ตอนที่ 27-1 การพบกันอีกครั้ง

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“พระชายาฮวางแทจา กโยซึลขอรับ!”

 

 

เขาผู้นั้นที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ทีละนิด เป็นใบหน้าที่คิดถึง แต่ก็พยายามไม่พบเจอ ใบหน้าที่คิดถึง แต่ก็พยายามไม่นึกถึง เป็นใบหน้าที่พยายามจะลบและลืมไปเสียให้ได้

 

 

เขาวิ่งเข้าโผเข้ามาด้วยก้าวย่างที่ไม่มั่นคง เกือบจะหกล้มอยู่รอมร่อ น้ำเสียงสั่นๆ จากการพยายามวิ่งมาใกล้กระทบหู เมื่อได้ยินและรับรู้ถึงน้ำเสียงนั้นที่ตัวเองพยายามฝังกลบไว้ ในวินาทีนั้นเอง ความรู้สึกอันร้อนผ่าวก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจากก้นบึ้งสุดลึกของหัวใจ กโยซึลเคยคิดว่าตนไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว คิดว่าที่ผ่านมาเป็นแค่การพบเจอกับสหายคนหนึ่ง เพียงใช้เวลาทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน ใช้ชีวิตแบบนั้นไปทุกวัน พูดคุยสนทนาและหัวเราะกันไป ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แสร้งทำตัวตื่นเต้น ร่าเริงสนุกสนาน แล้วจินตนาการและความหวังลมๆ แล้งๆ จะจางหายไปเอง ทว่าในวินาทีที่ตนได้เห็นเงาของเขา กโยซึลก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่า จริงๆ แล้วมันไม่เคยดีขึ้นเลย

 

 

ในที่สุดรูแฮก็เดินเข้ามาใกล้กโยซึล จากนั้นรูแฮก็พูดกับกโยซึลด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า

 

 

“พระชายาฮวางแทจาจริงๆ ด้วย”

 

 

แม่นมของกโยซึลพาข้ารับใช้หลีกหายไปตอนไหนไม่ทราบ นี่คือทักษะพิเศษของแม่นมที่ดูแล

 

 

กโยซึลมาเป็นเวลานาน ทำให้เป็นถนนแห่งวังเหนือที่ร้างผู้คนนี้เหลือเพียงรูแฮกับกโยซึลเพียงสองคนหลังจากไม่ได้เจอกันนานกโยซึลพบว่ารูแฮซูบผอม และใบหน้าซีดเซียวลงเป็นอย่างมาก แต่ดวงตาทั้งสองคู่ของเขายังคงเปล่งประกายอยู่ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปที่กโยซึล หลังจากจ้องมองกโยซึลอยู่เพียงครู่ รูแฮก็คุกเข่าลง ที่จริงแล้วรูแฮผู้เป็นถึงฮวางเซจานั้น เพียงแค่คำนับกโยซึลก็เพียงพอแล้ว แต่เขาถึงกับทำความเคารพโดยการคุกเข่าลงข้างหนึ่งเหมือนกับตอนที่เขายังไม่ได้เปิดเผยบรรดาศักดิ์ของตนแก่กโยซึล

 

 

“ขอทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี เข้าเฝ้าพระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ระหว่างที่ลุกขึ้นมานั้น เขาก็เกิดอาการเซเล็กน้อยด้วยความดีใจและตื่นเต้น รูแฮรู้สึกเวียนหัวชั่วขณะจากการได้พานพบกับคนที่ตนเฝ้าคิดถึงในสถานที่ที่ไม่ได้คาดคิดเช่นนี้

 

 

“ยูอึลจิน!”

 

 

ในตอนที่รูแฮกำลังจะล้มลงนั่นเอง กโยซึลก็ได้คว้าแขนของเขาไว้ด้วยความตกใจ แต่เมื่อนางตระหนักขึ้นมาได้ว่าตนเรียกเขาว่าอะไร นางก็ถึงกับตกใจจนปล่อยมือและถอยหลังออกไป ‘ยูอึลจิน’ นั่นคือชื่อดั้งเดิมของรูแฮ ด้วยความเคยชินกโยซึลจึงเรียกเขาด้วยชื่อที่ตนเคยเรียกในตอนที่ยังไม่รู้ยศศักดิ์ของเขา แม้เป็นคำพูดที่พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่รูแฮกลับไม่ยอมปล่อยผ่าน เขารีบคว้ามือน้อยๆ ของกโยซึลซึ่งกำลังก้าวถอยหลังไปนั้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าของรูแฮเริ่มดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เขามองนางด้วยตาเป็นประกาย

 

 

“ทรงเรียกกระหม่อมว่าอย่างไรนะขอรับ”

 

 

“…”

 

 

“พระชายาฮวางแทจา ทรงเรียกกระหม่อมว่าเช่นไรนะขอรับ”

 

 

“…”

 

 

กโยซึลไม่ตอบคำถามพลางเอาแต่ก้าวถอยหลังไปด้วยใบหน้าซีดเผือด ส่วนรูแฮก็ก้าวตามกโยซึลที่ถอยหลังไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ยอมปล่อยมือนาง

 

 

“ทรงว่าอย่างไรนะขอรับ ทรงเรียกกระหม่อมว่าอย่างไรนะขอรับ ได้โปรดเรียกเช่นนั้นอีกสักครั้งได้หรือไม่ขอรับ ได้โปรดเถิด”

 

 

รูแฮที่ก้าวเข้ามาหากโยซึล พร้อมกับพูดขอร้องนางก้มศีรษะลงต่ำ เมื่อกโยซึลตัวสั่นและก้าวถอยหลังไป หยาดน้ำตาของรูแฮก็หยดลงที่พื้นดินแห้งข้างหน้า น้ำตานั้นทำให้พื้นดินเปียกชื้น

 

 

เราคิดถึงนางถึงเพียงนี้แท้ๆ

 

 

ตนตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องได้ครอบครองในสิ่งที่ตนต้องการเป็นครั้งแรก ทว่าก็ต้องระมัดระวังเพราะไม่อยากสร้างบาดแผลให้กับนาง เขาขบคิดแล้วขบคิดอีกว่าจะเข้าหานางอย่างไรดี เวลาของเขาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์เช่นนั้น ดังนั้นการบังเอิญมาพบกันในครั้งนี้ สำหรับเขาแล้วมันคือโอกาสทอง เขาร้องเรียกนางออกไปโดยไม่รู้ตัว พลางวิ่งเข้ามาหานางก่อนที่จะไตร่ตรองได้ว่ามันคือเรื่องบังเอิญหรือโอกาสกันแน่เสียด้วยซ้ำ แต่พอเมื่อได้ยืนอยู่ต่อหน้านางแล้ว เขากลับไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับการที่นางยืนทำตัวแข็งทื่อเช่นนี้ และยิ่งนางถอยหนีตนก็ยิ่งทำให้เกิดแผลในใจขึ้นอีก

 

 

“เจ้านั้น…”

 

 

รูแฮพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ตนไม่เคยเรียกหญิงคนใดเช่นนี้มาก่อน รูแฮที่รักษามารยาทกับ

 

 

กโยซึลเสมอ กลับเรียกนางโดยใช้คำว่าเจ้าเสียแล้ว

 

 

เป็นคำเรียกที่ออกมาจากหัวใจ

 

 

“เกลียดเรามากเลยหรือ โกรธมากเลยหรือ ใยถึงทำเหินห่างถึงเพียงนี้”

 

 

กโยซึลคิ้วขมวด คิ้วที่ขมวดมุ่นลงนั้นราวกับกำลังกดดันรูแฮ หน้าของนางซีดเผือด เมื่อรู้ตัวว่าตนได้ยื่นมือให้กับเขาโดยไม่รู้ตัว กโยซึลรีบปล่อยมือด้วยความตกใจ

 

 

ไม่ใช่นะเพคะ

 

 

กโยซึลไม่อาจตอบเช่นนี้ออกไปได้ จึงทำได้แต่พึมพำมันในใจ นางกุมมือทั้งสองข้างของตนเอาไว้แน่น เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเผลอยื่นมือไปจัดผมที่กระเซอะกระเซิงของรูแฮเข้าก็เป็นได้ ระหว่างที่สายตาอันเศร้าสร้อยจ้องมองไปที่รูแฮซึ่งกำมือทั้งสองของตนอย่างสั่นเทา และก้มหน้าอยู่นั้น กโยซึลก็หันหน้าหนีไปอย่างยากลำบาก นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการหันหลังให้เขาจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากถึงเพียงนี้ ที่จริงนางหันไปเพียงครึ่งตัวเท่านั้น กโยซึลรู้สึกหายใจลำบากและหมดแรงราวกับกำลังแบกรูแฮเอาไว้

 

 

เราต้องรีบออกไปจากที่นี่…

 

 

กโยซึลเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ นางรู้สึกว่ามันช่างอันตรายนัก ตนหวาดกลัว กลัวว่าความในใจจะถูกเปิดเผยออกไป แต่ในขณะที่กโยซึลกำลังจะก้าวเพื่อหันหนีไปนั้น รูแฮก็ร้องเรียกนางด้วยน้ำเสียงราวกับจะขาดใจ

 

 

“เราตัดสินใจแล้ว”

 

 

สำหรับเขาแล้วการจะเริ่มปริปากเอ่ยคำแรกมันยากมาก แต่เมื่อได้พูดออกมาแล้ว เขาก็เริ่มพูดต่อ

 

 

“เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เราจะเดินตามเส้นทางที่ตนเองต้องการ ไม่ใช่ที่คนอื่นขีดเอาไว้ให้อย่างที่เคยทำ เราจะเลือกเส้นทางที่ตรงกับใจเรา จะทำในสิ่งที่เราต้องการ”

 

 

ไหล่บอบบางของกโยซึลสั่นเทา เขาจ้องมองกโยซึลที่หันหลังไปแล้ว และเขาไม่หยุดที่จะสารภาพต่อไป

 

 

“เจ้าคือสตรีคนแรกที่เราอยากจะเปิดเผยความในใจให้รู้”

 

 

ไม่มีคำตอบใดออกมาจากปากกโยซึล มีเพียงสายลมอันเย็นยะเยือกพัดผ่านระหว่างเขาทั้งสอง หลังจากหายใจได้ครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง