รูแฮผู้ถูกทิ้งไว้ลำพังกำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น 

 

 

ตนนั้นกำลังเดินทางไปพบเซจา บินซอง ชายาของบินซองใกล้คลอดแล้ว บินซองจึงต้องการตั้งชื่อลูกของตนโดยเร็ว จึงเรียกให้รูแฮไปหา แม้ออฮยูลเจอยากจะเป็นคนตั้งให้ ทว่าบินซองกลับดื้อดึง ยืนยันจะตั้งชื่อให้ลูกของตนด้วยตัวเอง แต่กระนั้นเขาก็ยังเรียกรูแฮให้มาช่วย ช่างย้อนแย้งเสียจริง 

 

 

“ถ้าเรียกเรามาด้วยเหตุผลนี้ มันไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของเจ้าหรอกหรือ” 

 

 

“เพราะฮวางเซจาฉลาดกว่ากระหม่อม ชื่อที่ทรงตั้งให้ก็ย่อมต้องดีกว่า แม้กระหม่อมจะอยากตั้งเอง แต่ก็อยากได้ชื่อที่ดีที่สุดด้วยขอรับ” 

 

 

“เจ้านี่นะ” 

 

 

ตรรกะแปลกประหลาดของบินซองทำให้รูแฮขบขัน บินซองผู้ซึ่งกำลังจะมีลูกในช่วงอายุที่ยังไม่ถึงยี่สิบปีเสียด้วยซ้ำนั้น ได้ไปวังใต้ทุกเมื่อเชื่อวัน รบเร้ารูแฮให้ไปวังเหนือ ด้วยท่าทีตื่นเต้นของบินซองนั้น มันได้ถ่ายทอดความชื่นชมยินดีมายังรูแฮด้วยเช่นกัน ถึงขั้นแบกสังขารตัวเองที่เดินโซเซมุ่งหน้าไปยังวังเหนือ แม้ตนจะมาถึงยังวังเหนือแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจเข้าไปในตำหนักบุกชอนอันเป็นที่พักของบินซองได้เลย ตนเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ ณ ที่ที่นางเคยยืนอยู่ ณ ที่ที่นางเคยยืนตัวสั่นเทา โดยที่ก็ไม่รู้ว่าตนจะสามารถพาตัวเองออกไปจากที่นี่ได้เมื่อใด 

 

 

“เราจะทำอย่างไรดี” 

 

 

เขาตั้งใจกับตัวเองว่าจะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการจริง แต่ปฏิกิริยาจากกโยซึลก็ทำให้ความมุ่งมั่นของรูแฮหยุดชะงัก กโยซึลคือผู้ที่ทำให้รูแฮตัดสินใจทำสิ่งที่ยากเช่นนี้ได้ และก็เป็นกโยซึลที่ช่วยให้เขาปลดเปลื้องความทุกข์ทรมานใจที่ต้องพบเจอมาตลอดหลายได้ในชั่วพริบตาเดียว 

 

 

‘เราคือชายาเอกขององค์ฮวางแทจา’ 

 

 

มีเพียงประโยคนั้น 

 

 

ไม่มีทั้งคำตอบสนองต่อความในใจของรูแฮและไม่มีแม้การเปิดเผยความในใจของกโยซึล ไม่มีเลย เขาไม่อาจคาดเดาหัวใจนางได้เลย หากทางที่นางต้องการคือการเป็น ‘พระชายาเอกแห่งองค์ฮวางแทจา’ เพียงเท่านั้น เช่นนั้นแล้วหัวใจของตนที่ตัดสินใจจะเดินเส้นทางใหม่นั้นจะต้องมุ่งหน้าไปที่ใด 

 

 

“เรา” 

 

 

ภาพแผ่นหลังของกโยซึลที่สั่นเทาอยู่เบื้องหน้าตนได้ผุดขึ้นมา รูแฮยื่นมือไปยังภาพของกโยซึลที่ปรากฏในจินตนาการของตน เขากำหมัดแน่นก่อนที่จะคลายมันออกอย่างรวดเร็ว 

 

 

“…” 

 

 

เขาพึมพำกับตัวเองพลางมองลงไปที่มือของตน จนในที่สุดรูแฮก็ก้าวเดินออกไปได้ เขามุ่งหน้าไปยังวังใต้ ด้วยดวงตาแวววาวราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ 

 

 

“หากสิ่งที่เจ้าต้องการคือการเป็นพระชายาเอกของฮวางแทจา เราก็จะปล่อยเจ้าไป” 

 

 

เขาเองก็ไม่เคยคิดจะบังคับให้นางต้องทำอะไรที่ขัดเจตจำนงของตนเอง เพียงต้องการทำให้แน่ใจว่านางคิดเหมือนกันกับตนหรือไม่ แม้จะไม่ได้ฟังความในใจจากนาง ทว่าในตอนนี้เส้นทางที่นางเลือกคือการเป็นพระชายาของฮวางแทจา 

 

 

“แต่ถ้าหากทางที่เจ้าเลือก ดูแล้วอย่างไรก็ไม่มีความสุข” 

 

 

รูแฮรู้ดีว่าฮวางแทจาปฏิบัติเช่นไรต่อพระชายารองของตน เช่นเดียวกับข่าวลือเกี่ยวกับชายาคนอื่นๆ ของบีพาอันด้วย ถ้ามันคือหนทางแห่งความเหงาและเดียวดายเช่นนั้นล่ะก็ รูแฮเองก็ไม่อาจปล่อยให้นางต้องไปยังหนทางนั้นได้โดยง่าย 

 

 

“ต้องขออภัยด้วย แต่เราไม่อาจปล่อยให้เจ้าต้องเดินเส้นทางนั้นได้จริงๆ” 

 

 

ที่ตนเคารพความตั้งใจของกโยซึลนั้น ก็เพียงเพราะตนอยากให้นางมีความสุข แม้มันจะต่างจากความตั้งใจของตนสักแค่ไหนก็ตาม ทว่าหากนางจะต้องประสบความทุกข์ยากแล้วล่ะก็ ตนก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อคว้านางเอาไว้ 

 

 

“นี่คือครั้งสุดท้าย” 

 

 

เขาเผชิญหน้ากับกโยซึล และยืนยันหัวใจของตนอีกครั้งต่อหน้านางแล้ว อีกทั้งยังรับรู้ถึงความตั้งใจของนางแล้วด้วย เช่นนั้นแล้ว คนที่เขาต้องไปพบจึงเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น 

 

 

*** 

 

 

ตั้งแต่กลับมาจากวังเหนือ กโยซึลก็นอนป่วยมาตลอด ไฟไข้ที่เผาร่างกโยซึลอยู่นั้นไม่ยอมลดลงไปง่ายๆ กโยซึลที่พิษไข้รุมล้อมไม่อาจควบคุมสติของตนเองได้เลย นางละซึ่งทุกสิ่ง นอนซมอยู่บนที่นอนโดยไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นมาได้เลย แม่นมอยู่เคียงข้างนางไม่ห่างไปไหน พร้อมด้วยเหล่าซังกุงที่คอยนำน้ำเย็นมาเช็ดตัวให้หลายต่อหลายครั้งเพื่อช่วยลดไข้ให้นาง 

 

 

แพทย์หลวงมาตรวจอาการของนางวันละหลายสิบครั้ง กโยยองกับสนมซาเองก็มาเยี่ยมนางหลายครั้งเช่นกัน ในวันที่สามของการป่วย แม้แต่โอรันที่เคยทำกิริยาไม่ดีใส่ก็ยังมาเยี่ยมนางพร้อมองค์ชายมู บุตรชายของตน โอรันมานั่งร้องไห้แล้วก็กลับไป ส่วนเซจา บินซองเองก็มาเยี่ยมวันละครั้งในทุกๆ วัน เนื่องจากเขาตกใจที่ได้ยินว่ากโยซึลล้มป่วยหลังกลับมาจากวังเหนือ ในตอนนี้มีคนมาเยือนตำหนักดงบีมากกว่าตอนที่กโยซึลมีสภาพปกติเสียด้วยซ้ำ ถึงขนาดนี้แล้วบีพาอันที่ควรจะมาเยี่ยม มาดูอาการของชายาตน ก็ไม่ปรากฏตัวมาแม้แต่เงาเลยสักครั้ง 

 

 

“โอย” 

 

 

แม่นมถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางจุ่มผ้าลงในภาชนะใส่น้ำ หลังจากผ้าเปียกชุ่มด้วยน้ำเย็นแล้ว นางจึงบิดผ้าให้หมาด แล้วนำมาเช็ดตัวกโยซึลอย่างเอาใจใส่ ระหว่างเช็ดตัวให้ นางก็สัมผัสร่างกายอันซูบผอมของกโยซึลไปด้วย พลันแม่นมก็น้ำตาไหลพราก 

 

 

“พระชายาเพคะ โถ่ถัง พระชายาของหม่อมฉัน ทรงปลดปล่อยจิตใจให้หลับลึกเหลือเกินเพคะ” 

 

 

กโยซึลนอนอยู่บนเตียง สวมเพียงชุดกระโปรงผ้าแพรบางๆ เพียงเท่านั้น แม่นมยกผ้าห่มขึ้นแล้วเช็ดตัวให้นางครั้งแล้วครั้งเล่า นางพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ไข้ของกโยซึลลด 

 

 

“อืม…” 

 

 

เปลือกตาของกโยซึลเริ่มขยับ นางส่งเสียงแผ่วเบาออกมา แม่นมที่กำลังเช็ดคอให้นางนั้น ตกใจจนคว้ามือของนางไว้แน่น  

 

 

“พระชายา พระชายา ทรงรู้สึกตัวแล้วหรือเพคะ” 

 

 

“…แม่นม” 

 

 

“หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ กำลังจับมือพระชายาอยู่ มันเกิดเหตุอันใดขึ้นหรือเพคะ ฝ่าพระบาททรงตรัสอะไรรุนแรงกับพระชายาหรือเพคะ” 

 

 

แม่นมรบเร้าถามกโยซึลด้วยความร้อนใจ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่วังเหนือ เพราะหลังจากที่ 

 

 

กโยซึลพบกับรูแฮโดยบังเอิญเข้า แม่นมกับซังกุงทั้งหลายก็พากันกลับไปยังวังตะวันออก ทิ้งกโยซึลไว้เบื้องหลัง จากนั้นแม่นมก็ได้พบกับบีพาอันที่กำลังตามหากโยซึลอยู่ นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่นางรู้ในตอนนี้ 

 

 

“ฝ่าพระบาทหรือ”  

 

 

กโยซึลทำหน้านิ่วคิ้วขมวด