“เจ้าเข้ามาหาเราพลางร้องไห้ไปด้วย ในวันที่อบอุ่นและสดใสแห่งฤดูใบไม้ผลินั้น เจ้าโผเข้ามาในอ้อมกอดของเรา และร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย”
ภาพจำเกี่ยวกับกโยซึลที่เพิ่งมาถึงมกกุกครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิครานั้น ที่พอเกี้ยวถูกเปิดออก รูแฮก็ได้พบกับกโยซึลที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด มันยังคงชัดเจนและตึดตรึงในตาของเขา ภาพนั้นลบไม่ออกและคอยตามหลอกหลอนรูแฮอยู่เสมอ น้ำตานั่น รอยยิ้มนั่น สตรีผู้นั้น ฝังแน่นในใจตนไยิ่งนัก ไม่สามารถหาเหตุผลและอธิบายด้วยหลักการใดได้เลย
“เราควรทำอย่างไร เจ้าเข้ามาหาเราก่อน แล้วเราก็ไม่อาจที่จะไล่เจ้าออกไปได้เสียด้วย”
ในที่สุดรูแฮก็สารภาพออกไปว่าที่จริงแล้วตนนั้นคิดอย่างไรตลอดเวลาที่ตนอยู่ข้างๆ นางในฐานะสหายคนหนึ่ง แม้ว่ามันจะดูเหมือนไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ทว่าไม่มีใครคิดว่านี่คือการสารภาพโดยกะทันหัน เพราะมันคือความในใจที่เพียงแค่ไม่ได้ถูกพูดออกมาแต่ก็รับรู้และรู้สึกได้อยู่ลึกๆ อยู่แล้วตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิครั้งนั้น ทว่าคำพูดย่อมมีน้ำหนักและทรงพลังกว่า การรู้กันอย่างลับๆ กับการที่พูดออกมาอย่างชัดเจนย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว การเอาแต่เก็บไว้ในใจกับการเปิดเผยออกมาด้วยคำพูดที่ชัดเจนก็เป็นสิ่งที่ต่างกันมาก
แปะ
รูแฮไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้จนมันไหลออกมา จนทำให้พื้นเบื้องหน้าของเขาเปียกชื้น เสียงของรูแฮแผ่วเบาและเชื่องช้าจนไม่อาจได้ยินอย่างชัดเจนหากไม่ตั้งใจฟัง ทว่ามันกลับปักลึกลงไปในใจกโยซึลอย่างชัดเจน
โอ ทำอย่างไรดี
กโยแฮไม่เข้าใจว่าเหตุใดรูแฮถึงได้กล้าพูดเช่นนั้นออกมา นางทั้งตกใจและหวาดกลัว จนแทบจะปกปิดเอาไว้ไม่อยู่ นางอยากจะหันกลับไปหาเขา แต่ก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ นางรู้ดีว่าหากตนหันกลับไปแล้วจะไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ แต่มันก็แค่นั้น กโยซึลทำได้เพียงแค่ไม่หันกลับไปหาเขาเพียงเท่านั้น นางไม่อาจก้าวเท้าออกห่างจากเขาได้เลย เพียงแค่จะขยับตัว ร่างกายก็แสดงออกชัดเจนว่ารังแต่จะหันกลับไป และเดินเข้าไปหาเขา
ดวงตาที่เปียกโชกของรูแฮนั้นมีแต่กโยซึลที่ตนจ้องมองจากทางด้านหลัง แต่ด้วยน้ำตาจึงทำให้ไม่อาจมองเห็นนางได้ชัดเจน น้ำตาที่พยายามจะกลั้นไม่ให้ไหลออกมา แต่ก็กลับเอ่อล้นออกมาทุกครั้ง ทำให้ภาพของกโยซึลเลือนรางไป นางยังยืนอยู่ไม่หนีไปไหน ถ้าหากว่าเดินเข้าไปใกล้อีกนิดก็จะสามารถคว้าตัวนางเอาไว้ได้แล้ว รูแฮเช็ดน้ำตาพลางเข้าไปใกล้กโยซึล แต่ทว่าร่างกายของนางสั่นระรัว ร่างบอบบางของ
กโยซึลสั่นอย่างน่ากลัว รูแฮไม่อาจเข้าไปใกล้กว่านี้ได้ ตาของเขากลับมาพร่ามัวอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบนางอีกหรือไม่ แต่ว่าน้ำตาก็ช่างไร้ความปราณี มันเอาแต่ไหลเอ่อล้นขึ้นมาจนไม่อาจมองเห็นกโยซึลได้อย่างชัดเจน
ตนก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมจึงถูกดึงดูดด้วยภาพจำในตอนนั้นถึงเพียงนี้ ตอนที่ประตูเกี้ยวเปิดออกและเผยให้เห็นนางที่กำลังยิ้มและร้องไห้ ตั้งแต่บัดนั้นสตรีผู้ที่ชุดผ้าแพรเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาก็ได้เข้ามาอยู่ในใจของรูแฮ
รูแฮที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าอันอ่อนละมุน และโอบกอดตนด้วยใบหน้านิ่งเฉยได้เปิดหัวใจของ
กโยซึลออก ในช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นกโยซึลไม่มีทางหักห้ามใจได้ ทว่าในตอนนี้ดวงตะวันกำลังสาดแสงร้อนแรง มันเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว
“เราคือพระชายาขององค์ฮวางแทจา”
กโยซึลพูดออกไปแล้วด้วยความยากลำบาก นี่คือสิ่งเดียวที่กโยซึลสามารถทำได้ และด้วยคำพูดนั้น จึงทำให้นางสามารถหลุดออกมาจากที่แห่งนั้นได้ ทว่ารูแฮผู้ซึ่งถูกบั่นทอนกำลังใจนั้นยังคงไม่อาจพาตน
ออกมาจากที่นั่นได้ หากในวันที่กโยซึลมาถึงพระราชวังมกกุกเป็นครั้งแรก คนที่มารับนางที่เกี้ยวเป็นบีพาอัน ไม่ใช่รูแฮ จะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือไม่ มันคงจะไม่เกิดเรื่องที่เจ็บปวดเช่นนี้
ดวงตะวันสาดส่งไปที่กโยซึลและรูแฮที่เผชิญหน้ากันด้วยความโศกเศร้า และต้องหันหนีจากกันอย่างลำบาก เงาที่สับสนวุ่นวายของทั้งคู่ทอดยาว
***
กโยซึลกลับมาถึงวังตะวันออกอย่างยากลำบาก โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองมาถึงได้อย่างไร นางเดินกลับมายังตำหนักดงบีที่พักของตนอย่างไร้สติ ก้าวเดินของนางหนักอึ้ง เมื่อก้าวผ่านประตูใหญ่เข้ามา แม่นมก็ลุกรี้ลุกรนวิ่งเข้ามารับนาง แม่นมกลับมาถึงก่อนและเฝ้ารอนายของตนอย่างว้าวุ่นใจ
“พระชายา! ทรงกลับมา…พระชายา! พระชายาเพคะ!”
แม่นมยังพูดไม่ทันจบ ก็ต้องโอบกอดกโยซึลที่ล้มตัวลงในอ้อมอกตนไว้ นางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่วังเหนือ จึงทำให้ร่างกายของกโยซึลร้อนได้ถึงเพียงนี้ ราวกับว่าดวงอาทิตย์ดวงเล็กได้เข้าไปอยู่ในร่างนาง
“พระชายา ขอทรงประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย หม่อมฉันคิดสั้นเกินไป เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ ได้พบท่านคนนั้นหรือไม่”
“…คุณแม่…”
หูของกโยซึลอื้ออึง ศีรษะวิงเวียน แม่นมกำลังพูดอะไรบางอย่าง ทว่าตนไม่อาจจับใจความได้ เสียงนั้นรังแต่จะทำให้ตนรู้สึกวิงเวียนศีรษะมากขึ้น แม่นมมองเข้าไปในดวงตาที่เหม่อลอยของกโยซึล แล้วนางก็ร้องไห้ออกมา ทั้งๆ ที่ตนตั้งใจทำเพื่อเจ้านายของตนแท้ๆ แต่ผลที่ออกมาทำไมมันถึงยุ่งเหยิงไปเสียได้
เหตุใดวันนี้ตนถึงได้พากโยซึลไปยังวังเหนือ แล้วเหตุใดถึงได้บังเอิญไปเจอเขาได้ ทำไมเขาถึงได้มาตามหาเจ้านายตน ทุกสิ่งทุกอย่างยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดราวกับว่ามันกำลังกลั่นแกล้งเจ้านายของตนอยู่
“นี่! มัวทำอะไรกันอยู่ รีบมาพาพระชายาไปที่ห้องบรรทมเร็วเข้า!”
แม่นมรีบเรียกข้ารับใช้ด้วยความร้อนใจ เสียงอันรีบร้อนของนางทำให้บรรดาซังกุงทั้งหลายรีบพากันวิ่งออกมา พวกนางกุลีกุจอ พากันนำตัวกโยซึลเข้าไปที่ห้องบรรทมได้ในที่สุด ความจริงแล้วกโยซึลถูกประคองกึ่งลากไปเสียด้วยซ้ำ กโยซึลปล่อยตัวให้ถูกประคองไปทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยว่าจะถูกพาไปที่ใด ในระหว่างที่ถูกลากไปนั้น หัวใจของนางเต้นแรงจากการที่เพียงแค่ได้พบเจอกับคนที่ไม่ควรพบเจอกันคนนั้น