บทที่ 380 อย่าคิดมองข้ามฉัน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

กับคำพูดที่หญิงคนนั้นพยายามพูดออกมา มันก็ทำให้เย่เทียนสีหน้าดูประหลาดขึ้นมา

ในเมื่อบอกว่ากลัวจะได้รับผิดชอบ แล้วทำไมพอบอกว่าจะแจ้งตำรวจถึงเลือกที่จะก้าวออกมาล่ะ? กลัวจะไปทำให้คนดีเดือดร้อนจริงๆ เหรอ? ถ้ารองผอ.บริสุทธิ์จริง แล้วมันมีอะไรให้กลัว?

พอคิดได้แบบนี้ เย่เทียนก็เดินออกไปอย่างเนียนๆ เดินไปยังผู้ดูแลของโรงงานที่อยู่ข้างๆ เพื่อถามข้อมูลที่อยากรู้

“พี่ชาย ผมมีเรื่องอยากถามหน่อยครับ”

“ไม่ทราบว่าคุณชายเย่มีอะไรจะให้รับใช้เหรอครับ?”

ตอนแรกผู้ดูแลยังทำท่ารำคาญ แต่พอหันมาแล้วเห็นว่าเป็นเย่เทียน ก็รีบวางตัวให้ต่ำลงทันที

ล้อเล่นน่ะ เมื่อกี้เขาได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว ชายหนุ่มที่ไม่ได้ดูดีคนนี้เป็นสามีที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายกับเฉินหวั่นชิงเรียบร้อยแล้ว นี่มันเขยของบริษัทแซ่เฉินเลยนะ!

ต่อให้เขาจะไร้สมองยังไง แต่เรื่องอะไรง่ายๆ พวกนี้เขาก็ยังพอรู้บ้าง เขยคนนี้ใช่คนที่เขาจะมีเรื่องได้ด้วยเหรอ?

“รองผอ.คนนั้นเป็นคนยังไงเหรอครับ? เป็นคนอายุน้อยที่มีความสามารถรึเปล่า?”

เย่เทียนถามคำถามที่แปลกประหลาดออกมา

ผู้ดูแลที่ถูกถามก็ถึงกับอึ้ง จากนั้นก็ตั้งสติได้ ปรากฏแววตาที่มีไหวพริบออกมา

ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ลำพังแค่พนักงานการเงินเล็กๆ คนหนึ่งไม่มีทางเอาอยู่แน่นอนแถมยังสามารถปกปิดได้นานเป็นสิบวัน

เบื้องหลังของหญิงคนนั้น ต้องมีคนระดับสูงคอยหนุนหลังอยู่แน่!

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ชื่อของระดับสูงคนนี้มันก็ปรากฏชัดเจนอยู่แล้ว นอกจากรองผอ.คนนี้ยังจะเป็นใครได้อีก?

อย่างน้อย รองผอ.นั่นก็น่าสงสัยที่สุดแล้ว!

“รองผอ.อายุสามสิบพอดี เป็นนักเรียนเรียนดีที่จบจากมหาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ”

“ไม่ว่าเป็นความสามารถในการทำงานหรือนิสัยก็ถือว่าใช้ได้ มนุษยสัมพันธ์กับคนในในโรงงานก็ดีมาก”

“ที่สำคัญ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ใช่แค่ในโรงงานของเรา แม้แต่ในบริษัทย่อยต่างๆ ก็มีผู้หญิงเล็งเขาไว้เยอะมาก”

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็เข้าใจขึ้นมาทันที และพอเข้าใจว่าเรื่องมันเป็นมายังไงแล้ว

เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า ช่วงนี้กำลังมีปัญหาเรื่องหย่าร้างอยู่

ชายวัยทำงานที่ซื่อตรงคนหนึ่ง แถมยังเป็นชายระดับสูงที่มีความสามารถ ในสายตาของคนอื่นก็คงจะเป็นโอปป้าในอุดมคติเลย

ถ้าอยากหลอกผู้หญิงธรรมดาสักคน มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเลยไม่ใช่รึไง?

พอคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็เดินออกไปอย่างไม่ลังเล เดินตรงไปข้างๆ เฉินหวั่นชิง แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “ที่รัก ผมว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะถูกหลอกใช้แล้วล่ะ แถมยังยอมรับผิดแทนอีกฝ่ายอย่างเต็มใจด้วย”

“คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์อันวุ่นวายในครั้งนี้ เกรงว่าจะเป็นรองผอ.ที่หายตัวไปนั่นแหละครับ!”

เฉินหวั่นชิงที่ได้ฟังแบบนั้น คิ้วที่เล็กเรียวก็ขมวดเป็นปม และไม่ค่อยเชื่อที่เย่เทียนพูดสักเท่าไหร่

“มันไม่น่าจะเป็นไปได้มั้ง? ต่อให้เธอจะโง่ขนาดไหน ก็คงไม่โง่ขนาดนี้หรอกมั้ง? นี่ไม่เท่ากับโดนคนอื่นหลอกใช้แล้วยังรับผิดแทนอีกไม่ใช่รึไง?”

เย่เทียนรู้สึกอยากขำในใจ แค่จากจุดนี้ก็พอรู้แล้วว่าเฉินหวั่นชิงไม่น่าจะเคยมีแฟนมาก่อน

ผู้หญิงที่ได้ตกไปอยู่ในโลกแห่งความรักแล้ว ไอคิวที่มีก็น่าจะติดลบไปเลย ภายใต้คำหวานของชายหนุ่ม มีเรื่องบ้สคลั่งอะไรที่ทำไม่ได้?

อย่างน้อย ครั้งหนึ่งที่ไปปฏิบัติภารกิจเมื่อชาติก่อน เย่เทียนก็เคยเจอหญิงสาวที่ถูกความรักบังตา อุ้มระเบิดมาขวางทางเขาอย่างไม่กลัวตายเลย

และการที่เธอทำแบบนั้น มันก็ทำให้เวลาในการปฏิบัติภารกิจเพิ่มขึ้นอีกสองชั่วโมงเท่านั้น!

“นี่ที่รัก ครั้งนี้คุณเชื่อผมเถอะนะ! ฟังที่ผมพูดมันไม่มีทางผิดแน่นอน”

“เอาแบบนี้ เรื่องนี้ให้ผมจัดการ คุณรอดูอยู่ข้างๆ ก็พอ”

เย่เทียนหันไปกะพริบตาปริบๆ ให้เฉินหวั่นชิง แล้วรวมอำนาจทั้งหมดมาที่ตน

เฉินหวั่นชิงตกใจ สุดท้ายก็ยังพยักหน้าตกลงเบาๆ

เธอไม่ค่อยเชื่อว่าหญิงคนนี้จะโง่อย่างที่เย่เทียนว่า แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เย่เทียนก็ได้ช่วยเธอไว้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย ในใจจึงรู้สึกเชื่อใจเย่เทียนอยู่ไม่น้อยเลย

“พี่สาวครับ ไม่ทราบว่าควรเรียกคุณชื่ออะไรครับ?”

เย่เทียนเดินไปตรงหน้าหญิงสาว แล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“หลิ่วฉิน!”

หญิงคนนั้นจ้องมองเย่เทียนอย่างหวาดระแวง แล้วพูดห้วนๆ ออกมาสองพยางค์ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดอะไรมาก

“คุณหลิ่ว ไม่ทราบว่าคุณกับรองผอ.สนิทกันมั้ยครับ?”

ดวงตาสีดำของเย่เทียนค่อยๆ หรี่เล็กลง ดูไม่ออกว่าไม่ได้สนใจแรงอาฆาตที่หลิ่วฉินแสดงออกมา

“คุณจะถามเรื่องนี้ทำไมคะ?”

หลิ่วฉินทำหน้าลนลานขึ้นมาแวบหนึ่ง และระวังตัวมากขึ้น

เย่เทียนนั้นสังเกตสีหน้าของเธออยู่ตลอด ถึงแม้เมื่อกี้มันจะแค่แวบเดียว แต่มันก็ถูกเขาจับได้อยู่ดี และได้ยิ้มออกมายิ่งกว่าเดิม

“จริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไร พอดีตอนที่เข้ามา ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมได้รู้จักกับรองผอ.ตั้งนานแล้ว!”

“หลายปีก่อนตอนอยู่ที่มหาลัย รองผอ.นั้นเป็นคนที่โด่งดังมากในมหาลัย”

เย่เทียนแต่งเรื่องขึ้นมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ท่าทางที่ซื่อตรงนั่น ไม่เหมือนคนที่กำลังโกหกเลยสักนิด

“มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก รองผอ.เป็นผู้ชายที่มียอดเยี่ยม”

หลิ่วฉินแสดงความรักออกมาจากทางแววตา เป็นประกายจนแทบจะกลายเป็นดาวแล้ว

“ยอดเยี่ยม? คุณหลิ่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า?”

“ตอนนั้นรองผอ.ไปทำนักศึกษาคนหนึ่งท้อง ถ้าไอ้ชาติชั่วนั่นไม่อยากได้ลูกก็ไม่เป็นไร แต่ค่าทำแท้งยังไม่อยากจะออกเลย”

“สุดท้ายนักศึกษาหญิงคนนั้นก็ถูกกดดันจนต้องกระโดดตึก คนชั่วแบบนี้มันสมควรออกไปแล้วถูกชนตาย จะเรียกว่ายอดเยี่ยมได้ยังไง?”

ทว่า เย่เทียนไอ้แห้งๆ ออกมาสองที จากนั้นก็ทำหน้าโมโห

ภายใต้การแสดงที่แยบยลของเย่เทียน ทุกคนที่เห็นไม่เพียงไม่สงสัย แต่กับเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาแล้วด้วย

ปกติรองผอ.นี่เป็นคนที่เชื่องจะตาย ไม่นึกเลยว่าจะมีอดีตที่น่าตกใจแบบนี้!

ในสมัยนี้ ถึงแม้เรื่องอย่างว่าของชายหญิงในสายตาของทุกคนจะค่อนข้างเสรีก็ตาม แต่การที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนชั่วแล้วจะให้เรียกว่าอะไร?!

“โกหก! พี่หลินไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อย!”

หลิ่วฉินตอบสนองออกมาอย่างรุนแรง เธอได้เถียงออกมาทันที

“คุณหลิ่ว เมื่อกี้คุณยังบอกว่าไม่ได้สนิทกับรองผอ.อยู่เลยไม่ใช่เหรอครับ? แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเขาทำเรื่องแบบนี้จริงๆ รึเปล่า?”

“ทะ ทำไมฉันจะไม่รู้? ก่อนหน้านี้ในงานเลี้ยงของบริษัท ฉันเคยได้ยินพี่หลินพูดว่า…..”

หลิ่วฉินรู้สึกใจหาย จึงรีบอธิบายออกมาทันที

เย่เทียนเอามือลูบคาง พูดพร้อมส่ายหน้าว่า “คุณหลิ่ว เดี๋ยวคุณก็บอกว่าไม่ได้สนิทกับรองผอ.เดี๋ยวก็เรียกเขาว่าพี่หลิน ถ้าจะเรียกว่าพี่หลิน มันดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่จริงมั้ย?”

หลิ่วฉินตกใจอย่างมาก ทำไมจะไม่รู้ว่าเย่เทียนกำลังประชดคำพูดของเธออยู่ จึงรีบตั้งสติแล้วใจเย็นลง

“เอาล่ะ คุณหลิ่ว คุณเลิกอ้างนู้นอ้างนี่ได้แล้ว”

เย่เทียนทำหน้าจริงจัง และพูดอย่างมีเหตุมีผลว่า “ต้องขออภัยที่ผมไม่ได้พูดกับคุณให้ชัดเจน ถ้าคุณรู้ว่ารองผอ.อยู่ที่ไหนก็รีบบอกมาเดี๋ยวนี่!”

“เรื่องในวันนี้บอกว่าใหญ่มั้ยก็ไม่ได้ใหญ่ บอกว่าเล็กมั้ยก็ไม่ได้เล็ก แต่ถ้าผมอยากเล่นงานเขา การที่จะทำให้เขาไปนอนอยู่ในคุกสักสามถึงห้าปีก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร!”