บทที่ 779: ศัตรูของหลิงหยุน!
  เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงที่หน้าประตูห้อง1858 ถังเมิ่งก็หยิบคีย์การ์ดขึ้นมารูด และจัดการเปิดประตูห้อง ส่วนหลิงหยุนก็เดินโอบเอวเกาเฉินเฉินเข้าไปด้านใน
  ถังเมิ่งเดินตามเข้ามาและก่อนที่จะปิดประตูห้อง เขาก็หยิบป้าย ‘ห้ามรบกวน’ ขึ้นมาแขวนไว้ที่หน้าประตู
  โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมระดับห้าดาวของปักกิ่งและห้องที่อยู่ก็เป็นห้องเพรสซิเดนท์สูท ภายในจึงตกแต่งด้วยวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอ็นด์ บรรยากาศด้านในจึงดูหรูหราอย่างชนชั้นสูง
  โคมไฟระย้าสวยงามพรมที่นุ่มสบายเท้า เตียงขนาดใหญ่ที่สะอาดสะอ้าน ทีวี LCD จอยักษ์ และโซฟาหนังชั้นดี..
  “พี่หยุน..เฉินเฉิน.. นั่งตามสบายก่อน ฉันจะไปรินน้ำชามาให้..”
  ทันทีที่เข้ามาในห้องถังเมิ่งก็วุ่นวายอยู่กับการรินน้ำชาให้ทั้งคู่ดื่ม..
  หลิงหยุนที่เพิ่งผ่านการต่อสู้อย่างหนักหน่วงท่ามกลางสายฝนมาเกือบทั้งคืนอีกทั้งยังพูดจาไปมากมายหลายคำ เวลานี้จึงรู้สึกคอแห้งอย่างมาก ทันทีที่ถังเมิ่งรินน้ำชามาให้ เขาก็รีบรับถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มแก้กระหายทันที ส่วนเกาเฉินเฉินก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน
  เมื่อเห็นว่าน้ำชาหมดกาอย่างรวดเร็วถังเมิ่งก็จัดการเติมน้ำเพิ่มลงไป แล้วจึงเดินไปนั่งด้านหน้าตรงข้ามทั้งสองคน
  “เกาเฉินเฉิน..เธอ.. เธอสบายดีนะ”
  หลังจากที่ถังเมิ่งนั่งลง..เขาก็เอาแต่จ้องมองเกาเฉินเฉิน แววตาของถังเมิ่งเต็มไปด้วยความห่วงใย และรีบร้องถามขึ้นมาทันที
  เรื่องที่เกาเทียนหลงไปจิงฉูเพื่อขอความช่วยเหลือจากหลิงหยุนนั้นคนแรกที่เกาเทียนหลงพบก็คือตี้เสี่ยวอู๋ หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เดินทางเข้าปักกิ่งทันที และในที่สุดก็สามารถช่วยเกาเฉินเฉิน และคนตระกูลเกาออกมาได้อย่างปลอดภัย
  และในเมื่อตี้เสี่ยวรู้เรื่อง..มีหรือที่ถังเมิ่งจะไม่รู้เรื่องด้วย!
  แม้ว่าถังเมิ่งและเกาเฉินเฉินจะไม่ได้สนิทสนมกันแต่ในคืนเทศกาลเชงเม้งนั้น ทั้งคู่ก็อยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องผ่านความเป็นความตายมาร่วมกัน มิตรภาพของทั้งคู่จึงเติบโตขึ้นนับแต่นั้นมา
  “ขอบใจ..ฉันสบายดี ไม่เป็นอะไร!”
  เกาเฉินเฉินตอบคำถามของถังเมิ่งพร้อมกับยิ้มให้แต่สายตาของเธอที่จ้องมองหลิงหยุนนั้นกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
  แววตาของเกาเฉินเฉินนั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของตระกูลเกา สมควรต้องให้ถังเมิ่งล่วงรู้ด้วยอย่างนั้นหรือ!
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบเกาเฉินเฉินไปว่า“เฉินเฉิน.. อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนี้! ถังเมิ่งเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของผม และเวลานี้เงินของผมทั้งหมดก็อยู่ในมือของหมอนี่..”
  หลิงหยุนอธิบายให้เกาเฉินเฉินเข้าใจว่าถังเมิ่งนั้นเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขาอีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นอธิบดีกระทรวงการคลังประจำตัวเขาด้วย..
  เกาเฉินเฉินได้ฟังก็สามารถเข้าใจทุกอย่างได้ในทันทีจึงหันไปพูดกับถังเมิ่งว่า “ถังเมิ่ง.. คิดไม่ถึงว่าพอฉันมาปักกิ่ง ก็เกิดเรื่องราวขึ้นกับนายมากมาย ฉันได้ยินมาจากหลิงหยุนว่านายได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยใช่มั๊ย”
  อาจเป็นเพราะตระกูลเกาเองก็เพิ่งจะประสบกับความหายนะมาเกาเฉินเฉินจึงได้มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจถังเมิ่งมากขึ้น
  ระหว่างทางที่ขับรถมาที่โรงแรมนั้นหลิงหยุนได้เล่าเรื่องที่ถังเมิ่งถูกเสียเจิ้นเหยินทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ทำให้เกาเฉินเฉินโกรธมาก และเกลียดเสียเจิ้นเหยินมากขึ้นไปอีก รวมทั้งตระกูลเฉินด้วย!
  หากไม่ใช่เพราะตระกูลเฉิน..เกาเฉินเฉินก็คงได้กลับไปที่จิงฉู และสามารถช่วยเหลือคนรอบตัวหลิงหยุนไม่ให้ต้องได้รับบาดเจ็บได้บ้าง
  แต่ถังเมิ่งกลับตอบมาอย่างไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน“ไม่เป็นไร.. เพราะทันทีที่พี่หยุนกลับมา เขาก็จัดการล้างแค้นให้ฉันแล้ว จนถึงตอนนี้เสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะ ยังหดหัวอยู่ในรูไม่ยอมโผล่หน้าออกมาให้ใครเห็น.. ส่วนตระกูลซันตอนนี้ก็ยังไม่กล้าทำอะไร..”
  เมื่อได้ยินคำพูดของถังเมิ่งหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะออกมา “ฮ่า.. ฮ่า.. นี่นายไม่ต้องมาทำเป็นสรรเสริญฉันเลย เรื่องพวกนั้นผ่านไปตั้งนานแล้ว เวลานี้พวกเรามาพูดเรื่องที่สำคัญกว่านั้นกันก่อน..”
  แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน..
  แต่จู่ๆถังเมิ่งก็ลุกขึ้นยืนคล้ายกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้“พี่หยุน.. ฉันมีอะไรจะให้พี่ดู ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์อะไรกับพี่บ้างมั๊ย”
  จากนั้นถังเมิ่งก็เดินตรงไปที่ข้างเตียงและหยิบเอากองกระดาษหนาปึกหนึ่งขึ้นมา..
  “นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์ที่ฉันไปหามาจากอินเทอร์เน็ต..”
  “นายนี่รวดเร็วใช้ได้เลย..”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเขายกมือขึ้นรับเอกสารมาจากถังเมิ่ง และใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูเอกสารที่อยู่ด้านหน้า แล้วจึงพูดขึ้นว่า
  “ข้อมูลบางอย่างนับว่าถูกต้องทีเดียวดูเหมือนข้อมูลต่างๆในอินเทอร์เน็ตก็พอเชื่อถือได้ แต่ตอนนี้ข้อมูลพวกนี้ไม่จำแป็นสำหรับฉันแล้ว!”
  “เพราะเมื่อคืนที่ฉันไปช่วยเฉินเฉินออกมาฉันได้จัดการฆ่าแวมไพร์ไปร่วมสองร้อยตนแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นแวมไพร์ขั้นเคานต์ และไวส์เคานต์..”
  “แล้วตอนนี้ฉันก็ได้แวมไพร์มาเป็นบริวารถึงห้าตนแล้วขั้นเคานต์สอง ไวส์เคานต์สอง แล้วก็มาร์ควิสอีกหนึ่ง เอาเป็นว่าถ้านายอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแวมไพร์ ก็ถามฉันนี่!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็ได้เล่าให้ถังเมิ่งฟังคร่าวๆถึงเหตุการณ์ที่เขาบุกเข้าไปช่วยเกาเฉินเฉินออกมา หลิงหยุนเล่าราวกับว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ได้สลักสำคัญอะไร..
  และเรื่องราวทั้งหมดที่หลิงหยุนเล่านั้นก็ทำให้ถังเมิ่งถึงกับนิ่งอึ้งไป เพราะคำบอกเล่าของหลิงหยุนนั้น ทำให้แวมไพร์ที่ดูลึกลับมีพลังมากมายนั้น กลับกลายเป็นเพียงตัวอะไรกระจอกๆตัวหนึ่งเท่านั้น
  สังหารแวมไพร์ไปร่วมสองร้อยตัว..บ้าไปแล้ว!
  เกาเฉินเฉินเองก็ยังจำภาพการต่อสู้ที่ดุเดือดก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจนภาพของหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากเทพเจ้าแห่งสงคราม และนั่นทำให้เธอยิ่งรู้สึกศรัทธาในตัวหลิงหยุนมากขึ้นไปอีก
  “นี่แวมไพร์กระจอกขนาดนั้นเลยเหรอ!พี่หลิงหยุน.. นี่พี่มีแวมไพร์เป็นบริวารถึงห้าตนจริงๆเหรอ?!” ถังเมิ่งร้องอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“ฮ่า.. ฮ่า.. ไม่ใช่ว่าแวมไพร์กระจอก! แต่เพราะฉันมีกำลังภายใน และวรยุทธที่สามารถจัดการกับพวกมันได้ต่างหาก ความสามารถที่ลึกลับของพวกมันก็เลยใช้กับฉันไม่ได้!”
  “ส่วนบริวารที่เป็นแวมไพร์..คงต้องเล่ายาว ไว้ฉันจะเล่าให้นายฟังคราวหลัง”
  คนในครอบครัวของเกาเฉินเฉินก็กลายเป็นแวมไพร์ถึงสิบคนหลิงหยุนจึงไม่ต้องการเล่าเรื่องดาบพายุต่อหน้าเกาเฉินเฉิน เพราะนั่นจะยิ่งเหมือนมีดที่กรีดลงบนบาดแผลในใจของเธอ
  ถังเมิ่งพยักหน้าด้วยความตกใจและได้แต่นั่งลงนิ่งเงียบอีกครั้ง..
  ตลอดสามเดือนที่ผ่านมานั้นถังเมิ่งก็ได้พบเห็นความสามารถที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้น.. ต่อให้หลิงหยุนเล่าว่าเขาขึ้นไปนอนกับนางฟ้าบนดวงจันทร์มา ถังเมิ่งก็เชื่อว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้!
  จากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มคุยเรื่องที่สำคัญกันต่อ..
  ถังเมิ่งจัดการเปิดโน๊ตบุ๊คและนำไปวางไว้บนโต๊ะด้านหน้าหลิงหยุนแล้วจึงใช้หมายเลขบัตรประชาชน และเลขประจำตัวสอบของหลิงหยุนล็อคอินเข้าไปในระบบข้อมูลการสอบเอนทรานซ์
  “พี่หยุน..ดูสิ.. คะแนนของพี่เป็นศูนย์จริงๆ!”
  แม้ถังเมิ่งจะเห็นผผลสอบของหลิงหยุนมาก่อนหน้านี้แล้วแต่เมื่อได้เห็นคะแนนของหลิงหยุนอีกครั้ง เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
  เกาเฉินเฉินรีบเลื่อนโน๊ตบุ๊คไปทางตนเองทันทีและหลังจากจ้องมองหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างโมโห
  “แน่นอน..ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!”
  หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้กวาดดูแล้วจึงนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีท่าทีฉุนเฉียวเลยแม้แต่น้อย
  “พวกมันช่างกล้า..”
  ถังเมิ่งพูดขึ้นด้วยความโมโห“พี่หยุน.. หรือว่านี่จะเป็นฝีมือของเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะ”
  เพื่อให้ชนะเดิมพันหนึ่งร้อยล้านจึงเป็นไปได้ว่าการที่คะแนนสอบของหลิงหยุนเป็นศูนย์นั้นจะเป็นฝีมือของคนทั้งคู่
  มันก็มีแรงจูงใจที่จะทำให้คิดเช่นนั้นได้เพราะหลู่กวนหวังซึ่งเป็นพ่อของหลู่เจิ้งเทียนนั้น ก็เป็นผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาของเมืองจิงฉู หากทั้งสามคนร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจงใจทำให้คะแนนสอบของหลิงหยุนออกมาเป็นศูนย์ได้
  หลิงหยุนยังคงมีท่าทีสงบนิ่งและพูดขึ้นว่า “ก็เป็นไปได้.. แต่อย่าด่วนสรุปจะดีกว่า! ฉันเองก็มีศัตรูมากมาย ในเมื่อจัดการกับฉันซึ่งหน้าไม่ได้ ก็เป็นไปได้ที่ศัตรูของฉันจะใช้วิธีนี้..”
  และเมื่อไตร่ตรองกันจริงๆหลิงหยุนเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะ! เพราะแทบไม่ต้องพูดถึงความสามารถของทั้งคู่ในเวลานี้ เพราะพวกมันยังคงหดหัวอยู่ในรูด้วยความหวาดกลัว
  เมื่อครั้งที่หลิงหยุนขึ้นมาจากหลุมยักษ์นั้นหลังจากเสร็จจากงานวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิง หลิงหยุนก็ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนจัดการพลิกสถานการณ์ จนทำให้ตระกูลซันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างยับเยิน และจัดการส่งผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงเข้าไปอยู่ในคุก..
  หลิงหยุนจึงค่อนข้างมั่นใจว่าใครก็ตามที่ได้รู้เห็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจในครั้งนั้น หากคิดที่จะจัดการกับหลิงหยุนอีก ก็คงต้องประเมินความสามารถ และชั่งน้ำหนักให้ดีก่อนว่าจะสามารถเอาชนะผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงคนปัจจุบันได้หรือไม่เสียก่อน
  เสียเจิ้นติงและกู่เหลียนเฉิงต่างก็ไม่ได้หูหนวกตาบอดและไม่ใช่คนโง่ หลังจากที่ได้เห็นความอหังการของหลิงหยุนในครั้งนั้น พวกมันยังจะกล้ากลับมากระตุกหนวดเสืออีกอย่างนั้นหรือ
  เพราะเพียงเท่านี้ทั้งคู่ก็เสียหน้าอย่างมากมายแล้วและเพียงแค่หลิงหยุนไม่เอาเรื่องกับพวกมันอีก ก็นับว่าต้องขอบคุณหลิงหยุนอย่างมากแล้ว!
  “ฉันต้องขอคิดดูก่อนว่าฉันมีศัตรูที่ใหนบ้าง” หลิงหยุนพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
  เวลานี้หลิงหยุนมีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือเขามากมายไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลิง ตระกูลเกา และตระกูลฉิน แต่ต่อให้ไม่มีทั้งสามตระกูลใหญ่นี้ หลิงหยุนก็สามารถแก้ปัญหาเล็กน้อยนี้ได้ด้วยตนเอง
  ถังเมิ่งถึงกับพูดไม่ออก..
  ใครกันนะที่จะคิดแก้แค้นหลิงหยุน
  “องค์กรนักฆ่าหลัวจ้ง? เถียนป๋อเตา? บริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น? ตระกูลกู่? ตระกูลซัน? ตระกูลเฉิน? หลงเทียนเจียว? หลิวซุ่ยเฟิง? เหล่านินจา? พรรคมาร..”
  “หรือจะเป็นลูกศิษย์ทั้งห้าคนของโคตรเซียนเซิ่งลิ่วฉี..”
  “หลิงหยุน..ที่พูดมาทั้งหมดนี่คือศัตรูของนายทั้งหมดเลยเหรอ!”
  นับว่าศัตรูของหลิงหยุนนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนเลยจริงๆเกาเฉินเฉินที่นั่งฟังอยู่นานถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะเสียงดังแทน
  หลิงหยุนได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า“ผมกำลังคิดว่านอกจากเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะแล้ว ยังจะมีใครอีกที่คิดจะใช้วิธีนี้เล่นงานผม”
  แต่จู่ๆถังเมิ่งก็ร้องตะโกนออกมาคล้ายกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้!
  “พี่หยุน..พี่ยังจำเหตุการณ์ก่อนวันสอบเอนทรานซ์ได้มั๊ย ตอนที่พี่ไปดูห้องสอบไง.. ตอนนั้นพวกเราได้ช่วยเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ถูกหลี่เทียนรังแก?”
  “หลี่เทียน!”
  หลิงหยุนทวนชื่อนั้นซ้ำอีกครั้ง..
บทที่ 780: ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง!
  “อ่อ..คิดไม่ถึงว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่จิงฉู นายก็ทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยผู้หญิงด้วย!”
  ดวงตาคู่งามของเกาเฉินเฉินจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน..
  “เอ่อ..”หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก
  ถังเมิ่งรู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นเขารีบส่ายหน้าปฏิเสธ และพูดแก้ตัวแทนหลิงหยุนทันที
  “เฉินเฉิน..ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ! เป็นฉันกับตี้เสี่ยวอู๋ต่างหากที่เข้าไปช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้น วันนั้นฉันกับตี้เสี่ยวอู๋ไปดูห้องสอบพร้อมพี่หยุน แต่ได้เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังรังแกเด็กนักเรียนหญิงตอนกลางวันแสกๆ เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคน แล้วก็ไม่เคยกลัวใคร..”
  ถังเมิ่งจัดการแก้ตัวให้หลิงหยุนเสร็จสรรพและไม่ลืมที่จะเยินยอตนเองให้เกาเฉินเฉินฟัง..
  “ตอนนั้นฉันโมโหมากเกินไปก็เลยเข้าไปจัดการกระทืบเจ้าเด็กเพลย์บอยนั่นกับบอดี้การ์ดทั้งห้าคนของมันซะน่วม! แล้วก็ช่วยเด็กนักเรียนหญิงออกมา..”
  เกาเฉินเฉินฟังแล้วก็ได้แต่ทำเสียงขึ้นจมูกแล้วถามต่อว่า“แล้วไงต่อ”
  ถังเมิ่งสะบัดผมที่สั้นของตนเองพร้อมกับทำท่าทางที่คิดว่าเท่ห์ที่สุด“เจ้าเด็กนั่นก็กลัวฉันมากน่ะสิ! แล้วก็ร้องขอความเมตตาจากฉัน ฉันก็เลยบอกชื่อของฉันกับชื่อพี่หยุนให้มันรู้..”
  เกาเฉินเฉินเหลือบมองหลิงหยุนแล้วถามต่อว่า“เด็กนั่นกลัว.. แล้วคนอื่นล่ะ”
  เกาเฉินเฉินนั้นเฉลียวฉลาดมีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าคนอย่างถังเมิ่งนั้นยังไม่สามารถเอาชนะเธอได้ แล้วจะสามารถเอาชนะบอดี้การ์ดทั้งห้าคนนั่นได้อย่างไร
  ถังเมิ่งกรอกตาไปมาก่อนจะตอบกลับไปยิ้มๆ“คนอื่นก็กลัวเหมือนกัน.. เพราะตี้เสี่ยวอู๋ก็อยู่ที่นั่นด้วยทั้งคน แต่พี่หยุนเพียงแค่ยืนนิ่งๆเท่านั้น..”
  ถังเมิ่งตีสีใส่ไข่ไปมากแต่ในที่สุดก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเกาเฉินเฉินพร้อมกับร้องเสียงดังออกมา..
  “หรือว่าจะเป็นฝีมือของเจ้าเด็กนั่น”
  หลิงหยุนยิ้มเยือกเย็นก่อนจะพูดขึ้นว่า“ก็เป็นไปได้!”
  “นายจำที่ฉันสั่งให้นายไปสืบเรื่องของเด็กนั่นได้มั๊ยนายไปสืบมาให้ฉันหรือยัง?”
  แน่นอนว่าถังเมิ่งได้จัดการไปสืบมาให้หลิงหยุนเรียบร้อยแล้ว“พี่หยุน.. ฉันไปสืบมาแล้ว! หมอนั่นเป็นเด็กโรงเรียนจิงฉูจิ่ว ส่วนพ่อของมันก็เป็นนายกเทศมนตรีเมืองเจียงโข่ว ส่วนลุงของมันก็เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนาน..”
  พูดจบถังเมิ่งก็ถึงกับดวงตาเบิกกว้าง..แล้วหลิงหยุนกับถังเมิ่งก็พูดออกมาพร้อมกัน
  “เป็นมันแน่!”
  เพราะทั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเจียงโข่วและผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนาน ก็มีความสามารถที่จะทำให้เขาต้องกินไข่ได้แล้ว!
  หลิงหยุนหรี่ตาลงพร้อมกับพูดยิ้มๆ“เป็นไปได้ที่เจ้าเด็กนั่นจะรู้สึกเสียหน้า และรอเวลาที่จะแก้แค้นฉันอยู่!”
  หลิงหยุนยังจำได้แม่นยำว่าหลังจากที่หลี่เทียนถูกกระทืบในวันนั้น มันก็ไม่ได้เข้าสอบเอนทรานซ์ และเด็กเพลย์บอยที่กร่างอย่างมันก็คงจะไม่ยอมจบแค่นั้นแน่!
  แต่แล้วถังเมิ่งก็ขมวดคิ้วพร้อมกับแย้งขึ้นมาทันที“ไม่นะพี่หยุน.. ต่อให้หลี่เทียนต้องการล้างแค้นพวกเราด้วยวิธีนี้ ลุงของมันก็ไม่น่าจะทำสำเร็จ กระบวนการในการสอบเอนทรานซ์ค่อนข้างเข้มงวด และขั้นตอนการให้คะแนนก็ซับซ้อน หากไม่มีคนอื่นร่วมมือด้วย ก็ยากที่จะทำให้คะแนนสอบของพี่ออกมาเป็นศูนย์ได้..”
  “ยิ่งไปกว่านั้น..ลุงของหลี่เทียนก็เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงครึ่งปี อีกทั้งยังถูกย้ายมาจากมณฑลอื่น ในช่วงเวลาสั้นๆแค่นั้น คงยากที่จะมีพวกพ้องเป็นปึกแผ่นได้เร็วขนาดนั้น!”
  หลิงหยุนพยักหน้าแต่ก็ถามกลับว่า“แล้วถ้าเขาร่วมมือกับสำนักงานการศึกษาในเมืองจิงฉูล่ะ”
  และหัวหน้าระดับสูงของสำนักงานการศึกษาเมืองจิงฉูก็คือหลู่กวนหวังซึ่งเป็นพ่อของหลู่เจิ้งเทียนนั่นเอง
  หลิงหยุนเป็นคนทำให้เจียวเฟิ่งหัวซึ่งเป็นน้องสะใภ้ของหลู่กวนหวังต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียนมัธยมจิงฉูและต้องจบอาชีพการเป็นครูไปตลอดชีวิต แล้วดันให้ครูประจำชั้นของตนเองขึ้นเป็นรองครูใหญ่แทนเจียวเฟิ่งหัว..
  การกระทำของหลิงหยุนได้สร้างความเกลียดชังและแค้นใจให้กับใครอีกหลายคน!
  และคนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มีตำแหน่งหน้าที่ในแวดวงการศึกษาหากทุกคนร่วมมือกันก็ง่ายมากที่จะจัดการเปลี่ยนแปลงผลการสอบเอนทรานซ์ของเด็กนักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่ง..
  ถังเมิ่งหยุดพูดเพียงแค่นั้น..เพราะการที่เจียวเฟิ่งหัวถูกจับได้คาเตียงเรื่องแอบลักลอบมีสัมพันธ์กับครูชายนั้น ก็เป็นฝีมือการถ่ายคลิปของถังเมิ่งนั่นเอง
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปทางเกาเฉินเฉินพร้อมกับถามขึ้นว่า“เฉินเฉิน.. ในกระทรวงศึกษามีคนของตระกูลใหญ่ตระกูลใหนทำงานอยู่บ้างมั๊ย”
  เกาเฉินเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและถึงกับถอนหายใจก่อนจะตอบไปว่า “ทั้งกระทรวงสาธารณะสุข และกระทรวงศึกษาล้วนอยู่ในการควบคุมดูแลของตระกูลซัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองกระทรวงก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของตระกูลซันทั้งสิ้น!”
  หลิงหยุนยักไหล่พร้อมกับแสยะยิ้ม“เอาล่ะ.. ได้เวลาที่จะขุดรากถอนโคลนพวกมันแล้วสินะ!”
  ในที่สุดก็พบแล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดก็คือตระกูลซันนั่นเอง!
  หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับพึมพำออกมา“หากไม่ใช่เพราะข้าต้องไปช่วยเฉินเฉินก่อน เรื่องแรกที่ข้าจะทำเมื่อมาถึงปักกิ่งก็คือจัดการกับตระกูลซัน!”
  หากไม่ใช่เพราะเกาเฉินเฉินและลุงสองของเขา ตระกูลแรกที่หลิงหยุนจะเผชิญหน้านั้นต้องไม่ใช่ตระกูลเฉินอย่างแน่นอน เพราะเขากับตระกูลเฉินไม่ได้มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันมาก่อน แต่ตระกูลซันต่างหากที่หลิงหยุนเกลียดเข้ากระดูกดำ!
  เพราะเรื่องของเฉิงเม่ยเฟิง!
  เฉิงเม่ยเฟิงถูกบังคับให้กลืนโอสถไร้ใจเข้าไปทำให้ลืมความรักที่มีต่อหลิงหยุนจนหมดสิ้น และถูกแม่ชีมี่ยู่วแห่งอารามจิ้งซินพาตัวกลับไป เวลานี้ยังไม่ได้ข่าวคราวด้วยซ้ำ และเรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตระกูลซัน!
  ไม่เพียงแค่เฉิงเม่ยเฟิงแต่เสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนเกาเฉินเฉินก็ต้องมาเกิดเรื่อง เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุมาจากตระกูลซันทั้งสิ้น!
  ยิ่งไปกว่านั้น..เพราะตระกูลซันทำให้หลิงหยุนต้องเสียเวลาไปช่วยเกาเฉินเฉิน
  และจัดการกับตระกูลเฉินจนไม่มีเวลาที่จะไปจัดการกับตระกูลซันอย่างที่ตั้งใจไว้..
  หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าตระกูลซันจะฉวยโอกาสนี้เล่นงานเขา!
  แม้จะเป็นเพียงการคาดเดาแต่ด้วยเหตุผลต่างๆ ก็ทำให้หลิงหยุนปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของตระกูลซัน..
  และด้วยอุปนิสัยใจคอของหลิงหยุนตระกูลซันจะต้องถูกทำลายอย่างสิ้นซาก เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น!
  “พวกเจ้ารนหาที่ตายกันเอง..ตำหนิข้าไม่ได้แล้ว!”
  เวลานี้ใบหน้าของหลิงหยุนโกรธจนเขียวคล้ำและค่อยๆนั่งลงอย่างช้าๆ
  “นายยังมีเบอร์โทรของฉีเสี่ยวชิงใช่มั๊ยโทรไปถามเธอว่าผลสอบของเธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
  หลิงหยุนจำได้อย่าแม่นยำว่าระหว่างทำข้อสอบเอนทรานซ์นั้น หลิงหยุนได้ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดู และพบว่าในการเขียนเรียงความวิชาภาษาจีนและภาษาอังกฤษนั้น ทั้งเขาและฉีเสี่ยวชิงต่างก็เขียนเรื่องเดียวกัน
  และหลิงหยุนก็มั่นใจว่าหากไม่ใช่เพราะมีการโกง คะแนนสอบเอนทรานซ์ของเขาจะต้องเหนือกว่าฉีเสี่ยวชิงด้วยซ้ำไป
  “ฉีเสี่ยวชิงเหรอ”
  ถังเมิ่งอึ้งไปเล็กน้อย..เขาไม่ได้มีความทรงจำที่ล้ำเลิศเช่นเดียวกับหลิงหยุน จึงไม่สามารถจดชื่อของสาวสวยที่ช่วยให้รอดพ้นจากน้ำมือของหลี่เทียนได้
  หลังจากที่ช่วยฉีเสี่ยวชิงแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้หลี่เทียนกลับมาแก้แค้นเธอภายหลัง หลิงหยุนจึงสั่งให้ถังเมิ่งพาคนของแก๊งมังกรเขียวไปคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเธออยู่สองสามวัน ถังเมิ่งจึงมีเบอร์มือถือของฉีเสี่ยวชิง
  ถังเมิ่งรีบยกมือถือขึ้นแต่เมื่อกำลังจะกดโทรออกหาฉีเสี่ยวชิง เขาก็ลังเลขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า
  “พี่หยุน..นี่ยังเช้าเกินไป ไม่เหมาะที่จะโทรหาเธอมั๊ง”
  “ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมโทรหาเธอเดี๋ยวนี้!”
  หลิงหยุนไม่มีเวลาที่จะมาครุ่นคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้
  ถังเมิ่งรีบกดโทรออกทันทีแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขปลายทาง
  “เธอปิดโทรศัพท์..”
  หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับครุ่นคิด“แล้วคนของแก๊งมังกรเขียวที่นายส่งไปคุ้มครองเธอล่ะ พวกเขาน่าจะรู้ที่อยู่ของเธอใช่มั๊ย”
  ถังเมิ่งตอบกลับทันที“รู้สิ!”
  หลิงหยุนตัดสินใจทันที“นายลองพยายามโทรหาเธอดู ถ้าถึงพรุ่งนี้ยังไม่สามารถโทรหาเธอได้ นายก็สั่งคนของแก๊งมังกรเขียวให้ไปดูสถานการณ์ที่บ้านเธอได้เลย”
  เรื่องที่หลิงหยุนได้คะแนนสอบศูนย์นั้นเขาสามารถจัดการได้ง่ายๆ แต่หากฉีเสี่ยวชิงถูกหลี่เทียนทำร้ายแล้วล่ะก็!
  “ฉันยังต้องเช็คอีกเรื่อง..แน่นอนว่าเด็กนักเรียนสายวิทย์ในมณฑลเจียงหนานที่ได้คะแนนสูงสุดก็คือหลิงยู่ แล้วสายศิลป์คือใคร”
  เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนเตรียมการที่จะตอบโต้กลับเลือดในกายของถังเมิ่งก็เดือดพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
  หลังจากวิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมดหลิงหยุนก็พูดกับถังเมิ่งว่า “พุร่งนี้ครูกงจะมาที่ปักกิ่ง ฉันจะไปรับครูกงพร้อมกับเฉินเฉิน นายจัดการเปิดห้องเพิ่มอีกหนึ่งห้องด้วย..”
  ถังเมิ่งรับคำแต่ก็แอบส่งสายตาให้กับหลิงหยุน เมื่อหลิงหยุนเห็นสายตาของถังเมิ่งก็รู้ได้ทันทีว่าถังเมิ่งมีเรื่องที่ต้องคุยกับเขาตามลำพัง จึงส่งกระแสจิตบอกถังเมิ่งว่ามีอะไรค่อยไปคุยข้างนอก
  แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองเกาเฉินเฉินที่เห็นสายตาของถังเมิ่งเช่นกัน ก็โพล่งขึ้นมาทันที
  “นี่ถังเมิ่ง..นายคงมีเรื่องที่ต้องการคุยกับหลิงหยุนตามลำพัง มีฉันอยู่ด้วยพวกนายคงจะคุยธุระส่วนตัวไม่สะดวก ถ้างั้นฉันก็จะออกไปคอยนอกห้อง พวกนายสองคนก็ค่อยๆคุยกันไปก็แล้วกัน..”
  เกาเฉินเฉินพูดจบก็เดินบิดสะโพกตรงไปที่ประตูห้องทันที..
  เกาเฉินเฉินกำลังรู้สึกน้อยอกน้อยใจ..
  หลิงหยุนมองถังเมิ่งที่กำลังตกตะลึงพร้อมกับส่งกระแสจิตบอกว่า
  –เฉินเฉินเพิ่งถูกฉันช่วยออกมาอารมณ์ของเธอยังคงอ่อนไหว มีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง!-
  พูดจบเข้าก็พุ่งตัวเข้าไปคว้าเอวของเกาเฉินเฉินไว้พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  “นี่เฉินเฉิน..คุณคิดมากไปแล้ว!”
  เกาเฉินเฉินยังคงยืนนิ่งดวงตาของเธอเริ่มแดงก่ำ ไหล่เริ่มสั่น และเริ่มสะอึกสะอื้น..
  ถังเมิ่งได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรอีกและได้แต่คิดในใจว่า ‘พี่หยุน.. ถ้าพี่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีคนมาปักกิ่งมากมาย พี่จะไม่พูดแบบนี้แน่..’