“กรี๊ด!”
เมื่อมองผ่านหน้าต่างกระจกไปยังแม่น้ำที่อยู่ไกลร้อยเมตร เฉินหวั่นชิงไม่หลงเหลือสีหน้าที่เย็นชาแบบประธานสาวอีกแล้ว ตกใจจนหน้าถอดสี กรี๊ดออกมาไม่ยอมหยุด
“ที่รัก! ไม่ต้องกลัว!”
เย่เทียนตะโกนออกมาด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว “อย่าเพิ่งขยับ ปลดเข็มขัดออกให้เบาที่สุด!”
“เร็วเข้า! รถมันกำลังจะตกลงไปแล้ว!”
เย่เทียนได้ขับเคลื่อนชี่ทิพย์แล้วตะโกนคำนั้นออกมา มันจึงทำให้เฉินหวั่นชิงที่กำลังตกใจตั้งสติได้อีกครั้ง
สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างคับขัน ตัวรถกว่าครึ่งได้หลุดออกไปนอกสะพานแล้ว ส่วนที่ยึดเกาะกับพื้นสะพานก็กำลังสั่นไหว
ใต้สะพานนั้นเป็นแม่น้ำที่อยู่ต่ำลงไปเป็นร้อยเมตร ถ้าตกลงไปทั้งคนทั้งรถ มันก็จะเกิดเป็นแรงกระแทกอันมหาศาล ต่อให้ดวงดีไม่ตายก็คงจะบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี!
“ยะ เย่เทียน…..ชะ ช่วยด้วย…”
หลังจากสติแตกไปครั้งแรก เฉินหวั่นชิงที่ตกใจจนควบคุมสติไม่ได้ เหมือนจะคว้าความหวังสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตของตนได้ ตะโกนออกมาอย่างจนปัญญา
“ที่รัก! ใจเย็นๆ! ตอนนี้คุณต้องตั้งสติให้เร็วที่สุด!”
เย่เทียนพูดย้ำอย่างมีสติ “ตอนนี้คุณใช้แรงที่น้อยที่สุดค่อยๆ ปลดเข็มขัดออก”
ตอนนี้ร่างกายของเขาได้เอียงไปที่หน้าต่างแล้ว พยายามรักษาสมดุลของรถเอาไว้ แต่ถ้าดูจากการเคลื่อนไหวของรถ มันก็สามารถตกลงไปได้ทุกเมื่อ
“อะ โอเค”
เฉินหวั่นชิงใจเย็นลงมาก ยื่นมือออกมาด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ต้องการที่จะปลดเข็มขัดออก
แต่ทว่า ตอนนี้การที่ตัวรถสามารถยันอยู่ได้ก็เป็นเพราะยืดเกาะกับพื้นถนน ต่อให้เป็นการเคลื่อนไหวที่เบาที่สุดมันก็ยังทำให้ร่างกายทุกส่วนต้องขยับตาม ทำให้รถนั้นโยกแรงยิ่งกว่าเดิม
“ที่รัก! เบากว่านี้! เบากว่านี้!”
เย่เทียนรีบพูดเตือน ต่อให้เป็นแดนฝึกพลังชั้นหกของเขาในตอนนี้ ถ้าตกลงไปก็ไม่มีอะไรดีเหมือนกัน
“เย่เทียน ฉะ ฉันทำไม่ได้ ตอนนี้สองขาของฉันหมดแรง มือก็ออกแรงไม่ได้”
เฉินหวั่นชิงเอามือลงอย่างสูญเปล่า ดวงตาที่สวยงามถูกบดบังด้วยม่านหมอก น้ำเสียงก็เริ่มสะอื้นออกมา
“ไม่เป็นไร! มีผมอยู่ คุณไม่ต้องกลัวนะ!”
เย่เทียนรีบพูดให้กำลังใจ “มา คุณอย่าเพิ่งขยับ หายใจลึกๆไปพร้อมกับผมนะ”
“ฉันทำไม่ได้! ตอนนี้รถมันกำลังจะตกลงไปแล้ว เราควรทำยังไงดี?!”
น้ำเสียงของเฉินหวั่นชิงเริ่มสั่นขึ้นมานิดหน่อย เห็นได้ชัดว่าเธอทนต่อแรงกดดันแบบนี้ไม่ไหว
“ไม่ครับไม่ ที่รัก น้ำหนักของคุณยังไม่ถึงร้อยปอนด์เลย คุณตัวเบาขนาดนี้รถมันไม่มีทางตกลงไปได้หรอก”
“เย่เทียน เราไม่ได้กำลังจะตายจริงๆ ใช่มั้ย?”
เฉินหวั่นชิงแทบจะสิ้นหวังแล้ว ตัวรถยังคงเคลื่อนไหวไม่ยอมหยุด ถ้ามีการขับแม้แต่นิดเดียว ไม่แน่รถก็อาจจะตกลงไปทันที ผลที่ตามมาแค่คิดก็รู้
“ไม่หรอกครับ! ผมไม่มีทางให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาดครับ!”
เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ “ที่รัก คุณอย่าคิดอะไรเพ้อเจ้อ เราไม่มีทางตกลงไปแน่นอนครับ”
“ผมแต่งงานกับคุณมานานขนาดนี้ ห้องหอยังไม่ได้เข้าเลย สวรรค์ไม่มีทางปล่อยให้ผมตายอย่างอึดอัดแบบนี้หรอกครับ”
“ผมยังไม่อยากตาย ยังมีอะไรอีกมากมายที่ผมอยากทำ!”
เฉินหวั่นชิงทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว น้ำตาที่แวววาวได้ไหลรินออกมา “เย่เทียน คุณเก่งมากไม่ใช่เหรอ? ถ้าคุณสามารถพาฉันออกไปได้ ฉันจะเข้าหอกับคุณโอเคมั้ย? ฮือๆ….”
“ที่รัก ถ้าอย่างนั้นคุณก็ค่อยๆ ปลดเข็มขัดออก แล้วผมจะพาคุณออกไปทันที”
เย่เทียนถึงกับอึ้ง จากนั้นก็ส่ายหัวด้วยความจนใจ
เรื่องที่จะเข้าหอรึเปล่าไว้ค่อยคุยกันทีหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรอดไปให้ได้ก่อน
เฉินหวั่นชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ขยับมือขวาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ค่อยๆ ปลดเข็มขัดออกจากตัว
แกร็ก!
ในตอนที่เข็มขัดหลุดออกจากตัวนั้นเอง รถที่สั่นไหวก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ภายใต้การกรีดร้องของเฉินหวั่นชิง รถนั้นก็ดิ่งลงสู่แม่น้ำ
ในชั่วพริบตานั้น เย่เทียนก็เงยหน้าขึ้นไปข้างบน กระแทกเข้าไปที่ด้านบนของรถ ทำให้ความเร็วของรถลดลงไปชั่วขณะ
แต่มันก็เพียงแค่ครู่เดียว
วินาทีต่อมา ความเร็วในการตกของรถก็เพิ่มขึ้น ตัวรถตกลงเร็วกว่าครั้งที่หลุดออกจากตัวสะพานทั้งหมด และดิ่งลงสู่ใต้สะพานด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
แต่ในจังหวะที่ความเร็วของรถลดลง เย่เทียนก็ได้กระแทกประตูรถออกราวกับระเบิด คว้าแขนของเฉินหวั่นชิง และออกจากตัวรถได้
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มือขวาของเย่เทียนกำแขนสวยๆ ของเฉินหวั่นชิงเอาไว้แน่น ส่วนมือซ้ายก็จับราวสะพานอย่างสุดแรง
เย่เทียนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นมาจากมือซ้าย ท่อนเหล็กที่โผล่ออกมานอกสะพานได้เสียบแขนของเย่เทียนจนทะลุไปแล้ว
เขากัดฟันแน่ๆ ไม่กล้าที่จะปล่อยมือ
เพราะเมื่อไหร่ที่เขาปล่อยมือ ทั้งคู่ก็จะตกลงไปจากความสูงกว่าร้อยเมตร ถ้าถึงตอนนั้น จะเป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้แล้ว
“เย่เทียน คุณ…..”
มือขวาของเฉินหวั่นชิงถูกเย่เทียนจับไว้ ทำให้ร่างกายของเธอโยกไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้เธอที่กำลังตกใจเวียนหัวขึ้นมา
“ที่รัก ใจเย็นก่อน ผมจะดึงคุณขึ้นไปเดี๋ยวนี้!”
เย่เทียนตะโกนออกมาเบาๆ คัมภีร์หวงในร่างกายไหลเวียนอย่างรวดเร็ว แล้วก็เหวี่ยงแขนขึ้นไปอย่างแรง ทำให้เฉินหวั่นชิงถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนสะพานได้สำเร็จ
จากนั้น เย่เทียนก็ใช้แขนขวาจับขอบสะพานไว้ ออกแรงทั้งสองมือพร้อมกันแล้วเหยียบขึ้นไปบนสะพาน และสามารถหลุดพ้นจากอันตรายได้หลังจากเหตุการณ์ที่น่าตกใจ
“ที่รัก ที่รัก คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
พอเห็นเฉินหวั่นชิงที่หัวกระเซิงกำลังนั่งอยู่บนพื้น เย่เทียนก็รีบวิ่งเข้าไปดู
เห็นเพียงสีหน้าที่ซีดเผือดของเด็กสาว ไม่มีเลือดไหลไปเลี้ยงแม้แต่นิดเดียวไม่ต่างอะไรกับคนตายเลย เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันทำให้เธอตกใจอย่างถึงที่สุด
“ฉะ ฉันไม่เป็นไร”
ผ่านไปพักหนึ่งเฉินหวั่นชิงถึงตั้งสติได้ พุ่งเข้ามากอดเย่เทียน และเริ่มร้องไห้ออกมา
“ที่รัก ไม่เป็นไรแล้วไม่ป็นไรแล้ว”
เย่เทียนรู้สึกโล่งใจ ตบไปที่หลังของเด็กสาวเบาๆ แล้วพูดแซงไปว่า “จะว่าไป ที่รัก เมื่อกี้คุณบอกว่าถ้าผมพาคุณออกมาได้ คุณจะยอมเข้าหอกับผมใช่มั้ย?”
“ฝันไปเถอะ!”
เฉินหวั่นชิงผลักเย่เทียนออกทันที ใบหน้าที่งดงามกำลังเขินอาย แต่ก็หยุดร้องไห้ไปแล้ว
“โอเคโอเค หยุดร้องก็ดีแล้ว ถ้าขืนยังร้องต่อก็ไม่สวยแล้ว”
เย่เทียนยื่นมือออกไป เช็ดน้ำตาให้เด็กสาวอย่างอ่อนโยน
“เลือด? เลือดมาจากไหน?”
เฉินหวั่นชิงเพิ่งสังเกตเห็นเลือดที่อยู่บนพื้น จึงรีบคว้ามือซ้ายของเย่เทียนขึ้นมา แล้วเห็นมือซ้ายของเขาเป็นรูโบ๋ลงไปสองรู และเกือบทะลุไปเลย
เฉินหวั่นชิงถามไปอย่างแตกตื่นว่า “ไปโดนอะไรมา? เจ็บรึเปล่าคะ?”
“มันไม่มีอะไร แค่เมื่อกี้ตอนที่ออกมาจากรถไม่ทันระวังไปถูกเหล็กตรงราวสะพานแทงเข้าก็เท่านั้น ไม่กี่วันก็หายแล้ว”
เย่เทียนทำเหมือนไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แย้มปากเผยให้เห็นฟันขาวๆ ของเขา
“แผลลึกขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก? อย่างน้อยก็น่าจะสิบวันครึ่งเดือนถึงจะหาย”
น้ำตาที่เฉินหวั่นชิงหยุดลงอย่างยากลำบากก็ได้เอ่อล้นออกมาอีกครั้ง ไหลลงไปกระแทกพื้นอย่างต่อเนื่อง ดูน่าสงสารมาก…