ตอนที่ 564 พบกันใหม่ชาติหน้า / ตอนที่ 565 เจ้าโง่คนนั้น

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 564 พบกันใหม่ชาติหน้า

 

 

“อยู่ต่อได้อีกวันก็ยังดี นี่อวิ๋น ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นอะไร เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปดี ๆ ได้หรือไม่”

 

 

“ได้”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นเพิ่งรับปากไปหยก ๆ ก็กระอักเลือดสีดำคำใหญ่ออกมา เขาถอยหลังหนึ่งก้าว พิงต้นไผ่ ราวกับไม่มีแรงจะยืนให้อยู่ แล้วไถลลงจากต้นไผ่

 

 

หลิงอวี้จื้อนั่งกับพื้น ให้มู่หรงนี่อวิ๋นพิงอ้อมแขนเธอ น้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งคู่ไม่ขาดสาย แล้วไหลหยดลามาตามแก้ม

 

 

“อย่าตายนะ นี่อวิ๋น ขอร้อง นี่อวิ๋น เจ้าต้องอยู่ต่อไป”

 

 

ต่อหน้ามู่หรงนี่อวิ๋น หลิงอวี้จื้อเป็นคนเฮฮามาตลอด ไม่เคยแสดงออกอย่างโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้เลย

 

 

เธอกลัวจริง ๆ ว่ามู่หรงนี่อวิ๋นจะตาย เธอกับมู่หรงนี่อวิ๋นผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดมานานแล้ว ถึงแม้เรื่องใดที่คุยกับเซียวเหยี่ยนไม่ได้ เธอก็สามารถคุยกับมู่หรงนี่อวิ๋นได้

 

 

น้ำตาของหลิงอวี้จื้อหยดลงบนใบหน้าของมู่หรงนี่อวิ๋น น้ำตาอุ่น ๆ ไหลตกลงมาทีละหยด มู่หรงนี่อวิ๋นยื่นมือออกไป อยากจะเช็ดน้ำตาให้หลิงอวี้จื้อ เพิ่งยกขึ้นได้ครึ่งทาง ก็นึกถึงสถานะของหลิงอวี้จื้อในตอนนี้ขึ้นมาได้ เขาก็วางมือลง

 

 

“อวี้จื้อ อย่าร้องเลย ข้ารู้แล้วว่าเจ้าจิตใจดี ถ้าเจ้าร้องอีก ข้าก็ไม่กล้าไปแล้ว”

 

 

“เช่นนั้นก็อย่าไปสิ”

 

 

หลิงอวี้จื้อรัวมือเช็ดน้ำตาตัวเอง

 

 

“ช่วยไม่ได้แล้ว ท่านยมบาลมารอข้าแล้ว อวี้จื้อ เจ้าก็รู้ว่าการพลาดนัดมันไม่ดี”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นฝืนเหยียดยิ้ม ไม่นานก็กระอักเลือดสีดำออกมาอีก

 

 

“น่าเสียดาย ข้าไม่ได้เห็นเจ้ากินอาหารที่ข้าทำเสียแล้ว ข้าเรียนตั้งนาน กว่าจะทำเป็นได้ แต่กลับไม่มีโอกาสได้กินข้าวร่วมกับเจ้าสักมื้อเลย เป็นมติสวรรค์จริง ๆ …มติสวรรค์…”

 

 

“นี่อวิ๋น เจ้าอย่าหลับนะ พวกเราไปกินข้าวกัน ไปตอนนี้เลย ข้าประคองเจ้าไป”

 

 

หลิงอวี้จื้อกลัวว่ามู่หรงนี่อวิ๋นจะทนไม่ไหว จึงต้องพูดว่าจะประคองนี่อวิ๋นว่าจะพยุงเขากลับไปที่เรือนไผ่ อาศัยแค่กำลังและความสูงของเธอก็คอยหนุนมู่หรงนี่อวิ๋นไม่ไหวแล้ว เดินได้สองก้าวทั้งสองคนก็ล้มตึงกับพื้นไปพร้อมกัน

 

 

หลิงอวี้จื้อเข้าไปประคองมู่หรงนี่อวิ๋นทันที เพียงแต่คราวนี้เธอไม่มีปัญญาจะพยุงมู่หรงนี่อวิ๋นขึ้นมาได้แล้ว พาตัวเองล้มลงพื้นไปด้วยอีกครั้ง

 

 

เห็นหลิงอวี้จื้อเดินอย่างกินแรงมาก เสียงของมู่หรงนี่อวิ๋นเองก็อ่อนแรงลงทุกที เขารู้ว่าตัวเองมีเวลาไม่มากแล้ว แต่ก็พยายามยิ้มให้หลิงอวี้จื้อ เขาหวังว่าหลิงอวี้จื้อจะจดจำรอยยิ้มของเขาเอาไว้

 

 

“เด็กโง่ ไม่ต้องร้องแล้ว ข้าต้องไปจริง ๆ แล้ว ที่บอกเจ้าว่าไม่เสียดายนั้นข้าโกหก ก่อนตายไป…ได้ทำกับข้าวให้เจ้าสักมื้อ ได้บอกความในใจให้เจ้ารู้ ก็ถือว่าสวรรค์เมตตาข้ามากแล้ว อวี้จื้อ เจ้าต้องอยู่ต่อไปให้ดี ๆ ข้ารู้…ท่านอ๋อง…ดีกับเจ้าจริง ๆ เสียดายข้าไม่มีวาสนาเช่นนั้น ข้าไม่กล้า…เรียกร้องขอเจ้าในชาติหน้า ข้ารู้ว่าชาติหน้าเจ้าก็จะเป็นของท่านอ๋องอีก ขอเพียงแค่ชาติหน้า…ข้าจะไม่หวั่นไหวอีก และได้เป็นเพื่อนรักกับเจ้าจริง ๆ”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นพูดลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่มีแรงจะพูดต่อไปได้อีกแล้ว พักหายใจสักครู่ถึงพูดว่า

 

 

“เจ้าต้องชิมอาหารบนโต๊ะนะ ต้อง…บอกรสชาติ…รสชาติของอาหารให้ข้ารู้…ข้าต้องได้ยินแน่นอน”

 

 

“ได้”

 

 

หลิงอวี้จื้อพยักหน้าอย่างแรง น้ำตาพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง

 

 

“นี่อวิ๋น ข้าขอโทษนะ ข้าเป็นคนทำร้ายเจ้าเอง”

 

 

“นี่เป็นชะตากรรมของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่ต้อง…ไม่ต้องเอาไปโยงกับตัวเอง ต่อไปไม่อนุญาตให้เจ้าร้องไห้เพราะข้าแล้ว เจ้าต้องยิ้ม…ต้องยิ้มถึงจะน่าดู…ข้าอยากเห็นเวลาเจ้ายิ้ม”

 

 

หลิงอวี้จื้อยิ้มไม่ออกจริง ๆ เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นมองตนแล้ว เธอก็กระตุกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าดูเลย

 

 

“พบกันใหม่…ชาติหน้า…”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นไม่มีแรงพูดอีกต่อไป พูดจบก็ค่อย ๆ หลับตาลง

 

 

“ไม่…”

 

 

เสียงกรีดร้องโหยหวนของหลิงอวี้จื้อดังก้องป่าไผ่

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 565 เจ้าโง่คนนั้น

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นเป็นเพื่อนที่พิเศษมากสำหรับหลิงอวี้จื้อ สองคนสามารถพูดคุยสัพเพเหระกันได้ สามารถหยอกล้อแกล้งกันได้ และยังสามารถฟ่าฝันอันตรายไปด้วยกันได้

 

 

นอกจากเซียวเหยี่ยนแล้ว ก็มีมู่หรงนี่อวิ๋นที่เป็นคนที่หลิงอวี้จื้อใกล้ชิดสนิทสนมที่สุด และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหลิงอวี้จื้อในแคว้นเว่ยตะวันตกนี้

 

 

เมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดว่ามู่หรงนี่อวิ๋นจะมีความรู้สึกกับเธอไม่เหมือนเดิม นึกมาตลอดว่ามู่หรงนี่อวิ๋นก็เห็นตนเองเป็นเพื่อนตายเช่นกัน เพราะนิสัยร่าเริงเปิดเผย หลิงอวี้จื้อในยุคปัจจุบันก็มีเพื่อนซี้ต่างเพศหลายคน ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้คิดมากอะไรเลย คิดไม่ถึงว่าเจ้าโง่คนนี้จะมีความรู้สึกเช่นนี้กับเธอ

 

 

ชีวิตนี้ เธอถูกกำหนดมาให้เป็นหนี้บุญคุณมู่หรงนี่อวิ๋น เป็นหนี้เขาหลายอย่างมาก ๆ ชีวิตนี้ไม่มีโอกาสได้ตอบแทนแล้ว แม้แต่ชาติหน้าก็ไม่มีโอกาส ชาติหน้าเธอก็ยังเป็นของเซียวเหยี่ยน เธอไม่มีปัญญาจะให้มู่หรงนี่อวิ๋นมากไปกว่านี้

 

 

ยิ่งเป็นเช่นนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกผิด มู่หรงนี่อวิ๋นเพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีลูก และยังเป็นลูกชายภรรยาหลวงเพียงคนเดียวของตระกูลมู่หรง

 

 

ตระกูลมู่หรงไม่เหมือนกับตระกูลอื่น นอกจากลูกชายภรรยาหลวงคนนี้แล้ว ก็ไม่มีลูกชายของอนุคนอื่น ๆ เลย มารดาของมู่หรงนี่อวิ๋นเป็นผู้หญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยมพอสมควร

 

 

มู่หรงกวานเยวี่ยก็ได้รับการสั่งสอนมาจากนาง ภายใต้การกำกับดูแลของนาง นอกจากลูกสาวอนุไม่กี่คนแล้ว ลูกชายอนุสักคนก็ไม่มี ตำแหน่งของลูกชายของนางมั่นคงดั่งป้อมปราการที่แข็งแกร่ง

 

 

สองปีก่อนนางป่วยตาย มู่หรงหงก็อายุหกสิบกว่าปีแล้ว ไม่สามารถมีลูกได้อีก ด้วยเหตุนี้ตระกูลมู่หรงก็นับว่าขาดช่วงแล้ว

 

 

“อวี้จื้อ”

 

 

เสียงถอนหายใจดังขึ้น หลิงอวี้จื้อเงยหน้าที่มีน้ำตานอง ร้องมานานขนาดนี้ ดวงตาของเธอจึงบวมแล้ว

 

 

เซียวเหยี่ยนสงสารจับใจ เอื้อมมือออกไปสวมกอดหลิงอวี้จื้อในอ้อมแขน เขารู้ว่าหลิงอวี้จื้อโศกเศร้าเสียใจมาก ทำได้เพียงตบหลังเธอเบา ๆ ซ้ำไปซ้ำมา

 

 

“อวี้จื้อ ขอโทษนะ ข้ามาช้าไป”

 

 

“อาเหยี่ยน นี่อวิ๋นเขา…นี่อวิ๋น…”

 

 

เสียงของหลิงอวี้จื้อสะอึกสะอื้นจุกคอ ไม่สามารถพูดต่อไปได้ ได้แต่รู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายใน เซียวเหยี่ยนกอดหลิงอวี้จื้อแน่น เวลานี้พูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ มู่หรงนี่อวิ๋นตายไปแล้ว เขาทำได้เพียงอยู่เคียงข้างหลิงอวี้จื้อ

 

 

ตอนนี้เองมั่วชิงและอู่จิ้นคุมตัวมู่หรงกวานเสวี่ยเดินเข้ามา มู่หรงกวานเสวี่ยก้มหน้า ผมกระเซอะกระเซิง ปล่อยผมลงมาหมด ไม่กล้ามองมู่หรงนี่อวิ๋นที่นอนอยู่บนพื้นเลย

 

 

นางไม่เคยคิดทำร้ายมู่หรงนี่อวิ๋น เดิมทียานั่นก็ไม่ใช่ยาพิษ ไม่ทำให้เสียชีวิต เพียงแต่ร่างกายมู่หรงนี่อวิ๋นมีพิษดอกอวี้จีอยู่แล้ว ยาสองชนิดปะทะกัน ทำให้พิษดอกอวี้จื้ออกฤทธิ์ จึงถึงแก่ชีวิตของมู่หรงนี่อวิ๋น

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยคุกเข่ากับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง มู่หรงนี่อวิ๋นตายแล้ว นางจะกลับไปบอกมู่หรงกวานเยวี่ยอย่างไร

 

 

ก่อนหน้านี้มู่หรงกวานเยวี่ยคอยถามตลอดว่ามีวิธีใดช่วยมู่หรงนี่อวิ๋นได้บ้าง เห็นได้ชัดว่ามู่หรงกวานเยวี่ยเป็นห่วงน้องชายคนนี้มาก และส่งคนออกไปหาแมลงจิ่วเซียงจนทั่ว เพียงแต่แมลงจิ่วเซียงถูกเจียงสือคว้าได้ไปก่อนก้าวหนึ่ง

 

 

เมื่อเห็นมู่หรงกวานเสวี่ย หลิงอวี้จื้อก็เงื้อมือตบหน้านางหนึ่งครั้งโดยไม่เกรงใจ ถามเสียงสูง

 

 

“มู่หรงกวานเสวี่ย คราวนี้เจ้าพอใจหรือยัง”

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยไม่ได้เอาคืน ได้แต่พูดงึมงำกับตัวเอง

 

 

“เหตุใดเขาถึงได้โง่ขนาดนี้ เพื่อเจ้าชีวิตก็ไม่สนแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย”

 

 

“อู่จิ้น ลงมือเถิด!”

 

 

เซียวเหยี่ยนสั่งการหน้านิ่ง ก่อนหน้านี้เขาสัญญากับมู่หรงกวานเยวี่ยว่าจะไม่แตะต้องมู่หรงกวานเสวี่ย แต่เบื้องต้นมู่หรงกวานเสวี่ยต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว คิดไม่ถึงว่าจะลงมือกับหลิงอวี้จื้ออีกครั้ง เช่นนั้นเขาไม่จำเป็นจะต้องรักษาสัญญาแล้ว