย็นชาของเหยียนเค่อปรากฎสู่สายตา

 

 

“สวัสดีครับท่านประธาน” เขารับขวดยาในมือของเหยียนเค่อมาแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทางเพื่อทำเรื่องเช็คอินพร้อมกัน

 

 

“อืม” เหยียนเค่อพยักหน้า ก่อนจะปล่อยให้เขาจัดการ

 

 

เขามาถึงด้วยเวลาที่ฉิวเฉียด เหลืออีกสิบนาทีก็จะถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว รออีกสามสิบนาที ประมาณเที่ยงกว่าๆ ก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว จากนั้นก็ต้องไปพบคนอีกสองสามคนเสียก่อน

 

 

ผู้ช่วยหวังกลับมาก็เห็นเจ้านายของตนกำลังยืนคิดอะไรสักอย่างอยู่ที่มุมหนึ่งของหน้าเคาน์เตอร์ เมินเฉยสายตาร้อนแรงของสาวหน้าเคาน์เตอร์ได้หมดสิ้น

 

 

“ใกล้ได้เวลาแล้วครับ” ผู้ช่วยหวังยื่นตั๋วเครื่องบินให้เขา ก่อนจะกำชับอีกครั้ง “ท่านครับ ก่อนทำอะไรท่านต้องคิดให้ดีนะครับ” คิดถึงความลำบากของพวกเขาบ้าง

 

 

เหยียนเค่อพยักหน้าแบบขอไปที “ผมรู้แล้ว อย่าลืมปิดข่าวให้หมดด้วยล่ะ นอกจากว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นกับผม ไม่อย่างนั้นห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมก่อนเป็นอันขาด”

 

 

“ครับ” ผู้ช่วยหวังยังคงไม่ไว้ใจเหยียนเค่อ โดยเฉพาะครั้งนี้ที่เขาไปกับสวีอันหรานด้วยแล้ว

 

 

นิสัยของประธานสวีห้ามปรามเจ้านายของตนไม่อยู่หรอก มิหนำซ้ำยังจะช่วยสมทบอีกต่างหาก สองคนนี้อยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ก่อเรื่องใหญ่โตก็นับว่าโชคดีแล้ว

 

 

ผู้ช่วยหวังเห็นว่าเมื่อถึงเวลา เหยียนเค่อก็ก้าวไปทางนั้นทันที จึงเอ่ยขึ้นอย่างขันแข็ง “ลาก่อนครับบอส”

 

 

เหยียนเค่อโบกมือ หยิบตั๋วเครื่องบินแล้วเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 448 เอกลักษณ์ประจำตัว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรอให้เจ้านายของตนมาตรวจตราอยู่ในห้องทำงานอย่างอกสั่นขวัญแขวน ขณะที่ใกล้จะหลับไปบนเก้าอี้นั้นก็ได้ยินเสียงอันหร่านปลุกให้ตื่น

 

 

“มาแล้ว ตื่นได้แล้ว”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรีบเช็ดมุมปาก ไปล้างหน้าในห้องน้ำ ก่อนจะกลับมานั่งตัวตรงวาดรูป

 

 

อันหร่านยืนพิงขอบหน้าต่าง มองเธอจัดการตัวเองอย่างเร่งรีบก่อนจะยิ้มอย่างจนใจ สายตาสะดุดไปเห็นรูปภาพที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็ยื่นมืออกไปคว้าไว้อย่างสนอกสนใจ

 

 

“เธอจะทำอะไร!” ซย่าเสี่ยวมั่วตกใจ

 

 

อันหร่านสะดุ้งตกใจจนตาสว่าง “เธอจะตื่นเต้นทำไม ฉันดูแค่นี้เอง”

 

 

เธอทำท่าจะหยิบ ซย่าเสี่ยวมั่วก็รีบเอามือเข้ามาขวางไว้ “ห้ามดู”

 

 

“มีของที่ฉันดูไม่ได้ด้วยหรือเนี่ย” อันหร่านพึมพำ แต่ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขา “ช่างเถอะ ตั้งใจทำตัวให้ดีหน่อยแล้วกัน”

 

 

เธอเห็นแค่ภาพข้างหลังของคนๆ หนึ่ง แต่ก็คงไม่มีอะไรมาก อันหร่านละสายตา ไม่เก็บเรื่องรูปภาพของซย่าเสี่ยวมั่วมาใส่ใจ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพรูลมหายใจ ก่อนจะเลื่อนกระถางดอกไม้กับกรอบรูปไปไว้อีกด้านอย่างระมัดระวัง แล้ววาดรูปต่อ สำหรับอันหร่านแล้ว ยิ่งไกลเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น

 

 

ไม่นานนักเจ้านายของตนก็มาถึง ซย่าเสี่ยวมั่วเอียงหัวไปมองอันหร่านอย่างยกย่องหนึ่งที วาจาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไม่ให้เธอต้องคอยนาน

 

 

อันหร่านเข้าใจความหมายของเธอ ก่อนจะโบกมือให้เธอไปรับการตรวจตราแต่โดยดี อย่ามาตีซี้กับเธอ

 

 

“ห้องทำงานของเสี่ยวซย่านี่ออกแบบได้ดีมากเลย คนเรียนศิลปะนี่แตกต่างออกไปเลยนะครับ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเดินตามเจ้านายของตนไปทั่วทุกมุมห้องอย่างหน่ายใจ

 

 

“ดูการ์ตูนที่ตัวเองเขียนไว้เมื่อก่อนบ่อยไหมครับ”

 

 

“ค่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มไม่ออก ขานรับอย่างขันแข็ง

 

 

ชายวัยกลางคนเห็นป้ายที่มุมห้องก็ตาเป็นประกาย ก่อนจะถามอย่างสนใจ “นี่คุณเขียนเองหรือครับ รู้หน้าที่ของตัวเองดีนะครับเนี่ย”

 

 

เจ้านายของเธอคิดถึงพฤติกรรมหลบหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วในระยะนี้ ก่อนจะคิดไปถึงประโยคที่เธอเขียน ก็อดรู้สึกเหงื่อซึมไม่ได้ ก่อนจะแสร้งทำเป็นพูดทีเล่นทีจริง “ผมมีลูกแล้วครับ ไม่ต้องรักผมหรอกครับ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองเขาอย่างงุนงง พวกเจ้านายนี่ขี้ลืมแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ เธอส่ายหัว “นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านเขียนตอนถ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ไงคะ”

 

 

“ผมไปเขียนอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร” อย่างกับเขาไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับลูกน้องอย่างนั้นแหละ ได้ยินซย่าเสี่ยวมั่วพูดเช่นนี้ เจ้านายก็ลุกลี้ลุกลน “คุณอย่ามาพูดมั่วๆ นะครับ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเหมือนโดนใส่ร้าย “เป็นความจริงค่ะ ตอนนั้นผู้จัดการฝ่ายออกแบบบอกฉันว่าท่านเป็นคนเขียน แถมยังให้ฉันเอากลับมาแขวนอีก”

 

 

เจ้านายได้ยินเธอพูดเช่นนี้ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ก่อนจะอธิบายอย่างคลุมเครือ “น่าจะเป็นคำสั่งของบอสอีกคนนะครับ ผมไม่ได้สั่งเรื่องนี้”

 

 

ภูเขาในใจของซย่าเสี่ยวมั่วยังยกออกไปได้ไม่นานก็ถูกยกกลับขึ้นมาใหม่อีกแล้ว ยังมีคนที่แอบหมายปองเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัวอีกหรือเนี่ย

 

 

อันหร่านเห็นเจ้านายของตนก็พูดไม่ออกเช่นกัน จึงออกหน้าไขข้อสงสัยให้ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ “บอสอีกคนมีความคิดที่ค่อนข้างมีจินตนาการล้ำเลิศน่ะ ไม่รู้จักลูกน้องคนไหนเลย อาจจะสุ่มเลือกใครสักคนมาพูดคำพูดประหลาดนี่ก็ได้”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหันไปมองเธอ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่พูด ทำไมตอนนี้เพิ่งมาบอก

 

 

อันหร่านก็รู้สึกจนใจ เดี๋ยวต้องคิดอีกว่าจะหลอกซย่าเสี่ยวมั่วอย่างไรอีก

 

 

“ใช่ครับ” ชายวัยกลางคนเห็นว่าหาทางลงได้ก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอันหร่าน “บก.อันพูดถูกต้องครับ ในเมื่อแผนกออกแบบให้คุณแขวนไว้ งั้นคุณก็แขวนไว้เถอะครับ ตัวหนังสือก็สวยดีนะครับ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วผ่านการตรวจตราไปได้อย่างงุนงง หลังจากที่คนกลุ่มหนึ่งออกไปแล้ว เธอก็ยังอยู่ในสภาพที่มึนงง

 

 

ที่แท้ก่อนหน้านี้เธอก็คิดมากไปเองคนเดียว หลบหน้ามาตั้งนานแต่สุดท้ายดันหลบผิดคน!