ตอนที่ 566 สั่งเสียก่อนตาย / ตอนที่ 567 ถึงทางตันแล้ว​​​​​​​

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 566 สั่งเสียก่อนตาย 

 

 

“ข้าสมควรตาย ข้าก็ไม่มีหน้าจะไปพบพี่แล้ว ตอนนี้ข้ามีเพียงข้อเรียกร้องสุดท้ายเพียงข้อเดียว หวังว่าพวกเจ้าจะสงเคราะห์ข้าได้” 

 

 

มู่หรงหวานเสวี่ยพูดจบก็หยิบจดหมายออกมาจากออกเสื้อ 

 

 

“แค่จดหมายที่ข้าเขียนให้เจียงปิน ข้าตายไปแล้ว พวกเจ้าช่วยส่งให้เขาแทนข้าได้หรือไม่” 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยพกจดหมายติดตัวมาด้วย เห็นได้ชัดว่านางเตรียมตัวตายทุกเมื่อ เพียงแต่นางยังคงอยากสู้ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าหากตัวเองสู้ไม่ได้ล่ะ 

 

 

ตอนนี้นางรู้ว่าหนีความตายไม่พ้นแล้ว เพียงแต่หวังว่าจะได้บอกลาเจียงปินดี ๆ 

 

 

หลิงอวี้จื้อเกลียดมู่หรงกวานเสวี่ยสุดขีด ไม่มีแม้แต่เศษใจไว้ให้นาง เอ่ยปากปฏิเสธทันที 

 

 

“ไม่ได้เด็ดขาด อย่าแม้แต่จะคิด เจ้าอย่าลืม เจ้าไม่ได้เป็นมู่หรงกวานเสวี่ยตัวจริงด้วยซ้ำ พวกเราจะบอกเรื่องจริงกับไต้เท้าเจียงให้หมด ไม่รบกวนเจียงฮู่หยินตัวปลอมไปบอกเขาเองแล้ว” 

 

 

พูดจบ นางก็ลังเลครู่หนึ่งถึงเอ่ยปากออกมาว่า 

 

 

“หากพวกเจ้ายอมเอาจดหมายนี้ไปให้เจียงปิน ข้าก็จะบอกความลับพวกเจ้าอย่างหนึ่ง” 

 

 

“เจ้ายังมีความลับอะไรที่คุ้มค่าต่อการเสนอเงื่อนไขหรือ” 

 

 

“ความลับเรื่องผู้คุมกฎอีกคน พวกเจ้าต้องสนใจแน่นอน ข้าแค่ไม่อยากให้เจียงปินเกลียดข้า ข้าหลอกลวงเขา ตอนนี้ข้าก็ควรจะไปอธิบายให้เขาฟังเอง” 

 

 

ถึงแม้ว่าจะออกมาจากสำนักอู๋จี๋เด็ดขาดแล้ว และมั่นใจว่าตอนนี้เจียงสือไม่มีเวลามาสนใจตน แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายตนเองก็ไร้เดียงสาเกินไป นอกจากมั่วชิงที่รอดพ้นจากสำนักอู๋จี๋ได้จริง ๆ แล้ว พวกนางล้วนไม่สามารถทำได้ 

 

 

ชีวิตที่ต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน สุดท้ายเรื่องที่กังวลที่สุดก็มาถึง คนจากสำนักอู๋จี๋ มาหานาง คน ๆ นั้นคือผู้คุมกฎอีกคน แม้แต่นางก็ไม่เคยพบหน้ามาก่อน นางออกไปจากสำนักอู๋จี๋ก่อนมู่หรงกวานเสวี่ย เป็นเส้นสายที่เจียงสือฝังเอาไว้ลึกที่สุด ตัวตนของนาง เกรงว่าน่าไม่มีใครสักคนรู้ 

 

 

พูดถึงผู้คุมกฎผู้ลึกลับขึ้นมา เซียวเหยี่ยนก็เริ่มสนใจ นี่เป็นไพ่ใบสุดท้ายของสำนักอู๋จี๋ เขารู้เพียงว่าคนผู้นั้นอยู่ในเมืองหลวง แต่เป็นใครกันแน่ก็ไม่มีทางมั่นใจได้ เขาแอบสงสัยคนสองสามคน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย มีเพียงผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นผืนเดียว แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ 

 

 

“คนผู้นั้นคือใคร” 

 

 

เซียวเหยี่ยนถามด้วยสีหน้าเย็นชา 

 

 

“นางสวมหน้ากากตอนที่มาหาข้า ข้าไม่เห็นหน้าตาของนาง แต่ข้าได้กลิ่นที่พิเศษจากร่างกายของนาง น่าจะเป็นกลิ่นของเครื่องหอม แต่ไม่ใช่เครื่องหอมที่เห็นกันทั่วไป คล้าย ๆ กลิ่นเครื่องหอมในเขตตะวันตก ข้าตรวจสอบมาแล้ว ในวังมีของบรรณาการเป็นเครื่องหอมจากเขตตะวันตก ไทเฮาไม่โปรดของเหล่านี้เลย รังเกียจที่กลิ่นฉุนเกินไป ด้วยเหตุนี้จึงประทานพวกเครื่องหอมเหล่านี้ให้กับนางในวังหลัง คนอื่นนั้น ใหม่ ๆ ก็เคยใช้ไปครั้งสองครั้ง ต่างก็ทนกลิ่นเช่นนี้ไม่ได้ คนที่ชอบเครื่องหอมนี้จริง ๆ ก็มีเพียงอวี้ไท่เฟย” 

 

 

เมื่อพูดถึงอวี้ไท่เฟยขึ้นมา เซียวเหยี่ยนก็มีสีหน้าราวกับมีความคิดอะไรบางอย่าง เมื่อก่อนอวี้ไท่เฟยนับว่าเป็นสนมที่มีประวัติดีเลิศคนหนึ่งในวังหลัง อายุประมาณมู่หรงกวานเยวี่ย มีลูกสาวสองคน ทั้งหมดยังไม่บรรลุนิติภาวะ 

 

 

ครั้งที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังอยู่ นางชอบแต่งตัวสวยงามเฉิดฉาย ตอนนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนไม่อยู่แล้วก็เพลาลงบ้าง แต่ก็ยังคงรักสวยรักงามกว่าไท่เฟ่ยทั่วไปมาก 

 

 

ทุกครั้งที่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้อื่นก็ยังคงแต่งตัวอย่างประณีตบรรจง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บรรดานางในวังหลังต่างพากันริษยาและวิพากษ์วิจารณ์ บอกว่านางกระสับกระส่ายทนเหงาไม่ได้ เพียงแต่อวี้ไท่เฟยเป็นคนใจใหญ่ ไม่เคยเห็นนางเก็บตัวสักเท่าไหร่ ยังคงเป็นตัวของตัวเอง 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 567 ถึงทางตันแล้ว​​​​​​​ 

 

 

คนเช่นนี้หากบอกว่าเป็นคนของสำนักอู๋จี๋ ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ 

 

 

เพียงแต่เรื่องนี้ยังต้องสืบให้แน่ชัดถึงจะถูก ในเมื่อนางในวังหลังต่างมีเครื่องหอมชนิดนี้ แม้ไม่ชอบใช้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช้เลย อาศัยเพียงแค่จุดนี้ ไม่มีทางมั่นใจได้ว่าคนผู้นั้นคืออวี้ไท่เฟย 

 

 

“ข้ารู้ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะต้องไปสืบต่อ ข้าไม่มีโอกาสได้สืบต่อแล้ว ท่านอ๋องไปสืบต่อให้ดี ๆ ก็ได้” 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยสีหน้าเศร้าหมองและสับสนขณะพูด 

 

 

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าอยากออกจากสำนักอู๋จี๋จริง ๆ สิบปีมานี้ข้าเป็นมู่หรงกวานเสวี่ยมาตลอด ตอนเริ่มต้นก็ยังไม่ชิน นานวันเข้าก็เห็นตัวเองเป็นมู่หรงกวานเสวี่ยไปจริง ๆ ข้ามีพี่สาว และมีสามี เมื่อก่อนข้ารู้ว่าตัวเองสลัดตัวออกจากสำนักอู๋จี๋ไม่ได้ คราวนี้ในที่สุดก็รอถึงคราวที่มีโอกาสทอง ข้าหลงคิดว่าตอนนี้สำนักอู๋จี๋บาดเจ็บสูญเสียกำลังคนไปมาก ท่านอาจารย์ไม่มีเวลาสนใจข้าแล้ว คิดไม่ถึงว่าข้าก็ยังหนีไม่พ้น ท่านอาจารย์ไม่เคยคิดจะปล่อยข้าไป ข้าไม่มีทางเลือกอื่น” 

 

 

คำพูดเหล่านี้ล้วนมาจากใจจริงของมู่หรงกวานเสวี่ย เห็นรอยเลือดสีดำที่ยังไม่แห้งตรงมุมปากของมู่หรงนี่อวิ๋นซึ่งนอนอยู่บนพื้น ริมฝีปากก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว นางก็ยิ่งรู้สึกผิด 

 

 

หากทำภารกิจไม่สำเร็จ สำนักอู๋จี๋ก็จะไม่ปล่อยนาง และนางก็ไม่มีปัญญาจะอธิบายกับมู่หรงกวานเยวี่ย จากนี้เป็นต้นไป มู่หรงกวานเยวี่ยจะไม่มีวันเชื่อใจนางอีก สิ่งที่รออยู่ข้างหน้ามีแต่ทางตัน 

 

 

มาถึงตอนนี้นางถึงได้รู้ว่า ตั้งแต่วันที่นางเลือกออกมาจากสำนักอู๋จี๋เป็นต้นมา ข้างหน้านางมีเพียงถนนทางตันที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ 

 

 

ในเมืองหลวงยังมีผู้คุมกฎที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ สำนักอู๋จี๋จะปล่อยนางไปได้อย่างไร เป็นนางเองที่เชื่อเรื่องโชค หลงคิดว่าตนเองจะสามารถตัดขาดจากอดีตโดยสิ้นเชิง ด้วยการอาศัยใบบุญของมู่หรงกวานเยวี่ยช่วย 

 

 

“แค่บอกว่าไม่มีทางเลือกอื่นก็สามารถชดเชยทั้งหมดนี้ได้หรือ มู่หรงกวานเสวี่ย ไม่ว่าเจ้าจะพูดอีกสักเท่าไหร่ ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเจ้า” 

 

 

“ข้าไม่ได้อยากให้พวกเจ้าปล่อยข้า ข้าอยู่ไม่ได้อีกแล้ว” 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยพูดจบ ก็ดึงปิ่นแข็งออกจากผมทันที ออกแรงแทงเข้าไปในคอ เลือดพุ่งกระฉูดออกจากคอทันใด 

 

 

ใบหน้างดงามของมู่หรงกวานเสวี่ยแฝงความผิดหวังและเสียดาย มองไปที่มั่วชิง 

 

 

“ข้าอิจฉาจริง ๆ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่หนีออกไปได้จริง ๆ พวกเราต่างไม่มีชะตาชีวิตเช่นนั้น” 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยฝืนพูดออกมา พูดจบ ก็นอนลงกับพื้น มองท้องฟ้า และกลับยิ้มออกมา 

 

 

“นี่จะไม่ใช่การหลุดพ้นได้อย่างไร เมื่ออยากเป็นมู่หรงกวานเสวี่ยแล้ว ข้าก็อยากกำจัดตัวตนของตนเองมาตลอด เสียดายข้าไม่มีความกล้าเช่นนั้น แม้แต่ลูกยังไม่กล้ามีให้เจียงปินเลย” 

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่ได้มองมู่หรงกวานเสวี่ยอีก เธอกับเซียวเหยี่ยนช่วยกันยกมู่หรงนี่อวิ๋นออกจากป่าไผ่ 

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยนอนอยู่บนพื้น แอ่งเลือดแดงฉานรองอยู่ใต้ตัว นางบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นสองมือจึงบังคับไม่ได้ดั่งใจ ควานหาจดหมายในอกเสื้อส่งให้มั่วชิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางรู้ว่ามั่วชิงยังไม่ไปก็เพราะจะช่วยให้นางสมหวังดั่งปรารถนา 

 

 

มือนางมีเลือด จดหมายถูกย้อมเป็นสีแดงอย่างเร็ว 

 

 

“มั่วชิง เจ้าต้องเอาจดหมายนี้ให้เจียงปินนะ เป็นสามีภรรยากันมาเจ็ดปี สุดท้ายก็เป็นข้าเอง…ที่ทำให้เขาผิดหวัง” 

 

 

มั่วชิงรับจดหมายเปื้อนเลือดไป จิตใจก็สับสน พวกนางต่างก็มาจากสำนักอู๋จี๋ ด้วยเหตุนี้ ความคิดของมู่หรงกวานเสวี่ย นางจึงเข้าใจดีราวกับตัวเองรู้สึกเอง อยากออกมาแต่ไม่กล้าออกมา คนสำนักอู๋จี๋แทบทุกคนต่างก็รู้สึกเช่นนี้ไม่มากก็น้อย 

 

 

“วางใจเถิด ข้าจะเอาจดหมายนี้ให้เจียงปิน” 

 

 

ได้คำมั่นสัญญาจากมั่วชิงแล้ว มู่หรงกวานเสวี่ยก็ดูเหมือนจะโล่งใจ ผ่อนคลายตัวลง 

 

 

“ขอบ…ใจ…เผาศพข้าด้วย ข้าไม่มีหน้าจะไปพบพวกเขา และไม่อยากตกอยู่ในกำมือของท่านอาจารย์…”