บทที่ 6 นอนด้วยกัน
ซูเฉินสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง น้ำบนพื้นก็หายไป เขายิ้มน้อย ๆ ก่อนเอ่ยกับเยี่ยเม่ย “เอาล่ะ หากไม่มีอะไรแล้ว เจ้าก็ไปนอนเถอะ”
“อืม” เยี่ยเม่ยนอนลงบนเตียงอย่างเชื่อฟัง
ซูเฉินก็ทำการทดลองต่อไป
แต่เมื่อเยี่ยเม่ยเอนหลังลงนอน นางก็ยังไม่หลับตา หากแต่นอนมองซูเฉินง่วนกับการทดลอง
“ซูเฉิน”
“อะไร ?” ชายหนุ่มถามขณะค่อย ๆ เอาเข็มทิ่มมือตนเอง บีบเลือดหยดหนึ่งลงบนกระดาษทดลองที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะผสมมันเข้ากับของเหลวอื่น ๆ
“หากข้านอนเตียงเจ้า แล้วเจ้าจะไปนอนที่ไหน ?”
“ข้ากำลังค้นคว้าสายเลือดของเฮ่อซื่ออยู่ คืนนี้ไม่นอน” ซูเฉินตอบทั้งที่ยังก้มหน้า
“อ้อ” เยี่ยเม่ยตอบรับ ดูผิดหวังเล็กน้อย
อีกครู่หนึ่ง เยี่ยเม่ยก็พลันเรียกเขาอีก “ซูเฉิน”
“หือ ?”
“หากไม่นอน พรุ่งนี้จะไม่เหนื่อยหรือ ?”
“พวกเราต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญพลัง ไม่นอนสักคืนจะเป็นไรไป ?” กระดาษทดลองของเขาพลันระเบิดกลายเป็นควันคลุ้ง ซูเฉินจ้องมันแล้วขมวดคิ้วกล่าว “ข้าทำพลาดเลย… เจ้าอย่าคุยกับข้า ข้าต้องมีสมาธิทำการทดลอง”
“อ้อ” เยี่ยเม่ยรู้สึกผิดเล็กน้อย
นาวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเรียกอีก “ซูเฉิน”
“หากมีอะไรจะพูดก็พูดมาทีเดียวเลยได้หรือไม่ ? ให้ตายสิ” ซูเฉินเอ่ยเสียงอย่างจนใจ
“จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก ข้านอนไม่หลับ เจ้าคุยเป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่ ?”
“…ไม่ได้ ข้ายุ่งอยู่” ซูเฉินปฏิเสธ ไร้ซึ่งความสนใจ
เยี่ยเม่ยจึงเบิกตามองเขาด้วยความโกรธ
จากนั้นก็ทำหน้ามุ่ยเอ่ยคำขึ้น “พลาด… พลาด… พลาด…. บึ้ม !”
บึ้ม !
เกิดควันขาวพุ่งขึ้นจากกระดาษทดลองอีกครา
ซูเฉินหน้าคว่ำทันใด เยี่ยเม่ยเอ่ยคำด้วยใบหน้าใสซื่อ “ข้าไม่ได้คุยกับเจ้านะ”
ซูเฉินจึงเมินนางเสียแล้วทำการทดลองต่อ
เยี่ยเม่ยก็จ้องซูเฉินต่อ ทั้งยังแช่งให้เขาทำพลาดต่อไปเรื่อย
แต่โชคร้ายที่ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่เสียสมาธิ และทำการทดลองได้สำเร็จในที่สุด
เขาจ้องขวดของเหลวด้วยความยินดีพลางเอ่ย “เอาล่ะ เยี่ยเม่ยที่รัก เจ้าเลิกกวนข้าสักทีได้หรือยัง ? ข้าต้องทำการทดลองสำคัญจริง ๆ วันนี้โชคเข้าข้างข้านัก ทุกอย่างที่ลงมือทำถึงตอนนี้ล้วนเป็นไปได้ด้วยดี ไม่แน่ข้าอาจทดลองเจ้านี่เสร็จโดยเร็วก็เป็นได้”
“ทำพรุ่งนี้ไม่ได้หรือ ?”
“พรุ่งนี้เราต้องรีบร้อนนัก อีกทั้งโชคของวันนี้อาจไม่ส่งผลถึงวันพรุ่งนี้ ข้าต้องรีบตีเหล็กตอนยังร้อน” ซูเฉินเริ่มลงมือในขั้นตอนต่อไป
เยี่ยเม่ยยังมุ่ยหน้าทำตัวเกเรไม่หยุด
ถึงตอนนี้นางไม่คิดนอนต่อแล้ว เมื่อเห็นว่าแช่งแล้วยังไร้ผล สายตานางก็ดูลุกลี้ลุกลน ก่อนยกแขนขึ้นถอดชุดคลุมที่ซูเฉินให้ไว้เมื่อก่อนหน้า เผยให้แขนเรียวงามดั่งหยก
ซูเฉินมือสั่น เกือบจะทำยาเสียไปแล้ว
เยี่ยเม่ยยังถอดต่อ พริบตาต่อมานางก็ดึงเกาะอกให้หลวมออกมาอีกหน่อย เผยให้เห็นร่องอกเนียนครึ่งบน
ซูเฉินพลันเสียการควบคุม
บึ้ม !
ยาถูกทำลายลงอีกครั้งหนึ่ง
“……” ซูเฉินหันมา “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ?”
“ก็ถอดเสื้อก่อนนอนไง” เยี่ยเม่ยว่าหน้าตาโกรธ “เจ้ามีปัญหาหรือ ?”
ซูเฉินเหลือบมองหน้าอกนางที่ถูกดันออกมาเล็กน้อยก่อนกลืนน้ำลายลงคอ “เจ้าช่วยเกรงใจคนรอบข้างบ้างได้หรือไม่ ?”
“เจ้าก็สนแต่เรื่องทดลองของเจ้าอยู่แล้วนี่” เยี่ยเม่ยว่า นางพลันคลี่ยิ้ม “ใช่แล้ว เจ้ามีสมาธิทำการทดลองอยู่ไม่ใช่หรือ ? แล้วเห็นว่าข้าถอดเสื้อได้อย่างไรกัน ? อ้อ รู้แล้ว จริง ๆ เจ้าไม่ได้อยากทำการทดลอง แต่เจ้าแอบมองข้าสินะ !”
ซูเฉินกลอกตาไม่พอใจ “เอาล่ะ ข้าเริ่มกลัวเจ้าแล้วนะ หากเจ้าอยากถอด เช่นนั้นก็ถอดไปเถอะ หากสามารถก็ถอดมันออกมาให้หมดเลยก็ได้ เพราะข้าง่วนอยู่กับการทดลอง ไม่มีเวลาไปมองเจ้าหรอก”
พูดจบเขาก็หันหลังกลับไปทำงานต่อ
เยี่ยเม่ยจ้องซูเฉินด้วยความโกรธ
ผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ นางก็โดดลุกขึ้นมา
ซูเฉินมีประสบการณ์แล้ว ทุกครั้งที่ทำการทดลองสำเร็จหนึ่งขั้นก็จะเหลือบมองเยี่ยเม่ยเพื่อป้องกันไม่ให้นางทำอะไรแปลก ๆ อีก เมื่อเห็นว่านางลุกขึ้นมา เขาจึงถอยไปหนึ่งก้าวโดยสัญชาตญาณ “เจ้าจะทำอะไรน่ะ ?”
เขาทำหน้าราวกับกำลังจะถูกล่วงเกินเสียอย่างนั้น
เยี่ยเม่ยหัวเราะ “เจ้าจะกลัวอะไร ? ข้าแค่อยากมาดูเจ้าทดลองเท่านั้น ข้าจะไม่พูด จะยืนดูอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น แค่นี้ก็ไม่ได้หรือ ?”
“หากไม่มีพื้นฐานบ้าง ดูไปก็ไม่รู้เรื่อง”
“ก็ขอแค่ดูเถอะน่า !” เยี่ยเม่ยพยายามกล่อม
“…… เจ้าห้ามแตะสิ่งใดหรือห้ามพูดสักคำ” ซูเฉินจึงยอมตกลง
เยี่ยเม่ยเดินเข้ามาดูเขาทำการทดลอง
นางยืนใกล้มาก ชุดที่นางสวมก็เปิดเผยไม่น้อย กลิ่นหอม ๆ ลอยผ่านจมูกซูเฉิน ส่งผลให้จิตใจสั่นไหวไปมารุนแรง
ชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์แล้วถอยออกไปสองสามก้าว หากแต่เยี่ยเม่ยก็ตามมาไม่ห่าง
คนถึงถอยคนหนึ่งรุก จนกระทั่งซูเฉินถอยชนมุม
ซูเฉินจนใจอีกครั้ง “ทำไมเจ้าถึงเข้ามาใกล้นัก ?”
เยี่ยเม่ยตอบกลับเสียงมั่น “ก็ข้าอยากมาดู หากไม่ยืนดูใกล้ ๆ มันจะเห็นหรือ ?”
“แล้วเจ้าจะเห็นอะไรกัน ?” ซูเฉินเอ่ยเสียงหมดหนทาง
“เจ้ามองได้แล้วข้ามองบ้างไม่ได้หรือ ?” เยี่ยเม่ยกอดอก หน้าอกหน้าใจที่ค่อนไปทางแบนพลันถูกดันออกมายามนางกอดอก
ซูเฉินชี้นิ้วใส่นางอย่างไร้อำนาจ “ข้าจะพูดอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น อย่าเข้ามาใกล้ อย่าพูด แล้วก็อย่ากวนสมาธิข้า !”
เยี่ยเม่ยพยักหน้ารับรัว ๆ
ซูเฉินจึงทำการทดลองต่อ
เยี่ยเม่ยไม่กวนสมาธิเขาเอง เพียงแต่ยืนมองเงียบ ๆ เท่านั้น
หากแต่ซูเฉินกลับจิตใจไม่สงบ คอยหันไปมองอยู่ตลอด เมื่อสมาธิถูกแบ่งไปมากเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่จะทดลองล้มเหลวหลายครั้งติดต่อกัน
เยี่ยเม่ยหัวเราะคิกเสียงเบาก่อนทำหน้าล้อเลียนเขา ราวกับอยากบอกว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะฝีมือนางนะ
ซูเฉินถอนหายใจ เขาได้แต่ทำการทดลองต่อไปทั้งอย่างนั้น
แต่เขาก็หนักแน่นไม่น้อย ยังกัดฟันทำการทดลองต่อไป
หากแต่ครู่ต่อมา เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างปัดผ่านด้านหลัง
พอหันไปก็พบกับผมสองเส้นของเยี่ยเม่ยที่ปัดผ่านหลังคอ เกิดเป็นความรู้สึกแปลก ๆ
ซูเฉินปัดมันออก หากแต่พริบตาต่อมาความรู้สึกแปลก ๆ นั่นก็เกิดขึ้นอีก
ซูเฉินรีบหันไป เห็นเยี่ยเม่ยกำลังเป่าลมใส่เขา พยายามเป่าผมตนเองให้ลอยมาตกบนร่างเขา
เห็นเขาหันมา เยี่ยเม่ยก็รีบหุบปากทันที
แต่นางรู้ว่าเขาจับนางได้แล้วจึงพึมพำขึ้น “เจ้าบอกแค่ว่าห้ามเข้าใกล้กับห้ามพูด ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เป่าผมนี่”
ซูเฉินได้ยินแล้วก็พูดไม่ออก
เยี่ยเม่ยเห็นสายตาอีกฝ่ายแล้วก็บิดตัวไปมา ยังพึมพำต่อ “ความผิดเจ้าที่ไม่ยอมอยู่เป็นเพื่อนข้าอย่างไร ข้าก็จะกวนเจ้าไปอย่างนี้ล่ะ……”
นางพูดไม่ดังนัก ทว่าซูเฉินก็ได้ยินชัดเจน
ซูเฉินกลอกตา “ก็ได้! ข้ายอมแพ้ ไม่ทำแล้วการทดลอง พอใจหรือไม่ ?”
เขาวางขวดยาลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปนอนบนเตียง
เยี่ยเม่ยเห็นแล้วก็เริ่มร้อนรน “เฮ้ย นั่นมันเตียงข้า”
“เตียงข้าเถอะ หากเจ้าไม่ให้ข้าทำงาน เช่นนั้นข้าก็ได้แต่กลับมานอนพักเท่านั้น”
“แล้วข้าเล่า ?”
“ข้าจะไปรู้หรือ ?” ซูเฉินหันหน้าไปด้านใน เผื่อที่ให้เยี่ยเม่ย “หากเจ้าไม่คิดว่ามันแน่นเกินไปก็มาเบียดบนนี้กับข้าได้”
“เรื่องนี้…” เยี่ยเม่ยพบว่าตนแกล้งเขาแต่มันกลับย้อนมาเล่นงานนางเสียเอง
“อะไร ? เจ้าไม่กล้าขึ้นมาหรือ ?” ซูเฉินเอ่ย
“ใครว่าไม่กล้า ?” เยี่ยเม่ยเริ่มโกรธแล้วปีนขึ้นไปจริง ๆ
พอขึ้นมาแล้ว นางก็เริ่มกลัวในใจแล้วกล่าวขึ้น “เอ่อ…… เจ้าคงไม่ทำอะไรข้าใช่หรือไม่ ?”
ซูเฉินถามกลับเสียงคร้าน “เจ้าหวังจะให้ข้าทำอะไรเจ้า ? หรือหวังไม่ให้ข้าทำเล่า ?”
“ข้า…… ย่อมต้องหวังไม่ให้เจ้าทำอะไรข้าสิ พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ” เยี่ยเม่ยเอ่ยเสียงต่ำ แต่ใจเริ่มเต้นแรงขึ้น
นี่ข้าหวังให้เขาทำงั้นหรือ ?
หรือจะหวังให้เขาไม่ทำอะไร ?
ยิงคิดก็ยิ่งสับสน นอนคิดไปอย่างนั้นไม่นานก็ผล็อยหลับไปช้า ๆ
หลังจากนางหลับไปแล้ว ซูเฉินที่เหมือนจะหลับไปแล้วกลับค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
เขาหันมามองเยี่ยเม่ยที่หลับไปแล้ว พอเห็นขนตายาวของนางก็กดความรู้สึกอยากในใจไม่ได้ จูบแก้มนางไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับไปนอนต่อ
หากแต่ไม่ว่าจะพลิกซ้ายพลิกขวาแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่อาจข่มตาหลับ
…มั่นใจได้อยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือคืนนี้เขาคงไม่ได้หลับฝันดีแน่