ใช้เวลารวมๆ ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หลินไห่เฟิงที่เป็นถึงรองผอ.ของโรงงานก็ถูกลากกลับไปในห้องทำงานของโรงงานเหมือนกับหมูตัวหนึ่ง
ระหว่างที่นั่งรถกลับมา หลินไห่เฟิงก็ดึงสติกลับมาได้บ้างแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว แต่ก็ยังมีสติอยู่
ตุบ!
เขาถูกคนโยนลงพื้นอย่างแรง พอเห็นเฉินหวั่นชิงที่กำลังนั่งหน้าเย็นชาอยู่ตรงหน้า เขาก็รีบตะโกนออกมาทันที
“ประธานเฉิน คุณต้องช่วยผมนะครับ!”
“ไม่รู้ว่าคนงานพวกนี้เกิดบ้าอะไร บุกเข้าไปในบ้านแล้วบอกว่าผมโกงเงินพวกมัน แถมยังทำร้ายผมถึงขนาดนี้ด้วย”
“ฟ้าดินเป็นพยาน หลินไห่เฟิงคนนี้ทำงานในบริษัทนี้ตั้งหลายปี ผมเคยไปทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่…..”
ยังไม่ทันที่เฉินหวั่นชิงจะได้พูด เย่เทียนก็กระโดดออกมาก่อน
“ถึงแม้เมื่อก่อนคุณจะไม่เคย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้จะไม่สักหน่อยจริงมั้ย?”
ตอนนี้เรามีหลักฐานชัดเจน ทั้งคนทั้งหลักฐาน คุณยังคิดจะแถอีกอย่างนั้นเหรอ?!”
ระหว่างที่พูด เย่เทียนก็ไม่ได้ปรานี มาถึงก็ตบใส่หน้าของหลินไห่เฟิงไปสองที
กับคนที่หลอกทั้งร่างกายหลอกทั้งเงินอย่างหลินไห่เฟิง เศษสวะที่ถึงขั้นให้ผู้หญิงมารับผิดแทน นี่มันคือความอัปยศของผู้ชายชัดๆ เย่เทียนยังรู้สึกว่าตัวเองเบามือเกินไปด้วยซ้ำ
เดิมทีหลินไห่เฟิงก็ถูกทำร้ายจนกลายเป็นหมูตัวหนึ่งไปแล้ว ตอนนี้ยังมาโดนเย่เทียนตบใส่อีกสองที เขาก็ตกอยู่ในสภาพที่มึนงงไปเลย
เสียงเค้นถามที่ไม่หยุดหย่อนของเย่เทียนดังอยู่ในหู
“คุณพูดความจริงมา คุณแอบเก็บเงินที่จะจ่ายให้คนงานเอาไว้ใช่มั้ย?!”
หลินไห่เฟิงอ้าปากอยากปฏิเสธ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับสายตาที่เย็นชาไร้ความรู้สึกของเย่เทียน เขาก็รู้สึกเหมือนถูกมือใหญ่ๆ เข้ามาบีบไว้ที่คอทันที พอคำพูดมาถึงที่ปากแต่กลับพูดอะไรออกมาไม่ได้เลย
“พี่ชายทุกคน เมื่อกี้ตอนที่พวกคุณออกไป ไม่รู้ว่าพวกคุณได้รับข้อความรึยัง ตอนนี้เงินเดือนของพวกคุณถูกโอนเข้าไปแล้วนะ”
“นี่เป็นเงินส่วนตัวที่ประธานเฉินเอามาชดเชยให้พวกคุณก่อน ผมขอโทษแทนประธานเฉินไว้ ณ ที่นี้ด้วย ทั้งหมดมันเป็นความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา ถึงได้เกิดเรื่องอย่างวันนี้ขึ้น”
พอเห็นหลินไห่เฟิงถูกลากจนสับสนวุ่นวายและไม่กล้าพูดอะไรแล้ว เย่เทียนก็หันไปขอคุณคนงานที่ไปช่วยจับตัวหลินไห่เฟิงกลับมา
ยิ่งไปกว่านั้น เย่เทียนยังโค้งคำนับแบบเก้าสิบองศาด้วย ทำให้ความรู้สึกประทับใจที่มีต่อเย่เทียนได้พุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“ประธานเย่พูดเกินไปแล้วครับ”
“คุณชายเย่ คุณกับประธานเฉินช่างเป็นกิ่งทองใบหยง เป็นคู่แท้กันจริง!”
“ประธานเฉินพวกคุณไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้พวกเราจะทำงานเป็นสองเท่า เพื่อชดเชยงานในวันนี้ให้ได้ครับ!”
เหล่าชายฉกรรจ์ตื้นตันด้วยความพึงพอใจ ในเมื่อเงินเดือนก็ได้แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ
ไม่นาน พวกคนงานก็ออกไปจนหมด เหลือคนไม่กี่คนไว้ในห้องทำงานเท่านั้น
ฟ่านซวนนั้นรู้สึกนับถือเย่เทียนจากใจจริง ถึงแม้เย่เทียนจะอายุน้อยก็จริง แต่การจัดการปัญหาในชีวิตกลับดูมีประสบการณ์เหลือเกิน
ตอนที่ควรโหดก็จะโหด ตอนที่ควรโค้งคำนับก็โค้งคำนับ รู้จักปล่อยวาง ในบางจุดแม้แต่เขาก็ยังเทียบไม่ได้เลย
พอคิดได้แบบนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมองเฉินหวั่นชิงไปทีหนึ่ง อย่างน้อยก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมเย่เทียนถึงได้ตำแหน่งสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเฉินหวั่นชิงไปครอง
แน่นอน ถ้าให้เขารู้ว่า ความจริงเฉินหวั่นชิงนั้นได้เป็นฝ่ายขอให้เย่เทียนช่วยเหลือไม่ว่าจะด้านสว่างหรือด้านมืดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไงเหมือนกัน
ถูกต้อง! ระหว่างที่ฟ่านซวนพาคนงานไปหาหลินไห่เฟิงนั้น เฉินหวั่นชิงนั่งลงมาปรึกษาเรื่องที่บ้าบอคอแตกนี่
เฉินหวั่นชิงถึงขั้นถูกขนามนามว่าเป็นสาวมหัศจรรย์แห่งวงการธุรกิจของเจียงหนัน ไอคิวนั้นไม่ได้แค่โม้ออกมาแน่นอน
หนึ่งคือหลินไห่เฟิงไม่ต้องการอำนาจและไม่ต้องการเงิน แล้วเขาจะทำแบบนี้ไปทำไม
เฉินหวั่นชิงคิดไปคิดมา บทสรุปที่ได้ก็คือหลินไห่เฟิงน่าจะถูกคนซื้อไปแล้ว อยากเห็นพาดหัวข่าวที่น่าอับอายของบริษัทแซ่เฉินในวันสองวันนี้ ถือโอกาสนี้มากดดันยาปลูกผมที่กำลังจะเข้าตลาด
สรุปสุดท้ายเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ยังไงเรื่องที่โหดร้ายแบบนี้ปล่อยให้เย่เทียนเป็นคนจัดการน่าจะดีกว่า
เพียงแต่มีจุดหนึ่งที่เฉินหวั่นชิงไม่เข้าใจ นั่นก็คือเจียงหนันในตอนนี้ ยังมีใครกล้าวางแผนทำร้ายตนอีก?
ไม่ว่ายังไง หลินไห่เฟิงก็นั่งฟุบอยู่บนพื้น ทำหน้ามึนงง ยังไม่มีทางฟื้นกำลังกลับมาได้อย่างแน่นอน
แต่มันก็ไม่ได้หมายถึงเย่เทียนจะยอมลามือ
ดวงตาสีดำหมุนวน เย่เทียนได้เดินมานั่งอยู่ตรงหน้าของหลินไห่เฟิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ยื่นมือไปพยุงเขาขึ้นมา
“ประธานหลินใช่มั้ย? ต้องขออภัยจริงๆ ที่ทำให้คุณต้องลำบาก”
“แต่ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันต้องมีคำอธิบายให้กับทุกคนจริงมั้ย? เดี๋ยวถ้าตำรวจมาถึง ผมหวังว่าคุณจะยอมเซ็นชื่อและปั้มลายนิ้วมือแต่โดยดีนะครับ”
คุณไม่ต้องห่วง ถึงแม้คุณอาจต้องติดคุกสักแปดปีสิบปี แต่ผมรับปาก ประธานเฉินจะต้องชดใช้ให้ครอบครัวของคุณอย่างสาสมอย่างแน่นอน!”
เย่เทียนพูดออกมาได้อย่างเปิดเผย โดยที่ไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียว
หลินไห่เฟิงได้ยินแล้วถึงกับตกใจ จ้องมองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“นะ นี่คุณคิดจะยัดเยียดข้อหาให้ผมอย่างนั้นเหรอ!”
รอยยิ้มบนหน้าของเย่เทียนได้หายไปอย่างรวดเร็ว และแทนที่ด้วยความเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด “คุณคิดว่าตัวเองฉลาดมากใช่มั้ย? หาผู้หญิงคนหนึ่งมารับบาปแทน ก็คิดว่าไม่มีใครสามารถสาวถึงคุณแล้วใช่มั้ย?”
“ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาเสียเวลากับคุณ บอกมา ใครเป็นคนสั่งให้คุณทำแบบนี้?!”
“คะ คุณพูดเรื่องอะไร? ทำไมผมถึงฟังไม่เข้าใจเลย”
หลินไห่เฟิงรู้สึกตกใจ กัดฟันและอยากฝืนต่อไป
ป๊าบ!
เย่เทียนไม่พูดพร่ำทำเพลง ตบใส่บ้องหูไปอีกที สีหน้าเยือกเย็นถึงขีดสุด
“คุณอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ คนอย่างผมนั้นถ้าจะลงมือก็ไม่เคยลีลามาก่อน!”
“ผมขอเตือนคุณไว้อย่างหนึ่ง ทางที่ดีคุณควรพูดออกมาดีๆ ว่าใครเป็นคนสั่งการคุณให้ทำแบบนี้”
“ผมกล้าบอกคุณได้เลย ไม่ว่าจะบนดินหรือใต้ดินผมก็มีคนทั้งนั้น ต่อให้คุณถูกส่งเข้าไปในคุกแล้ว ผมก็ยังสามารถทำให้คุณต้องลำบากอยู่ดี!”
หลินไห่เฟิงหางตากระตุก รู้สึกว่าเย่เทียนไม่ใช่คนแล้ว ต้องเป็นปีศาจที่กินคนแล้วคายกระดูกออกมาถึงจะถูก!
เขารู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว ถึงเงินจะมีเยอะแล้วมันจะยังไง? มันจะสำคัญไปกว่าชีวิตได้ยังไง?
ทันใดนั้น หลินไห่เฟิงก็คุกเข่าลงกับพื้น และเริ่มร้องไห้อ้อนวอนขึ้นมา
“ประธานฟ่าน ช่วยผมด้วย ผมจะเข้าคุกไม่ได้! ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้ของผมได้จบสิ้นแน่นอน!”
“ประธานเฉิน ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ช่วยให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ!”
คิ้วสวยๆ ของเฉินหวั่นชิงเลิกขึ้นเล็กน้อย แววตาแอบทนไม่ได้เล็กน้อย แต่ก็ควบคุมอารมณ์ไม่พูดออกไป
ถึงอายุของเธอจะยังน้อย ถึงเธอจะเป็นผู้หญิง แต่สิ่งที่ประสบในหลายปีที่ผ่านมา มันก็ทำให้เธอประจักษ์กับโลกใบนี้ไปนานแล้ว
การทำอะไรโดยอารมณ์ชั่ววูบ มันก็อาจกลายเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงก็ได้!
การจะปล่อยหลินไห่เฟิงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเอาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาไม่ได้ ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับบริษัทแซ่เฉินอีกรึเปล่า
หันมองมาที่ฟ่านซวน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมองหน้าหลินไห่เฟิงเลยสักครั้ง
หลินไห่เฟิงที่เห็นแบบนั้น หัวใจดังป๊อก และรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที……