บทที่ 478 รู้หน้าไม่รู้ตัว

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 478 รู้หน้าไม่รู้ตัว
ณ เมืองฮูซัมของหุบเขาแม่น้ำโซลนา ทหารกระจายกำลังไปทุกที่เพื่อค้นหาเหล่านักบวชและผู้เชื่อในเทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาป การค้นหาเกิดขึ้นทั่วทั้งเมือง และการค้นหาขยายไปทั่วตลอดทั้งวันและยามดึกดื่น

อย่างไรก็ตาม การค้นหาก็ไม่พบอะไรเลย ผู้ศรัทธาของแอลก็คืออดีตผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งไฟและการทำลาย ซึ่งต่างเชี่ยวชาญในการพรางตัวท่ามกลางฝูงชน หากจำนวนพวกนักบวชของเทพเจ้าแห่งสงครามและเทพองค์อื่นไม่อาจเทียบได้กับนักบวชของศาสนจักรพระเจ้าแห่งสัจธรรมที่สามารถตรวจสอบฝูงชนได้ทีละคนๆ ด้วยอาคมเทพ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพบร่องรอยเพื่อตามหาเหล่านักบวชลับ

สำหรับผู้ศรัทธาหน้าใหม่ของแอลที่เปลี่ยนมานับถือหลังจากเข้าร่วมฟังการโต้วาทีและได้เห็นว่าแอลสังหารเทพเจ้าแห่งยมโลกได้ภายในวินาทีเดียว คนกลุ่มนี้ไม่มีค่าพอให้ตามหา เนื่องจากกลุ่มผู้ศรัทธาหน้าใหม่คงไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับคณะผู้ริเริ่มและนักบวช

“ส่งจดหมายออกไปและทำตามที่จดหมายระบุ นี่เป็นค่าจ้างล่วงหน้า พอสหายของข้าเห็นเครื่องหมายและพบกับเจ้า เจ้าจะได้พัก” รามิโร่ซึ่งปลอมตัวอีกครั้งเป็นพ่อค้ากล่าวขึ้น

พ่อค้าที่เดินทางพยักหน้าอย่างรวดเร็วและรับเหรียญทองไปพร้อมกับจดหมาย ค่าตอบแทนเยอะเกินกว่าที่เขาจะปฏิเสธ!

เขาอยากจะออกเดินทางเสียตอนนี้เลย! เขาโชคดีมากที่ได้เจอกับเศรษฐีคนนี้!

ด้วยความกลัวในผู้วิเศษระดับเก้าปริศนาและเทพเจ้าแห่งสงคราม รามิโร่ตัดสินใจติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์ราตรีระดับสูงสุดสามคนซึ่งมาจากเออร์โดพร้อมกับเขา รวมถึงนักบวชอาวุโสห้ารูป อัศวินทองคำสองนาย และอัศวินอาภาหกนาย ซึ่งกำลังสืบสวนเหตุการณ์ดาวตกที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนทางตอนเหนือ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่ไม่ปกติแน่นอน!

เนื่องจากข้อจำกัดของมิตินี้ ศาสนจักรสร้างวงเวทเทเลพอร์ตขึ้นมาได้เพียงไม่กี่จุดในประเทศที่สามารถควบคุมได้โดยสมบูรณ์เท่านั้น ในพื้นที่อันไกลโพ้น พวกเขายังต้องอาศัยวิธีการโบราณที่สุดในการสื่อสารกัน

รามิโร่ก็ยังตัดสินใจว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ต้องรายงานสถานการณ์ไปยังพระคาร์ดินัลหลวงและวารันไทน์ ผู้นำของนักพรต ซึ่งกำลังสืบสวนเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นทั่วมิติ พวกเขาก็ขาดกำลังสนับสนุนเช่นกัน และนอกจากการมีผู้วิเศษปริศนาที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ก็ไม่มีอะไรคุ้มค่าพอที่จะให้สนใจมิตินี้

เมื่อสามปีที่ผ่านมา สถานที่ต่างๆ ในมิติแห่งนี้เกิดเหตุฝนดาวตก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสืบหาตำแหน่งของอัลเทอร์นาและสิ่งมีชีวิตปริศนาจากโลกแห่งวิญญาณที่ลงท้ายด้วยการตกลงมาในมิตินี้ รามิโร่ต้องหาโอกาสเข้าถึงตัวพระเจ้าเทียมเท็จที่รับพลังเทวภาพจากเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ มิติทั้งหมดที่มนุษย์อาศัยอยู่ล้วนระยะความยาวนานของวันและคืน และความยาวนานของปีเหมือนกับโลกหลัก ในมิติอื่นๆ ที่ไม่เหมาะกับการดำรงอยู่ของมนุษย์ ระยะเวลาก็จะต่างออกไป

เมื่อรามิโร่หันหลังกำลังจะจากไป เขาก็ได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกัน

“ข้าได้ยินมาว่าเทพเจ้าแห่งยมโลกถูกเทพแห่งการฟื้นคืนชีพผู้ยิ่งใหญ่สังหาร รู้แล้วเหยียบไว้นะ รูปปั้นของเทพเจ้าแห่งยมโลกในอารามมีรอยแตกตั้งแต่ตรงกลาง นักบวชของเทพเจ้าแห่งยมโลกต่างสูญสิ้นพลังหมดแล้ว”

“จริงหรือนี่? ข้าจำได้ว่าเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพผู้ยิ่งใหญ่เพียงแค่พูดออกมาสองคำเองเท่านั้น!” ชายอีกคนพูดขึ้น ชายธรรมดาเช่นเขาไม่อาจเข้าใจชาวบาบิวเรียนโบราณ

“สิ่งที่นักบวชคนนั้นพูดในการโต้วาทีก็จริงสินะ พอตรวจค้นเสร็จ ข้าจะ…” ชายที่กำลังสนทนาอยู่ไม่ได้พูดจบประโยค เนื่องจากเขาเองก็ไม่ได้ไว้ใจคนที่เข้ากำลังพูดอยู่ด้วยเท่าไรนัก

“อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ถ้าเทพแอลทรงพลังจริงๆ เทพแอลน่าจะฆ่าเทพอาซินไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เทพอาซินได้พลังคืนมาแล้วและกลายเป็นเทพแห่งความรักและความงาม ดาวประกายพรึกแห่งรุ่งอรุณ ตอนนี้ นักบวชของเทพอาซินกำลังได้รับพลังใหม่” ชายอีกคนเอ่ยขึ้น เขาเป็นผู้ศรัทธาในเทพเบโร่ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และความยุติธรรม

รามิโร่ประหลาดใจมากที่รู้ว่ามีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เทพเจ้าแห่งยมโลกถูกสังหารแล้ว! ใครเป็นคนทำกันแน่?

ตามข้อมูลจากศาสนจักร อารมณ์โกรธแค้นของเทพเจ้าเทียมเท็จพวกนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อรับพลังเทวภาพต่างๆ และเทพบางคนลงเอยด้วยแรงปรารถนาส่วนตัวจนสูญสิ้นความสามารถในการคิดให้รอบคอบ เมื่อรามิโร่กำลังคิดทบทวน เขาก็สังเกตพบเรื่องผิดปกติบางอย่าง ตอนที่คนพวกนั้นกำลังคุยกัน หนึ่งในคนกลุ่มนั้นดูใจลอยและหันมองไปรอบๆ ไม่หยุด

ชายคนนี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ รามิโร่เชื่อว่าชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งยมโลก พอดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจในบทสนทนาเลยแม้แต่น้อย

รามิโร่สนใจแอบตามชายหนุ่มร่างเล็กผู้นี้ไป ในฐานะผู้พิทักษ์ราตรีผู้มากประสบการณ์ รามิโร่มีสัญชาตญาณไวต่อข้อมูลที่ควรค่าแก่การสืบสวนอย่างยิ่ง

ภายในกระท่อมดินหลังหนึ่ง

รีส ชายหนุ่มร่างเล็ก ลอบเข้าไปในกระท่อมหลังจากตรวจสอบดูภายนอกอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว แอนฮิวซ์กำลังรอเขาในกระท่อม

รีสบอกกับแอนฮิวซ์ว่า “ข้าแต่ท่านผู้ริเริ่ม เทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพผู้ยิ่งใหญ่และผู้ริเริ่มที่เหลือได้เดินทางออกจากเมืองแล้ว จำนวนองครักษ์ที่ดูแลประตูเมืองก็ลดลง ข้ารู้มาว่า…”

แอนฮิวซ์เดินทางออกมาจากเมืองเพื่อจัดการกับปัญหาที่ค้างคา หลังจากแผนแรกล้มเหลว ด้วยการค้นหาจากทหารเป็นไปอย่างเข้มข้น แอนฮิวซ์ก็เฝ้ารอโอกาสที่จะเดินทางออกจากเมืองมานานสักพักหนึ่ง

เมื่อได้รับรู้ข้อมูลจากรีส แอนฮิวซ์ก็ทำเครื่องหมายกางเขนบริเวณหน้าอกแล้วตอบว่า “พลังอันยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าของข้าช่างเหลือร้าย เทพเจ้าแห่งยมโลกพยายามหักหลังพระเจ้าเที่ยงแท้องค์นี้ สมควรถูกลงโทษอย่างแสนสาหัสแล้ว เจ้าไปได้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ข้าจะแสดงคำเทศนาให้เจ้าฟังเรื่องการประสาทพรของเทพเจ้าของเรา”

“เราศรัทธาในเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพพระองค์เดียว” รีสทำเครื่องหมายกางเขนบริเวณหน้าอกเช่นกัน ก่อนเดินจากไปด้วยความเคารพ

เมื่อเห็นว่ารีสไปแล้ว แอนฮิวซ์ก็ล็อคประตูและกำลังจะแต่งหน้าเพื่อปลอมตัว แล้วทันใดนั้นอีก ใครคนหนึ่งก็ตบที่บ่าเขาเบาๆ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังอยู่ข้างหู

“ข้าก็อยากฟังเรื่องการประสาทพรของเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน”

ดวงจันทร์สีเงินลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้ายามราตรี ณ เวลายามดึกสงัดอันแสนเงียบงัน ลูเซียนกำลังรอแอนฮิวซ์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่ามกลางความมืดมิด

หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ ลูเซียนก็เห็นแอนฮิวซ์มาถึงด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ

“เจ้าอยู่นี่ไหม เลเวียธาน?” แอนฮิวซ์ถามเสียงเบาๆ

หลังจากตรวจสอบจนมั่นใจว่าเขาคือแอนฮิวซ์จริงๆ ลูเซียนก็เดินออกมาจากความมืด “ดึกมากแล้ว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“นิดหน่อย…” แอนฮิวซ์ตอบเพียงสั้นๆ “เลเวียธาน เขาเดาว่าเจ้าคงได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณจากนายท่านแล้วใช่ไหม?”

ลูเซียนประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินคำถามนี้ ดูเหมือนไม่ใช่เวลาที่เหมาะ แต่เขาก็ยังตอบไป “ขอรับ ท่านแอลผู้ยิ่งใหญ่มอบผลิตภัณฑ์แห่งวิญญาณให้กับทั้งฟรานซิสและกับข้า เจคอปก็ได้รับรางวัลเช่นกัน พอท่านกลับไปถึงโปลิทาวน์ ท่านก็จะได้รับรางวัลเช่นกัน”

“อย่างนั้นหรือ… พลังเป็นอย่างไรบ้าง? ได้ผลดีไหม?” แอนฮิวซ์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นด้วยท่าทีอิจฉาเล็กน้อย

ลูเซียนเข้าใจดีว่าแอนฮิวซ์รู้สึกอย่างไร เขาจึงออกมา “มันแค่ช่วยพัฒนาความแข็งแกร่ง ความเร็ว ความคล่องตัว และพลังฟื้นฟูของข้า รวมกับพลังที่ข้ามีอยู่แล้ว ตอนนี้ข้าสามารถสู้กับวีรบุรุษสายเลือดเทพได้แล้ว”

“ดี” เสียงของแอนฮิวซ์เผยให้เห็นความดีใจเล็กๆ ของเขา ราวกับว่าเขาดีใจที่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณของเลเวียธานไม่ได้มีพลังอะไรพิเศษ “เอาล่ะ เราไปกันได้แล้ว”

แต่ลึกๆ ภายใน แอนฮิวซ์มีความสุขมาก เพราะอันที่จริงแล้ว เขาก็คือรามิโร่ ‘ผู้ควบคุมร่าง’ รามิโร่สังหารแอนฮิวซ์ทิ้ง หลังจากดูดความทรงจำสติ และเซลล์ร่างกายของแอนฮิวซ์

รามิโร่รู้สึกเหมือนเขาได้รับพรที่โชคดีขนาดนี้ การหาตัวแอนฮิวซ์พบก็หมายความว่าเขาก็สามารถหาตัวฟรานซิสและสามารถสืบหาเหตุผลที่คนพวกนั้นต้องการพลังเทวภาพของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ เมื่อรามิโร่ รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถใช้อาคมเทพของแอนฮิวซ์ได้แม้แต่น้อยและกังวลว่าอาจเป็นจุดให้สงสัยได้ แต่อัครทูตที่ชื่อเลเวียธานที่เขาเจอคนนี้ก็ไม่สามารถแยกแยะได้ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณที่เลเวียธานได้รับเพียงแค่พัฒนาความแข็งแกร่งทางกายภาพเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น รามิโร่ก็สามารถปลอมตัวเป็นเลเวียธานได้อีกด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้เขาปลอดภัยมากขึ้น

รามิโร่ค่อนข้างพอใจกับผลงานของตัวเอง เขาเชื่อว่านี่เป็นเพราะความจงรักภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขามานานหลายปี

หลังมองสำรวจไปรอบๆ รามิโร่ก็กำลังจะลงมือเล่นงานเลเวียธาน

ทันใดนั้น เลเวียธานก็สัมผัสได้ว่าคำพูดของแอนฮิวซ์มีบางอย่างผิดปกติ

หากแอนฮิวซ์รู้สึกอิจฉารางวัลที่อัครทูตคนใหม่อย่างเขาได้จริงๆ และหากเขากังวลว่าพลังของอัครทูตคนใหม่จะสูงกว่าเขา แล้วทำไมเขาไม่ถามถึงพลังของฟรานซิส?

แอนฮิวซ์เป็นผู้ศรัทธาผู้ซื่อสัตย์ของแอล แล้วทำไมแอนฮิวซ์จึงไม่ถามถึงแอลเลย?

ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ลูเซียนแสร้งทำตัวเป็นปกติ ขณะเดียวกันนั้นเขาก็พร้อมลงมือได้ทุกเวลา เขาคิดว่าบางทีแอนฮิวซ์อาจถูกพระเจ้าเทียมเท็จเข้าครอบงำ

รามิโร่ตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ รอยยิ้มชวนขนลุกก็ปรากฏบนหน้าของเขา อวัยวะภายในร่างกายของเขาเริ่มบิดตัวไปมา

ในสายตาของรามิโร่ เลเวียธานก็ไม่ต่างจากลูกแกะที่รอถูกเชือด ซึ่งไม่มีพลังที่จะต้านทานเขาได้

ตอนนี้ทั้งคู่ออกมาจากเมืองฮูซัมแล้ว รามิโร่จะใช้โอกาสนี้ดูดกลืนความทรงจำและสอบสวนข้อมูลของเลเวียธาน

รอยยิ้มบนหน้ารามิโร่ฉีกกว้างขึ้น เขาจะแสดงให้ลูกแกะผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตัวนี้ได้เห็นพลังที่น่าขนลุกของเขา

ทันใดนั้น จังหวะนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็มาถึงและลอยตัวลงบนพื้น ขัดขวางรามิโร่ก่อนที่เขาจะทันได้ลงมือ

“ฟรานซิส?” ลูเซียนยิ่งทวีความระมัดระวังเพิ่มขึ้น

ฟรานซิสยิ้มกว้าง “ข้าสนใจสมบัติที่เทพเจ้าแห่งยมโลกทิ้งไว้ เลเวียธาน ช่วยพาข้าไปหน่อย”

แม้แอลจะเชื่อโดยสนิทใจว่าเทพเจ้าแห่งยมโลกถูกสังหารด้วยพลังของเขาเอง แต่ฟรานซิสกลับเชื่อว่า จากภาพเหตุการณ์ที่เขาเห็น พลังนั้นคือ ‘เวทจองจำ’ หรือเวทเขาวงกต เขาสันนิษฐานว่าน่าจะมีผู้วิเศษอยู่ในเมืองฮูซัม และเป้าหมายของผู้ก็คือเทพเจ้าแห่งยมโลก

ณ อาณาจักรของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และความยุติธรรม เบโร่กำลังเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องโถงด้วยท่าทีหงุดหงิดรำคาญใจ แม้ว่าเทพเจ้าแห่งสงครามจะถอนคำสั่งการเนรเทศพวกเขาออกจากดินแดนเป็นการชั่วคราว แต่หากพวกเขาไม่อาจสั่งหารแอลได้ภายในหนึ่งปี โทษทัณฑ์ที่สาหัสสากรรจ์กว่าเดิมก็กำลังรอพวกเขาอยู่

เมื่อคิดชวนเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เบโร่ก็หวนคิดถึงสตรีปริศนาคนหนึ่งซึ่งมาเยือนอารามของเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน และนางอ้างว่านางมีความรู้ที่เป็นความลับสุดยอดจะขายให้

เบโร่หวังว่าความรู้ปริศนาของนางจะช่วยให้เขามีพลังมากขึ้น ไม่เพียงแต่แอล แม้แต่แอนทานาสก็ไม่เป็น… เบโร่ตัดสินใจลองเสี่ยงดู

หลังจากเฝ้ารอเป็นเวลานาน สีผมทองงดงามและบริสุทธิ์ราวกับเอลฟ์คนหนึ่งก็เดินตามหัวหน้านักบวชของเบโร่เข้ามาได้อาณาจักรของเขา

“ท่านหญิงโซเฟีย ท่านมีความลับสิ่งใดกัน?” เบโร่ถามอย่างเปิดเผย

ดวงตาสีเขียวหยกของโซเฟียใสเป็นประกาย รอยยิ้มของนางช่างบริสุทธิ์และหวานหยดย้อย นางหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าสองสามเล่มและเผยว่า “ขึ้นอยู่กับว่าท่านประสงค์สิ่งใด ท่านเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์”

“ข้ามีคัมภีร์แห่งความซื่อสัตย์ คัมภีร์แห่งการจัดระเบียบ คัมภีร์แห่งความเมตตา แล้วรวมถึงเล่มที่ทรงพลังที่สุด คัมภีร์แห่งศีลธรรม