บทที่ 381 คนงานบ้านนอกไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ภายใต้แผนการของเย่เทียน ทำไมหลิ่วฉินจะไม่รู้ว่าตัวเองได้หลงกลเข้าแล้ว รู้ว่าตัวเองไม่สามารถปิดบังได้อีก จึงจำต้องให้ที่อยู่ของรองผอ.ไป

พอได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว เย่เทียนก็ไม่ได้กดดันหลิ่วฉินต่อ หันหน้าแล้วมองไปที่ฟ่านซวน

“ฟ่านซวน มีเรื่องต้องรบกวนคุณหน่อย ในเมื่อรองผอ.ไม่ยอมรับสาย คุณช่วยไปเอาตัวเขากลับมาหน่อยครับ!”

ฟ่านซวนถึงกับตกใจ รู้สึกนับถือในตัวของเย่เทียนมาก

คำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็เค้นเอาความจริงออกมาได้หมดแล้ว สมแล้วที่เป็นชายที่เคยจดทะเบียนกับประธานเฉิน!

เพียงแต่ พอคิดว่าต้องไปจับคน ฟ่านซวนก็รู้สึกลังเลขึ้นมา

“คะ คุณชายเย่ นี่มันไม่ค่อยดีมั้งครับ? ถ้าเกิดว่าเขาไม่ยอมมาล่ะครับ?”

เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า

“ไม่ต้องห่วง! ผมเชื่อว่าเขาต้องมาอย่างแน่นอน!”

“เดี๋ยวคุณพาคนงานที่ร่างกายกำยำไปด้วยส่วนหนึ่ง ให้ไอ้หมอนั่นได้รู้ว่าคิดจะเอาเปรียบใคร ถ้าทำให้คนงานที่ใช้แรงงานพวกนี้โกรธเข้า ผลที่ตามมาก็จะร้ายแรงมาก!”

ฟ่านซวนที่ได้ยินอย่างนั้น จึงได้พยักหน้าอย่างแรง แล้วเดินเข้าไปตามคนข้างใน

“พวกเรา ขอคนที่ร่างกายกำยำหน่อย พวกนายโดนรองผอ.โกงแล้ว เราจะไปตามทวงกับเขาเดี๋ยวนี้!”

ปฏิเสธไม่ได้เลย การที่ฟ่านซวนถูกมอบหมายให้มาดูแลที่นี่ก็มีความสามารถอยู่พอสมควร

ดูเทคนิคในการพูดของเขาสิ ทั้งๆ ที่เงินเดือนของทุกคนที่ยังไม่ได้มันอยู่ในบัญชีของบริษัท แต่ถ้าต้องการปลุกระดมความแค้นของทุกคน แค่ปิดบังข้อมูลนิดหน่อยก็พอแล้ว

ต่อให้หลังจากนั้นจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น เขาก็สามารถทำให้ตัวเองดูเป็นผู้บริสุทธิ์ได้

ไม่ว่ายังไง เขาบอกแค่ว่าทุกคนถูกรองผอ.หลอก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเงินถูกหลอกไปแล้วไม่ใช่รึไง?

และเป็นไปตามคาด เหล่าคนงานจะไปคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นได้ยังไง ต่างพากันทำหน้าฮึกเหิม ตะโกนโห่ร้อง

“ไอ้คนไม่มีหัวใจ เสียแรงที่เมื่อก่อนฉันเชื่อใจถึงขนาดนั้น”

“รองผอ.ไอ้สารเลว ปกติใส่แว่นดูเรียบๆ ร้อยๆ ไม่นึกเลยว่าจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้”

“พวกเรา เราไปลากคอไอ้หมอนั่นกลับมากัน” เมื่อมีคนคอยนำ ก็ไม่มีทางขาดผู้ช่วยอย่างแน่นอน

ไม่นาน คนงานที่ร่างกายกำยำเจ็ดแปดคนก็เดินตามฟ่านซวนออกมา ขึ้นไปบนรถสามคันที่เตรียมไว้ด้วยความโกรธที่มีอยู่เต็มอก ไปหารองผอ.ด้วยความโมโห

เย่เทียนยิ้มอย่างพอใจออกมาที่มุมปาก รู้ว่าเรื่องนี้ได้คลี่คลายไปขั้นหนึ่งแล้ว ไม่นานก็จะได้รู้ผลลัพธ์แล้ว

แต่หลิ่วฉินกลับนั่งไม่ค่อยติดแล้ว ถ้ารองผอ.เกิดถูกจับกลับมาจริง งั้นผลที่ตามมาจะต้องร้ายแรงอย่างแน่นอน

เธอได้ถูกความรักบังตาอย่างสมบูรณ์แล้ว ในใจนั้นรักรองผอ.อย่างมาก ยอมทำให้ครอบครัวแตกร้าวเพราะเขา ก้าวสู่เส้นทางที่ไม่มีทางหวนกลับได้อีก

เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ แล้วเธอจะสามารถทนดูผู้ชายที่ตนรักถูกทำร้ายได้ยังไง!

“อย่าหาว่าผมไม่เตือน ทางที่ดีคุณควรทำตัวให้ดีๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นผมรับรองได้เลยว่าคุณต้องถูกเอาตัวไปด้วยอย่างแน่นอน!”

ราวกับเย่เทียนอ่านความคิดของหลิ่วฉินออก แสร้งเตือนไปอย่างดุๆ สายตาก็เหลือบมองไปยังคนงานสามคนที่เป็นหัวโจกในการก่อความวุ่นวาย พร้อมกับการข่มขู่ที่ไม่ต้องบอกก็รู้

ถึงคำพูดจะโหดร้าย แต่เย่เทียนก็ไม่คิดที่จะทำร้ายหญิงที่คลั่งไคล้ในความรักคนนี้เลย

ความรักมักทำให้คนตาบอด ถ้าต้องโทษกันจริงๆ ก็ต้องโทษที่หลิ่วฉินรักผิดคนเข้า

ภายใต้การข่มขู่ของเย่เทียน หลิ่วฉินก็ไม่กล้าทำอะไรโดยพลการจริงๆ รู้สึกเสียใจอย่างมาก ทำไมตัวเองถึงหลงกลเย่เทียนได้นะ?

พอเห็นพวกเขายอมฟังแต่โดยดี เพื่อความปลอดภัย เฉินหวั่นชิงก็ยังเรียกคนมาคุมตัวทั้งสี่เอาไว้ โดยมีหลิ่วฉินอยู่ในนั้นด้วย

พอเห็นเรื่องมันคลี่คลายไปได้ระดับหนึ่ง เย่เทียนก็เดินเข้าไปด้านในอย่างเกียจคร้าน การยืนอยู่กลางแดดนานๆ มันช่างร้อนจริงๆ

…..

วันนี้หลินไห่เฟิงค่อนข้างอารมณ์ดี ตามที่เขาคิดไว้ เรื่องในโรงงานน่าจะปะทุภายในวันสองวันนี้ พอถึงตอนนั้นก็น่าจะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทแซ่เฉินมากแน่ๆ

ถ้าเป็นช่วงปกติมันก็ไม่มีอะไร แต่ในวันสองวันนี้บริษัทแซ่เฉินกำลังจะปล่อยยาปลูกผมตัวใหม่เข้าสู่ตลาด จินตนาการถึงผลที่จะตามมาได้เลย

แต่ มันเกี่ยวข้องอะไรกับตนล่ะ?

พอคิดว่าตัวเองกำลังจะได้รับเงินก้อนโต รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินไห่เฟิงก็เด่นชัดยิ่งกว่าเดิม

แน่นอนในใจของเขานั้นรู้ดี ว่าเขาไม่สามารถอยู่ในเจียงหนันต่อไปได้แล้ว ผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นที่เขาเอามาเป็นแพะ น่าจะยังไว้ได้อีกไม่นานแล้ว

“หลิ่วฉินเอ๋ยหลิ่วฉิน เธออยากโกรธที่พี่หลินโหดร้ายเลยนะ ถ้าจะโทษก็โทษในความไร้เดียงสาของเธอ ทั้งๆ อายุก็สามสิบเข้าไปแล้ว แต่ยังทำตัวเหมือนเด็กนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบไปไม่ผิดล่ะ?”

ในเวลาหนึ่งวันมันก็มากพอให้เขาจัดการทุกอย่างในเจียงหนันได้แล้ว ตอนนี้แค่หยิบกระเป๋าขึ้นมา ก็สามารถออกเดินทางได้อย่างตามใจชอบแล้ว!

เขาได้จองตั๋วที่จะออกจากเจียงหนันแล้ว ถ้ามัวชักช้าก็อาจจะไม่ทันแล้ว

แต่ทว่า พอเขาเปิดปะตูออกแล้วเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าก็เเข็งเกร็ง และอยากที่จะดึงประตูกลับ

แต่กลุ่มคนที่อยู่หน้าห้องจะยอมให้เขาทำสำเร็จได้ยังไง เสียงปั้งทีเดียวก็กระแทกประตูจนเปิดออก

ส่วนหลินไห่เฟิงก็ทนไม่ไหวจนถอยหลังไปหลายก้าว แสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา แต่มันก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“พะ พวกแกเป็นใคร? คิดจะบุกรุกกันรึไง เดี๋ยวฉันก็แจ้งตำรวจหรอก!”

“แจ้งตำรวจให้มาจับเราเหรอ? ถ้ากล้าพอก็แจ้งเลยสิ! คอยดูว่าตำรวจจะจับนักต้มตุ๋นอย่างแกหรือจะจับพวกเรากันแน่!”

“พวกเรา ดูท่าไอ้ชาติชั่วนี่มันกำลังจะหนี!”

“จะไปเสวนากับมันทำไม กล้าโกงน้ำพักน้ำแรงของเราไป วันนี้พวกเราจะทำให้มันได้รู้ว่าคนงานบ้านๆก็ไม่ได้รังแกกันง่ายๆ ขนาดนั้น!”

เหล่าคนงานเข้ามาก็กวาดตามองไปทั่วห้อง สีหน้าก็ดูโมโหขึ้นมาทันที

ไม่ใช่อะไร ภายในห้องนั้นว่างเปล่า อะไรที่ขายได้ก็ถูกหลินไห่เฟิงขายไปหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมที่เดินทางไปที่อื่นและไม่กลับมาอีกแล้ว

ภายใต้การกระตุ้นของคนที่มีใจ คนทั้งหมดก็เข้าใจทันที จ้องมองหลินไห่เฟิงด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร

“นะ นี่พวกแกกำลังพูดเรื่องอะไร? ฉันไปโกงเงินของพวกแกตั้งแต่เมื่อไหร่?”

แต่น่าเสียดาย คำอธิบายของหลินไห่เฟิงไม่มีประโยชน์อะไรเลย เหล่าคนงานได้พากันพุ่งเข้าไปแล้ว

กำปั้นชกใส่หน้าของหลินไห่เฟิงจากทางด้านขวา บาทาถีบใส่หน้าอกของหลินไห่เฟิงจากทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านหลังก็มีชายฉกรรจ์ที่ไม่รู้มาจากไหนคว้าท่อนเหล็กขึ้นมาแล้วฟาดไปที่ก้นของหลินไห่เฟิง…..

ภายในเวลาไม่กี่นาที ภาพลักษณ์ที่ดูดีมีการศึกษาของหลินไห่เฟิงก็หายไปจนหมดสิ้น ถูกกระทืบไม่ต่างอะไรกับหมูตัวหน่ึงนอนโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น

“พวกเรา หยุดกันก่อน อย่าเล่นหนักจนมันตายล่ะ!”

“พามันกลับไปที่โรงงาน แล้วให้ประธานเฉินช่วยเราจัดการกับมัน!”

ทันใดนั้นก็มีคนสองคนเดินออกมา ลากแขนหลินไห่เฟิงขึ้นมาคนละข้างแล้วลากออกไปข้างนอก…