บทที่ 781: ประทับใจ!
“เฉินเฉิน..คือฉัน.. ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ”
ถังเมิ่งไม่รู้จริงๆว่าวันนี้อารมณ์ของเกาเฉินเฉินนั้นอ่อนไหวอย่างมากและไม่คิดว่าเธอจะถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาเช่นนี้ จึงถึงกับตื่นตระหนกตกใจ และรีบระล่ำระลักอธิบายทันที
“นายออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้เลย!”
หลิงหยุนแสร้งทำเป็นโกรธและหงุดหงิดถังเมิ่งเขาขยิบตาให้ถังเมิ่งพร้อมกับร้องตะโกนไล่ถังเมิ่งออกจากห้องไป ถังเมิ่งเองก็เป็นคนหัวไวไม่เบา เขาส่งสายตาเป็นการบอกหลิงหยุนว่าเขาจะสละห้องนี้ให้ จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
ถังเมิ่งเดินออกจากห้องเพรสซิเดนท์สูทหมายเลข1858 ไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูไว้ดังเดิม
แต่ทันทีที่ปิดประตูและเดินออกไปได้ไม่ไกลนักถังเมิ่งก็ย่องกลับมาที่หน้าประตูเพื่อจะแอบฟังทั้งคู่คุยกัน
แต่ห้องเพรสซิเดนท์สูทนั้นเป็นห้องที่มีวัสดุกันเสียงอย่างดีจึงไม่มีทางที่เสียงภายในห้องจะเล็ดลอดออกมาด้านนอกได้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะได้ยินเสียงที่อยู่ด้านใน ไม่เว้นแม้แต่ถังเมิ่ง..
ถังเมิ่งทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจก่อนจะล้มเลิกความตั้งใจในที่สุดและเดินส่ายหัวกลับไปที่ลิฟท์
เขากดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นสิบและเดินตรงไปยังห้องหมายเลข 1068 จากนั้นจึงยกเท้าถีบประตูพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“เปิดประตู..เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
ประตูห้องเปิดออกอย่างรวดเร็วเกือบจะทันทีและหนึ่งในพี่น้องแก๊งมังกรเขียวที่สวมกางเกงขายาวก็ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราดดุดัน แต่เมื่อพบว่าผู้ที่มาถีบประตูนั้นเป็นถังเมิ่งก็ถึงกับร้องถามออกมาอย่างประหลาดใจ
“พี่ถัง..มาที่นี่มีอะไรรึเปล่า”
“ฉันก็อยากมานั่งคุยกับพวกนายบ้าง..ไม่ได้รึยังไง”
ถังเมิ่งตอบพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องทันทีในเวลานั้นพี่น้องแก๊งมังกรเขียวทั้งห้าคนต่างก็กำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่บนเตียง และมีเงินสดกองอยู่ตรงกลาง หนึ่งในนั้นเมื่อเห็นถังเมิ่งเดินเข้ามา ก็รีบกระโดดลุกจากเตียงขึ้นยืนทันที
ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ“ไม่ต้องลุกหรอก.. พวกนายเล่นต่อไปเถอะ พนันกันหนักเหมือนกันนี่”
“มา..ฉันเล่นด้วย!”
ถังเมิ่งโยนอารมณ์ขุ่นมัวจากเรื่องที่ไม่สามารถแอบฟังทิ้งไปทันทีจากนั้นจึงรีบถอดรองเท้า และกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียง แล้วจัดการล้างไพ่ใหม่ทันที
………..
“ถังเมิ่งเจ้าเด็กนี่..นับว่ายิ่งหนักข้อขึ้นทุกวันไว้ฉันจะจัดการกับนายวันหลัง!”
หลังจากที่ถังเมิ่งเดินออกไป หลิงหยุนก็เปิดจิตหยั่งรู้สึกรวจดูด้านนอก เขาปล่อยมือจากเอวของเกาเฉินเฉิน แล้วยกขึ้นชี้ไปหน้าประตูพร้อมกับกัดฟันกรอด
และแน่นอนว่า..นี่เป็นเพียงแค่การแสดงของหลิงหยุน และถังเมิ่งก็ไม่ได้มีความผิดอะไร!
เวลานี้ในห้องเหลือเพียงหลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินเพียงสองคนเท่านั้นเกาเฉินเฉินจึงได้แต่พูดขึ้นว่า
“นายจะไปจัดการถังเมิ่งเรื่องอะไรเขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย..”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ได้ทำผิดอะไรกัน หมอนั่นทำให้คุณโกรธ นั่นล่ะคือความผิด!”
เกาเฉินเฉินได้ฟังถึงกับหน้าแดงก่ำเธอคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตแบบนี้ จึงรีบหันกลับไปพูดว่า
“แต่มันไม่ใช่ความผิดของถังเมิ่ง..ฉันโมโหตัวเองต่างหากล่ะ!”
“แต่ก็โมโหใช่มั๊ย”
หลิงหยุนรู้ดีว่าสภาพจิตใจและอารมณ์ของเกาเฉินเฉินนั้นยังไม่คงที่นักเขาจึงรีบไปยืนอยู่ด้านหลังของเกาเฉินเฉินพร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างออกไปโอบเอวของเธอไว้อย่างอ่อนโยน แล้วทั้งคู่ก็ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง
จากนั้นหลิงหยุนจึงกระซิบข้างหูว่า“เฉินเฉิน.. บอกผมมาว่าคุณโมโหตัวเองเรื่องอะไร”
สภาพแวดล้อมเป็นตัวกำหนดอารมณ์ของผู้คนและที่นี่ก็ไม่ใช่หน้าผาบนเขาหยุนเมิ่ง แต่เป็นห้องเพรสซิเดนท์สูทในโรงแรมระดับห้าดาว อีกทั้งชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องเพียงลำพังเช่นนี้ เกาเฉินเฉินจึงถึงกับหัวใจเต้นแรง..
ภาพเมื่อครั้งที่ทั้งคู่อยู่ตามลำพังที่บ้านในเมืองจิงฉูกลับมาปรากฏขึ้นตรงหน้าเกาเฉินเฉิน เธอซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงหยุน.. อ้อมแขนที่แข็งแกร่งปลอดภัยที่เธอใฝ่ฝันมาตลอดสามเดือนที่ถูกกักขัง
แต่มือใหญ่และอ้อมแขนของหลิงหยุนนั้นกลับโอบนิ่งอยู่ที่เอวของเกาเฉินเฉินไม่เคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย.
เวลานี้..อารมณ์และร่างกายของเกาเฉินเฉินยังไม่อยู่ในสภาพที่เป็นปกติดี จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่ควร..
“เฉินเฉิน..คุณยังไม่ตอบคำถามของผมเลยนะ!” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เอ่อ..”เกาเฉินเฉินถอนหายใจเบา
“หลิงหยุน..บอกตามตรงว่าต่อให้ฉันไม่อยากจะยอมรับความจริง แต่ท้ายที่สุดฉันก็ต้องยอมรับอยู่ดีว่าตอนนี้เราสองคนแตกต่างกันมาก นับวันฉันก็เหมือนกับต้องมองนายเดินห่างจากฉันไปเรื่อยๆ ฉันแทบไม่กล้าคิดอะไรไปไกลกว่านี้ แม้กระทั่งเวลานี้ที่นายอยู่ตรงหน้าฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนมันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ใจของฉันมันรู้สึกว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก.. ฉันรู้สึก.. ฉันรู้สึกหวาดกลัว..”
เกาเฉินเฉินพูดได้เพียงแค่นั้นภายในห้องก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงัด..
หลิงหยุนนั้นเข้าในความหมายในคำพูดของเกาเฉินเฉินได้เป็นอย่างดีแต่เรื่องที่หลิงหยุนเก่งที่สุดก็คือเรื่องแกล้งโง่!
“อะไรกันนี่ยังอยู่ไกลกันอีกงั้นเหรอ? ถ้างั้นก็เขยิบเข้าใกล้กันมากกว่านี้อีกสิ!”
พูดแล้วหลิงหยุนก็กระชับอ้อมแขนของตนเองแน่นขึ้นทำให้ร่างของคนทั้งคู่แนบชิดกันราวกับจะรวมเป็นหนึ่งเดียว
จากนั้นหลิงหยุนก็ก้มศรีษะลงอย่างไม่ลังเลและริมฝีปากของเขาก็สัมผัสเข้ากับริมฝีปากคู่งามของเกาเฉินเฉินทันที
“อืมม..”
เกาเฉินเฉินรอคอยสิ่งนี้มานาน..เธอจึงจูบตอบหลิงหยุนกลับไปอย่างกระตือรือร้น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ริมฝีปากของทั้งคู่จึงแยกออกจากกัน
เกาเฉินเฉินอ้าปากกว้างหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปในปอดครู่หนึ่งจึงกล้าลืมตามองหลิงหยุน และทันทีที่ลืมตาขึ้น เธอก็เห็นสายตาอ่อนโยนของหลิงหยุนที่จับจ้องอยู่ และลักยิ้มทรงเสน่ห์ที่สามารถทำให้หญิงใดที่ได้เห็นต้องอ่อนปวกเปียกในทันที
“ห๊ะ..”
และเกาเฉินเฉินก็รู้สึกเหมือนตัวเลยขึ้นจากพื้นจนต้องร้องอุทานออกมาและนาทีนั้นเองหลิงหยุนก็ได้อุ้มร่างของเกาเฉินเฉินขึ้น และพาไปนั่งบนโซฟาหนัง
จากนั้นหลิงหยุนก็พูดขึ้นอย่างมีเลศนัย“เอาล่ะ.. คุณหลับตาลงก่อน!”
เกาเฉินเฉินรีบหลับตาอย่างว่าง่ายพร้อมกับยิ้มออกมาหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงจัดการเรียกของสองสิ่งออกมาจากแหวนพื้นที่ และค่อยๆวางลงบนโต๊ะด้านหน้า แล้วก้มลงกระซิบบอกเกาเฉินเฉิน
“เอาล่ะ..ลืมตาได้แล้ว!”
เกาเฉินเฉินลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วและถึงกับต้องกระพริบตาถี่เมื่อเห็นสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้า แล้วเกาเฉินเฉินก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป..
ของสองสิ่งที่หลิงหยุนนำออกมาวางไว้นั้นเป็นเพียงของธรรมดาๆ และไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่กลับเป็นสิ่งของที่เกาเฉินเฉินคุ้นเคยอย่างมาก
เพราะมันคือสิ่งของของเธอเอง!
ชิ้นหนึ่งก็คือดิกชันนารีของเธอส่วนอีกชิ้นหนึ่งก็คือไดอารี่ของเธอ!
ที่ผ่านมานั้นแม้แหวนพื้นที่จะมีของจุอยู่เต็มไปหมดจนแทบไม่มีที่ว่างแต่หลิงหยุนก็ไม่เคยคิดที่จะโยนของสองสิ่งนี้ทิ้งเลยสักครั้ง
“นี่มัน..”
เกาเฉินเฉินร้องออกมาได้เพียงเท่านั้นนัยน์ตาของเธอก็พล่ามัวไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมา
“หลิงหยุน..นี่นายเอาของพวกนี้ติดตัวไว้ตลอดเลยเหรอ”
และแน่นอนว่าของทั้งสองสิ่งที่หลิงหยุนนำออกมานั้นก็ทำให้เกาเฉินเฉินซาบซึ้งกินใจมากยิ่งขึ้น..
“มันเปรียบเสมือนหัวใจของผม!”หลิงหยุนยิ้มอ่อนโยน และตอบเกาเฉินเฉินกลับไปด้วยความรัก
ช่างเป็นฉากโรแมนติกที่สร้างเซอร์ไพร์และความประทับใจให้กับเกาเฉินเฉินได้อย่างมาก
และแน่นอนว่าหลิงหยุนก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้เสมอ..
บทที่ 782: เสน่ห์ของหลิงหยุน!
ภายในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนั้นมีอะไรอยู่บ้างน่ะหรือ
หม้อเสินหนงกระบี่โลหิตแดนใต้ กระบี่มังกรขาว ดาบพายุ คันธนูทองคำ ลูกธนูเงิน เข็มเงิน เข็มทอง ลูกประคำโพธิ น้ำเต้าวิเศษ น้ำลายมังกร สมุนไพรล้ำค่า เห็ดหลินจือ บัวหิมะเทียนซัน หยกจักรพรรดิ สมุดเช็ค เช็คเงินสดจำนวนสิบล้าน หลิวเทวะทั้งสองต้น คัมภีร์เสวียนหวง และของวิเศษอีกหลายชิ้น
นอกจากนี้ยังมีของใช้ในชีวิตประจำวันของหลิงหยุนอย่างเสื้อผ้ารองเท้า ของกิน หม้อกระทะ แล้วก็เครื่องปรุงอาหารต่างๆ
ในวันข้างหน้าหากหลิงหยุนสามารถจัดการขยายพื้นที่ภายในแหวนพื้นที่ได้เขาก็จะมีพื้นที่ที่ใหญ่มากพอจะใส่รถหรูไว้ด้านในได้ และถึงตอนนั้นหลิงหยุนก็จะสามารถไปใหนมาใหนได้อย่างสะดวกสบาย..
แต่เวลานี้..เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด หลิงหยุนจึงต้องเลือกเก็บเฉพาะของที่จำเป็นลงในแหวนพื้นที่เท่านั้น และตั้งแต่วันที่เขาสามารถจดจำคำศัพท์ได้หมด เขาก็จัดการเก็บดิกชันนารีเล่มนี้ไว้ในแหวนพื้นที่ตลอดมา
หลิงหยุนยังจำได้ว่าเกาเฉินเฉินเป็นฝ่ายขออนุญาตจากกงเสี่ยวลู่ซึ่งเป็นครูประจำชั้นไปนั่งอยู่ข้างหลิงหยุนและด้วยความทรงจำที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุน เธอจึงท้าทายให้เขาท่องคำศัพท์ในพจนานุกรมเล่มนี้ทั้งเล่ม จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน..
แต่ช่วงเวลาที่ดีของทั้งคู่ก็อยู่ได้ไม่นานทั้งสองคนเพิ่งจะเริ่มสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่หลิงหยุนก็ต้องลงไปที่ใต้หลุมยักษ์ และนั่นเป็นเหตุให้เกาเฉินเฉินต้องเดินทางกลับไปที่ปักกิ่ง และไม่กลับมาจิงฉูอีกเลย
หลิงหยุนไม่ได้โกหกเกาเฉินเฉิน..
เขาระลึกถึงความรักมากมายที่เกาเฉินเฉินมีให้เขาเสมอมาและยิ่งได้อ่านไดอารี่ของเกาเฉินเฉินแล้ว เขาก็ยิ่งรู้และเข้าใจจิตใจของเธอมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าข้อความในไดอารี่จะไม่มีอะไรมากนักข้อความที่เขียนไม่ได้ยาวมากมาย แต่ก็ทำให้หลิงหยุนสามารถเข้าใจความรักสุดหัวใจที่เกาเฉินเฉินมีให้เขาได้อย่างชัดเจน
และนี่คือเหตุผลหลักที่หลิงหยุนตั้งใจเดินทางมาปักกิ่งเพื่อช่วยเกาเฉินเฉินและตระกูลเกา..
เวลานี้เกาเฉินเฉินกำลังอยู่ช่วงอารมณ์อ่อนไหวน้ำตาของเธอไหลพรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก และสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของหลิงหยุน
สำหรับเกาเฉินเฉินแล้วอาหารดีๆ แก้วแหวนเงินทอง รถหรู และความร่ำรวย ไม่อาจเทียบได้กับผู้ชายธรรมดาๆ ที่เธอเฝ้าห่วงหาอาทร และอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นอ่อนโยนจากเขา..
เกาเฉินเฉินไม่ได้มาจากครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นเพียงแค่หลิงหยุนคิดถึงเธอ และจดจำเธอไว้ในใจตลอดไปเช่นนี้ ก็ทำให้เกาเฉินเฉินซาบซึ้งใจอย่างที่สุดแล้ว..
“ฟังนะเฉินเฉิน..เรื่องทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว คุณก็ยังเป็นคุณ ผมก็ยังเป็นหลิงหยุนคนเดิม และตราบใดที่ผมยังอยู่ ผมจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณได้อย่างเด็ดขาด..”
หลิงหยุนปลอบโยนพร้อมกับลูบไหล่เกาเฉินเฉินอย่างนุ่มนวลจากนั้นก็นิ่งไม่พูดอะไรอีก
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย..
เกาเฉินเฉินไม่อาจแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งต่อไปได้อีกน้ำตาที่อดกลั้นไว้ตลอดสามเดือนนั้น ได้ระเบิดออกมาจนเปียกชุ่มเสื้อเชิ้ตสีขาวของหลิงหยุนเป็นวงใหญ่
ความจริงแล้วหลิงหยุนเองก็สะเทือนใจไม่น้อยเช่นกันเพราะเกาเฉินเฉินเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆที่ถูกจับไปขังไว้เป็นระยะเวลานาน เธอต้องต่อสู้กับเฉินเจี้ยนกุ่ยที่มีพละกำลังเหนือกว่ามากมาย ไม่เพียงเกาเฉินเฉินจะสามารถรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองไว้ได้ แต่กลับไม่เคยแพร่งพรายความลับสุดยอดของหลิงหยุนออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว!
สาวน้อยคนนี้ช่างมีจิตใจที่แข็งแกร่งกล้าหาญและมีความรักให้หลิงหยุนอย่างล้ำลึกอีกด้วย!
ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไปราวครึ่งชั่วโมงหลังจากที่เกาเฉินเฉินร้องไห้เพียงพอแล้ว เธอจึงหยุด..
หลิงหยุนค่อยๆยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนจากนั้นจึงอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ความจริงแล้ว..เรื่องที่ถังเมิ่งจะพูดนั้นผมเองก็รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร”
“ตอนที่ผมออกจากจิงฉูเดินทางมาปักกิ่งพร้อมกับพี่ชายของคุณนั้นผมไม่ได้บอกลาใครเลยนอกจากตี้เสี่ยวอู๋..”
“หลิงยู่กับหนิงน้อยคงต้องเป็นห่วงผมมากทั้งคู่โทรหาผมแทบทุกวัน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ อีกทั้งผลสอบเอนทรานซ์ของผมยังมาเป็นศูนย์อีก แบบนี้พวกเธอคงจะไม่สามารถนั่งนิ่งรออยู่ที่จิงฉูได้แน่..”
หลิงหยุนนั้นเข้าใจจิตใจของเกาเฉินเฉินได้เป็นอย่างดีคำพูดของหลิงหยุนเพียงไม่กี่ประโยคก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เกาเฉินเฉินได้รับรู้แล้ว และเป็นการบอกกับเกาเฉินเฉินเป็นนัยๆว่าไม่มีอะไรที่เขาคิดที่จะปิดบังเธอเลย!
เอิ่ม..แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยให้เธอรู้หมดไปเสียทุกเรื่อง..
อย่างเรื่องที่หลิงหยุนมีอะไรกับหลินเมิ่งหานและเหยาลู่แล้วอีกทั้งยังมีเรื่องของกงเสี่ยวลู่ หลงหวู่ ฉางหลิง แล้วก็อื่นๆอีก
และแน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพูดได้ในเวลานี้ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำลายบรรยากาศดีๆเสียเปล่า
“หลิงหยุน..ขอบคุณนายมาก!”
เกาเฉินเฉินหันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหยิบไดอารี่ของตนเองมาถือไว้ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“แต่นี่..นายกล้าอ่านไดอารี่ของฉันด้วยเหรอ! เสียมายาทจริงๆ แสดงว่านายก็รู้ความในใจของฉันหมดแล้วสิ..”
หลิงหยุนหัวเราะร่วนพร้อมกับตอบไปว่า“ต่อให้ผมไม่อ่านไดอารี่ของคุณ ผมก็รู้ว่าใจคุณคิดยังไง”
“เฉินเฉิน..ผมว่าคุณน่าจะหิวข้าวแล้วสินะ!” หลิงหยุนร้องถามขึ้น
เกาเฉินเฉินพยักหน้า“อืมม.. หิวสิ!”
จะไม่ให้หิวได้อย่างไรกันตอนที่หลิงหยุนไปช่วยเกาเฉินเฉินออกมานั้น เธอก็อาเจียนออกมาจนหมด เมื่อกลับไปที่บ้านก็ตื่นเต้นที่ได้พบกับคนในครอบครัวจนลืมเรื่องกินไป แต่ตอนนี้เมื่อหลิงหยุนพูดขึ้นมาเธอจึงรีบพยักหน้าทันที
และเวลานี้เกาเฉินเฉินก็หิวมากจนสามารถกินช้างเข้าไปได้ทั้งตัวเลยทีเดียว..
หลิงหยุนเองก็ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่บ่ายเวลานี้จึงรู้สึกหิวอย่างมาก..
“คุณไปแช่น้ำอุ่นให้สบายตัวก่อนดีกว่าผมจะจัดการสั่งอาหารขึ้นมาที่ห้องเอง”
“แต่ฉันไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน..”
เกาเฉินเฉินนึกขึ้นได้และไม่กล้าที่จะเปลือยร่างอยู่ในห้องกับหลิงหยุนแน่..
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมตอบกลับไปว่า“นี่คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเราอยู่ที่ใหน รับรองว่าไม่นานเสื้อผ้าของคุณจะถูกส่งมาถึงที่ห้อง ผมจะสั่งพนักงานโรงแรมจัดการเรื่องนี้ให้เอง แล้วพรุ่งนี้พวกเราค่อยไปหาซื้อที่ห้างสรรพสินค้า!”
“ถ้างั้นก็ได้..แต่นายห้ามแอบดูฉันอาบน้ำนะ!”
เกาเฉินเฉินลุกขึ้นยืนพร้อมกับทำเสียงดุดันกำชับหลิงหยุน
หลิงหยุนฉีกยิ้มและตอบกลับไปทันที“นี่ถ้าคุณไม่พูดผมก็ลืมไปเลยนะ!”
“ตาบ้า!”เกาเฉินเฉินรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเขินอาย
หลิงหยุนส่ายหน้ายิ้มๆจากนั้นจึงเดินไปกดที่ปุ่มเรียกพนักงาน
ไม่ช้า..เสียงน้ำไหลก็ดังขึ้นในห้องน้ำ แต่หลิงหยุนไม่ได้แอบดู และไม่จำเป็นต้องแอบดู เพราะหลิงหยุนรู้ดีว่าเกาเฉินเฉินเพียงแค่ปิดประตูห้องน้ำไว้แต่ไม่ได้ล็อค..
พนักงานโรงแรมขึ้นมาเคาะประตูห้องหลิงหยุนจึงสั่งให้จัดอาหารที่ดีที่สุดขึ้นมา และสั่งให้จัดหาชุดสำหรับผู้หญิงมาให้หนึ่งชุด
แต่เมื่อพนักงานสาวได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำเธอก็มองหลิงหยุนหน้าแดงอย่างเสียมารยาท ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา และหาได้ยากแบบหลิงหยุนนั้น พนักงานสาวก็เพิ่งจะได้เคยพบเห็นเป็นครั้งแรก และได้แต่แอบคิดว่าการทำงานกะดึกวันนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริงๆ!
“พ่อหนุ่ม..เอ่อ.. ขอโทษค่ะคุณผู้ชายเรื่องอาหารเดี๋ยวทางเราจะจัดขึ้นมาให้ทันที แต่ชุดสำหรับผู้หญิงนั้น ทางโรงแรมของเรามีแต่ชุดนอนเท่านั้นค่ะ..”
“ชุดนอนก็ได้ครับ..รบกวนคุณช่วยเตรียมให้ด้วย ส่วนนี่ทิปของคุณ”
หลิงหยุนนับว่าใจกว้างมากเขาหยิบเงินหนึ่งพันหยวนออกมายื่นให้กับพนักงานสาวทันที
“เอ่อ..”พนักงานสาวลังเลไม่กล้าที่จะรับ..
“รับไปเถิดครับ!”
หลิงหยุนยิ้มจนเห็นฟันขาวพร้อมกับโบกมือให้เธอออกไปจากห้องได้แต่ดูจากแววตาแล้วเหมือนเธอจะไม่เต็มใจที่จะเดินออกไปนัก
“หึหึ..เสน่ห์ของข้าคงจะล้นออกมาจนไม่สามารถปกปิดได้สินะ! หากเฉินเฉินไม่ตื่นเต้นก็คงเป็นเรื่องที่แปลกมาก..”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา..เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง พนักงานสาวสวยคนเดิมเดินกลับมาพร้อมกับพนักงานเสริฟที่ยกอาหารขึ้นมา
เวลานี้บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารน่ากินมากมายและกลิ่นหอมก็กระจายฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง
“หลิงหยุน..ช่วยหยิบเสื้อผ้าให้ฉันด้วย..”
ทันทีที่ประตูห้องปิดลงเสียงเกาเฉินเฉินก็ดังมาจากห้องน้ำ..