เถ้าแก่เหลียงเบิกตากว้าง เขาหันไปมองหน้าหยางโป และหันกลับไปมองตาอ้วนหลิวอีกครั้ง
“ งานนี้ผมไม่ทำแล้ว ! ”
ตาอ้วนหลิวรีบพูดกล่อม “ เฮ้อ เหล่าเหลียง นี่คุณหมายความว่าไงนะ ? ”
เถ้าแก่เหลียงส่ายหน้า “ ธุรกิจนี้ทำกันต่อไม่ได้แล้วจริงๆ ถ้าคุณบอกว่าคนผู้นี้มาต่อรองราคา ผมก็พอจะรับได้หน่อย แต่ถ้าคุณมาต่อรองราคาเองจริงๆ ผมว่าไม่ทำดีกว่า ! ”
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง มีสีหน้าตกใจ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร เขาหันไปมอง
ฮัวชิงหยุน ฮัวชิงหยุนก็ส่ายหน้าให้เช่นกัน
ตาอ้วนหลิวดึงเถ้าแก่เหลียงเข้ามาหา “ เหล่าเหลียง คุณอย่าทำแบบนี้ เค้กอยู่ในมือแล้วไม่กิน
ต่อให้กินสักนิดสักหน่อย มันก็เป็นเค้กไม่ใช่หรือไง ? ”
เถ้าแก่เหลียงพูดไม่ออก เขาชายตามองตาอ้วนหลิว “ คุณต่อรองราคาให้มันเบาๆหน่อย อย่ามาตัดราคากันมากเกิน ! ”
เริ่มแรกหยางโปยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ แต่ต่อมา เขาก็เข้าใจทันทีว่า เพราะเขาจะได้เห็นการต่อรองครั้งหนึ่งที่ร้อนแรงและดุเดือดที่สุดในชีวิตนี้เอง !
ตาอ้วนหลิวพูดจนน้ำลายลอยฟุ้ง ระบุข้อบกพร่องแต่ละข้อออกมา พูดซะจนกระบี่สามเล่มนี้ไร้ค่า จนทำให้หยางโปเกิดภาพหลอนจนเขาไม่อยากได้กระบี่สามเล่มนี้อีกต่อไปแล้ว !
เริ่มแรกเถ้าแก่เหลียงยังคงยึดราคาเดิม แต่สุดท้าย ก็ยืนหยัดทนต่อไปไม่ไหวอีก แนวป้องกันก็ค่อยๆพังทลายลงโดยตาอ้วนหลิว ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละของเขา ในที่สุดราคาซื้อขายสุดท้ายของกระบี่สามเล่มนี้จึงเหลือเพียง สามหมื่นหยวน !
ฮัวชิงหยุนที่นั่งด้านข้าง ถึงกับอ้าปากค้าง เธอหันไปมองหน้าหยางโป “ ฉันกำลังคิดอยู่ว่า ครั้งหน้าถ้าไปซื้อเครื่องสำอาง ควรลากพี่หลิวไปด้วยกันไหม เขาต่อรองราคาได้เก่งมาก ”
หยางโปมองใบหน้าที่ซีดเผือกของเถ้าแก่เหลียง และพยักหน้าลงให้ “ เฉียบ เฉียบจริงๆ ! ”
เถ้าแก่เหลียงยกมือปัด “ สามหมื่นถูกเกินไป ไม่ได้ ไม่มีทาง !! ”
“ เมื่อครู่คุณตกลงแล้ว ตอนนี้มากลับคำได้ไง ? ” ตาอ้วนหลิวพูดอย่างโกรธเคือง
เถ้าแก่เหลียงดูไม่พอใจเอามากๆ แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาอดที่จะส่ายหัวให้ไม่ได้
“ ผมไม่ควรต้อนรับคนอย่างคุณ นี่มาเพื่อทำให้ผมเสียเงินชัดๆ ! ”.ไอลีนโนเวล.
ตาอ้วนหลิวหัวเราะ “ พี่ชาย วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่น ผมไม่มีทางมาออกหน้าให้แน่นอน ”
หยางโปนั่งฉีกยิ้มอยู่ด้านข้าง “ เอาล่ะ กระบี่สามเล่มนี้ผมเอาไปแล้วนะ ”
ตาอ้วนหลิวขึงตาให้หยางโป “ นายไม่จ่ายเงิน ก็เอาของไปเลยเหรอ ? ”
“ คุณไม่มีเงินเหรอ ? แค่สามหมื่นหยวนก็ไม่มีเลยเหรอ ? ” หยางโปถาม
ตาอ้วนหลิวตาโตจ้องหน้าหยางโป “ ถือว่านายเก่ง ต่อจากนี้อย่าหวังนะว่าฉันจะช่วยนายต่อรองราคาอีก ! ”
หยางโปหัวเราะดังลั่น เขาดูออกว่าตาอ้วนหลิว ดูเหมือนจะพอใจอย่างมากกับทักษะการเจรจาต่อรองของเขาและตั้งใจจะแสดงทักษะด้วยซ้ำไป
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเถ้าแก่เหลียงได้ยินคำพูดประโยคนี้ ดวงตาจะเป็นประกายและพูดว่า “ ในเมื่อเถ้าแก่หลิวไม่ช่วยต่อรองราคาให้อีกแล้ว งั้นผมก็จะพูดตรงๆเลยละกัน ผมยังมีกระบี่อยู่สองสามเล่มอยู่ที่นี่ พวกคุณอยากดูอีกไหม ? ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาหันไปมองเถ้าแก่เหลียง “ ไม่มั้ง แผนการนี้ของคุณลึกล้ำเกินไปหรือเปล่า ? ”
หยางโปรู้ดีว่าของที่เอาออกมาทีหลังต้องเป็นของดีแน่นอน อีกฝ่ายวางแผนไว้นานแล้ว
ตาอ้วนหลิวโบกมือแล้วนั่งลงและมองไปที่โต๊ะ “ ให้ลูกน้องคุณช่วยชงชาให้ผมสักถ้วยสิ ผมจะไม่ต่อรองราคาด้วยแล้ว ”
เถ้าแก่เหลียงดีใจและหันหน้าตะโกนเข้าไปด้านใน ” ยกชาหลงจิ่งที่โปรดปรานของเถ้าแก่หลิวมากาน้ำชาหนึ่ง ให้เขาได้ดื่มชาดีๆหน่อย ! ”
ตาอ้วนหลิวรู้สึกพอใจมาก “ แบบนี้สิ ! ”
หยางโปตาเบิกกว้าง จู่ๆก็สัมผัสได้ว่า แผนการนี้ลึกซึ้งมาก ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอุบายทั้งหมด
เขาถึงกับสงสัยว่าตาอ้วนหลิวคงรู้ถึงแผนการเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว และคงเตรียมการไว้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เขาเริ่มต้นมาจากเด็กหนุ่มร้านขายวัตถุโบราณ คำกล่าวที่ว่า “ เสิร์ฟชา ”และ “ เสิร์ฟชาดี ” มันแตกต่างกันยังไงเขารู้ดี
หยางโปหันไปมองเถ้าแก่เหลียง “ เถ้าแก่เหลียง ไม่ต้องเกรงใจ นำกระบี่หยกออกมาให้ชมก่อนเถอะ ! ”
เถ้าแก่เหลียงก็ไม่ได้มีความเกรงใจ ยิ้มจางๆ “ เอาล่ะ คุณรอสักครู่ ”
หยางโปพยักหน้า เข้าใจว่าเถ้าแก่เหลียงจะเข้าไปตระเตรียมของแล้วนำออกมาให้ คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เหลียงจะตบมือช้าๆสามครั้ง เด็กหนุ่มนั้นก็นำกล่องใบเล็กๆใบหนึ่งออกมาให้แล้ว
หยางโปเบิกตากว้าง มันเป็นอุบายจริงๆ
ไม่นานกล่องก็ถูกเปิดออก หยางโปมองไปที่กระบี่หยกสามเล่มที่วางอยู่ข้างใน ถึงหันกลับมาให้ความสนใจกับของตรงหน้า
กระบี่สามเล่มนี้หนาและสว่างไสว ดูเหมือนมันยังจะดีกว่ากระบี่สามเล่มนั้นที่เขาเพิ่งคัดเลือกขึ้นมามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่เล่มหนึ่งที่ดูมีรอยขึ้นสนิม แต่ตอนที่หยางโปจับมัน กลับสัมผัสได้ถึงเจตนารมณ์ของกระบี่ภายในจุดตันเถียนที่สั่นไหวอย่างรุนแรง !
หยางโปแปลกใจมาก เขาจ้องไปที่กระบี่หยก ก็เห็นว่าที่ด้ามกระบี่ได้สลักอักษรคำว่า
“ จ้าวเหยียน ” เอาไว้
หยางโปนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้ามองไปทางเถ้าแก่เหลียง “ กระบี่หยกเล่มนี้เอามาจากไหน ? ”
เถ้าแก่เหลียงก็พอจะอ่านสีหน้าของหยางโปออกเช่นกัน เขาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ คุณวางใจได้ กระบี่เล่มนี้ได้รับมอบมา ไม่ได้ถูกขุดขึ้นมา โจรมีช่องทางทำมาหากินของตัวเอง พวกเราคงไม่ไปยุ่งกับความคิดของเขาหรอก ! ”
ฮัวชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น เธอจ้องไปที่ด้ามกระบี่ ” อักษรนี้หมายความว่ายังไง ? ”
“ หมิงเหยียนเป็นนามของ เจิ้งเฉิงกง กระบี่เล่มนี้น่าจะเป็นกระบี่หยกของเจิ้งเฉิงกง ! ” หยางโปอธิบาย
ใบหน้าของฮัวชิงหยุนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจ้องไปที่กระบี่ และมองไปที่กระบี่ขึ้นสนิม และอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า ” หลังจากขุดกระบี่ทองสัมฤทธิ์ของพระเจ้าโกวเจี้ยนแห่งแคว้นเอวี้ยออกมา มันก็ยังคงดูคมมาก กระบี่เล่มนี้ขึ้นสนิมแบบนี้ คุณภาพคงแย่มากใช่ไหม ! ”
เมื่อเถ้าแก่เหลียงได้ยินคำถามของฮัวชิงหยุน ก็ตกใจจนใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่ม เขาไล่คนที่สามารถต่อรองราคาไปได้แล้ว คงไม่โผล่มาอีกคนหรอกนะ ?
เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ แม่สาวน้อย จะมาพูดแบบนี้ไม่ได้ เหตุผลที่กระบี่ทองแดงบริสุทธิ์ทองเหลืองยังคงสามารถเก็บรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะ ไม่ได้สัมผัสกับอากาศ ดังนั้นจึงไม่สึกกร่อนและผุพังไป หากสามารถเก็บรักษากระบี่เล่มนี้ไว้ได้ดี มันจะต้องดีกว่ากระบี่เล่มนั้นแน่นอน ! ”
หยางโปหัวเราะ จากนั้นเขาได้หันไปมองเถ้าแก่เหลียง “ คุณเสนอราคามาสิ ! ”
เถ้าแก่เหลียงมองมาทางหยางโป ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย “ สามสิบล้าน ! ”
“ สามสิบล้าน ? ” หยางโปตาลุกวาว “ จะเป็นไปได้ยังไง ? แม้ว่ากระบี่เล่มนี้จะมีค่าทางประวัติศาสตร์ แต่มันก็ไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น ! มากสุดก็หนึ่งแสน ! ”
“ เถ้าแก่ นี่คุณคิดจะมาล้อผมเล่นใช่ไหม ? ” เถ้าแก่เหลียงเอ่ยออกมา “ ต่อให้ผมนำไปประมูล
มันก็คงไม่ใช่ราคานี้ ”
หยางโปส่งยิ้มให้ “ เถ้าแก่เหลียง คุณพูดล้อเล่นก่อนนะ นี่มันเป็นเพียงกระบี่ขึ้นสนิมสามเล่มเท่านั้น ทำไมราคามันแพงขนาดนี้ได้ล่ะ ? ”
หยางโปก้มหน้ามองอีกครั้ง กระบี่ของเจิ้งเฉิงกงมีประวัติการต่อสู้รบราฆ่าฟันในสนามรบมามาก เจตนารมณ์ของกระบี่ที่แอบแฝงอยู่ เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นกว่ากระบี่หยกอื่นๆ เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยไปง่ายๆแน่ !
เถ้าแก่เหลียงลังเลเล็กน้อย “ สามล้าน นี่เป็นราคาที่ต่ำมากแล้ว ถ้าพวกคุณไม่เอา ก็ไม่ต้องมาต่อรองกับผมแล้ว จะลดให้ต่ำลงไปกว่านี้อีกคงไม่ได้แล้ว ! ”