บทที่ 783 : ประกาศกร้าว!
  “มาแล้ว..”
  หลิงหยุนตอบพร้อมกับรีบกระโดดไปหยิบชุดนอนบนเตียงทันที
  “เอิ่ม..”
  หลิงหยุนถือชุดนอนผ้าแพรอ่อนนุ่มไว้ในมือพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก..
  “ดูเหมือนว่าทิปจำนวนมากที่ให้ไปจะไม่เสียเปล่าสินะ..”
  สายตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่ชุดนอนอีกหลายชุดที่วางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่บนเตียงมีทั้งสีชมพู สีแดงกุหลาบ สีม่วง แล้วก็สีเหลือง ถึงแม้จะมีสีสันแตกต่างกัน แต่เนื้อผ้านั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย
  ชุดนอนทุกชุดที่วางอยู่บนเตียงล้วนแล้วแต่มีเนื้อผ้าบางเบาแล้วก็โปร่งใส!
  เรียกได้ว่าเป็นชุดนอนผ้าแพรเนื้อบางอย่างดีที่สวมก็เหมือนกับไม่ได้สวมนั่นล่ะ..
  แต่ก็จะตำหนิพนักงานสาวคนสวยไม่ได้เพราะนี่เป็นช่วงหน้าร้อน อากาศในปักกิ่งก็ร้อนระอุราวกับอยู่ในตู้อบซาวน์น่า เธอจึงเลือกชุดนอนเนื้อบางที่สวมใส่สบายอีกทั้งยังสวยงาม และดึงดูดสายตาเช่นนี้มาให้ เชื่อว่าทั้งผู้ใส่และผู้มองก็คงจะปฏิเสธไม่ได้!
  และหากสาวสวยอย่างเกาเฉินเฉินได้สวมใส่ชุดนอนบางเบาเช่นนี้เดินกรีดกรายอยู่ภายในห้องเพรสซิเดนท์สูทของโรงแรมห้าดาวก็คงจะดึงเป็นภาพที่ดึงดูดสายตาของอีกฝ่ายอย่างมากเลยทีเดียว
  แต่ปัญหาก็คือว่า..ทั้งหลิงหยุนและเกาเฉินเฉินต่างก็ไม่ได้พบหน้ากันมานานถึงสามเดือน จึงจำเป็นที่จะต้องเริ่มทำการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่เสียก่อน และมันก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา..
  เกาเฉินเฉินเองก็เพิ่งจะฟื้นฟูสภาพจิตใจได้และคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก..
  “จะให้เฉินเฉินใส่สีอะไรดีนะ!”หลิงหยุนยืนเลือกชุดนอนด้วยความรู้สึกรักพี่เสียดายน้อง..
  “หลิงหยุน..นี่นายมัวทำอะไรอยู่ ฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว..” เสียงของเกาเฉินเฉินดังออกมาจากห้องน้ำ
  หลิงหยุนตัดสินใจหยิบชุดนอนผ้าแพรสีม่วงเนื้อบางและรีบวิ่งไปที่ประตูห้องน้ำทันที
  “เฉินเฉิน..เปิดประตูสิ!”
  “ห้ามนายแอบดูฉันเด็ดขาด!”
  เกาเฉินเฉินร้องบอกพร้อมกับค่อยๆแง้มประตูห้องน้ำออกแล้วแขนที่ขาวราวหิมะที่ชุ่มไปด้วยหยดน้ำก็ยื่นออกมา และร้องบอกเอียงอายอยู่หลังประตู..
  “ส่งมาสิ!”
  เกาเฉินเฉินยื่นแขนออกไปแต่กลับพบว่าหลิงหยุนไม่ยอมส่งชุดนอนในมือให้ จึงได้แต่แอบคาดหวังว่าหลิงหยุนคงกำลังคิดที่จะทำอะไรสักอย่างอยู่..
  “ครับ..ส่งให้เดี๋ยวนี้แล้ว!”
  หลิงหยุนรีบส่งชุดนอนสีม่วงในมือให้เกาเฉินเฉินแต่ก็ไม่ลืมที่จะดึงมือของเธอไว้
  “นี่..ตาบ้า!”
  เกาเฉินเฉินคิดว่าหลิงหยุนจะดึงเธอออกไปข้างนอกจึงรีบร้องตะโกนออกมา..
  “ฮ่า..ฮ่า..”
  หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังก่อนจะปล่อยมือเกาเฉินเฉินแล้วเดินออกจากหน้าห้องน้ำไป..
  หากหลิงหยุนต้องการทำไม่ดีเขาก็คงเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำตั้งนานแล้ว และไม่รอมาจนถึงตอนนี้หรอก..
  หลิงหยุนเดินไปหยุดยืนอยู่ที่กระจกหน้าต่างและจ้องมองภาพของเมืองปักกิ่งในยามค่ำคืนอย่างเพลิดเพลิน
  “เฮ้อ..”
  แต่เพียงครู่เดียว..หลิงหยุนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ราวกับว่าภาระอันหนักอึ้งที่อยู่ในใจนั้นได้ถูกวางลงเสียที!
  เพราะเวลานี้เกาเฉินเฉินปลอดภัยดีแล้ว!
  นับจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉิน หรือว่าตระกูลซัน หลิงหยุนก็พร้อมที่จะตอบโต้ศัตรูของเขากลับไปอย่างไร้ซึ่งความกังวลใดๆแล้ว!
  ในสายตาของหลิงหยุนเวลานี้มีภาพตึกสูงระฟ้าที่สว่างไสวสวยงามอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เขาจ้องมองภาพเหล่านั้นพร้อมกับประกาศกร้าวออกมาว่า..
  “ความเก่งกาจความรุ่งโรจน์ และความแข็งแกร่ง.. ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นของข้า!”
  ร่างที่สมส่วนอย่างไร้ที่ติของหลิงหยุนยืนนิ่งอยู่ที่กระจกหน้าต่างมือทั้งสองข้างกำแน่น ดวงตาเป็นประกายราวกับดวงไฟคู่นั้นจ้องมองนิ่งไปข้างหน้า และริมฝีปากก็แสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
  เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกเกาเฉินเฉินสวมชุดนอนสีม่วงเดินออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำและร้อนผ่าว..
  “หลิงหยุน..นี่นายจงใจเตรียมชุดนอนบ้าๆนี้ไว้ให้ฉันสินะ!”
  เกาเฉินเฉินตะโกนถามพร้อมกับถลึงตาใส่หลิงหยุนแต่ใบหน้าบูดบึ้งนั้นกลับแดงก่ำด้วยความเขินอาย
  เกาเฉินเฉินผู้น่าสงสารเวลานี้เธอสวมชุดนอนที่สามารถมองทะลุจนเห็นเรือนร่างด้านในได้อย่างชัดเจน..
  หลิงหยุนได้ยินเสียงพูดดังขึ้นด้านหลังจึงหันกลับไปมองพร้อมกับทำเสียง “อื้อหือ..” และแววตาล้อเลียน..
  เรือนร่างของหญิงสาวที่สูงหนึ่งเมตรเจ็ดสิบผมยาวถึงเอว และเรียวขาที่ยาวสวยงาม กำลังยืนนิ่งอวดร่องอกนวลเนียนผ่านชุดนอนคอวีสีม่วง และมือก็ถือหมอนใบใหญ่ปิดช่วงล่างของตนเองไว้ ผิวขาวภายใต้แสงไฟนั้นเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แววตาเต็มไปด้วยความเอียงอาย
  ชุดนอนสีม่วงนั้นขับให้เกาเฉินเฉินที่สวยงามอยู่แล้วดูลึกลับน่าค้นหามากยิ่งขึ้น!
  และสายตาของหลิงหยุนที่จ้องมองราวกับหมาป่านั้นก็ทำให้เกาเฉินเฉินเขินอายมากยิ่งขึ้น แม้ในใจจะรู้สึกมีความสุข แต่ปากก็ร้องตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน
  “หลิงหยุน..นี่นายกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่า ฉันตะโกนเรียกนายตั้งนาน นายไม่ได้ยินหรือยังไง?”
  “อะไรกัน..คุณเพิ่งจะเรียกผมเองไม่ใช่เหรอ” หลิงหยุนมัวแต่คิดอะไรเพลินจนไม่ทันได้ยินเสียงร้องเรียกของเกาเฉินเฉิน
  “นายนี่ร้ายนักนะ!เตรียมแต่เสื้อผ้าให้ฉัน แล้วชุดชั้นในล่ะ” เกาเฉินเฉินกัดฟันขาวดังกรอด..
  “อะไรนะ!ชุดชั้นในงั้นเหรอ?”
  หลิงหยุนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะร้องออกมาอย่างตกตะลึง“อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้สวมชุดชั้นในเลย”
  “นี่..ฉันกำลังโมโหนายจริงๆนะ!”
  เกาเฉินเฉินกรีดร้องออกมา..ตอนอาบน้ำนั้นเธอได้จัดการโยนชุดทั้งหมดของตนเองลงถังขยะไปแล้ว!
  เสื้อผ้าชุดนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยเป็นคนซื้อมาให้เกาเฉินเฉินและเธอจำเป็นต้องใส่ แต่เวลานี้หลิงหยุนช่วยเธอออกมาได้แล้ว ต่อให้ชำระล้างด้วยยันต์ธาราไปแล้ว แต่เธอก็ขยะแขยงและไม่อยากที่จะสวมใส่มันอีก
  เธอไม่อยากจะจดจำช่วงเวลาฝันร้ายตลอดสามเดือนที่ผ่านมาอีก!
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเดินไปตรงเข้าไปหาเกาเฉินเฉินจากนั้นจึงโน้มตัวลงไปใกล้ แล้วทำท่าสูดกลิ่นหอมจากเรือนร่างของเธอ และเอ่ยชมจากใจจริง
  “หืมม..หอมจังเลย!”
  จากนั้นก็ยื่นมือออกไปโอบร่างของเกาเฉินเฉินไว้ทันที
  “อ๊ะ..นี่นายจะทำอะไร”
  แม้จะตะโกนถามออกไปด้วยความตื่นตกใจเช่นนั้นแต่ส่วนลึกเธอก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้าน และดูเหมือนจะคาดเดาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
  “อากาศร้อนแบบนี้ยังต้องใส่ชุดชั้นในอีกเหรออีกอย่าง.. ผมเองก็เคยเห็นมาหมดแล้ว แต่จะว่าไปมองอีกทีก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่นะ..”
  หลิงหยุนพูดยิ้มๆและพาเกาเฉินเฉินเดินตรงไปที่โต๊ะอาหารทันที
  “มากินข้าวกันดีกว่า..อาหารเย็นหมดแล้ว!”
  หลิงหยุนจัดการยกเก้าอี้ไปให้เกาเฉินเฉินนั่งส่วนตัวเขาก็เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับร้องบอกว่า
  “ดูสิ..มีแต่ของดีๆทั้งนั้นเลยนะ! ทั้งล็อบส์เตอร์ หูฉลาม รังนก พระกระโดดกำแพง.. หน้าที่ของพวกเราก็คือจัดการสังหารมันให้หมด!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เรียกน้ำเต้าวิเศษออกมาจากแหวนพื้นที่และจัดการหยดน้ำลายมังกรลงไปในจานพระกระโดดกำแพงสองสามหยด
  น้ำลายมังกรนั้นไม่เพียงให้พลังชีวิตแต่ยังมีกลิ่นที่หอมหวนอย่างมากด้วย
  “ว้าว..กลิ่นหอมจังเลย!”
  กลิ่นหอมของน้ำลายมังกรคลุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้องเกาเฉินเฉินถึงกับต้องหยุดสูดดมกลิ่นหอมเข้าไปจนเต็มปอดพร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
  “นี่มันอะไรเหรอทำไมถึงได้มีกลิ่นหอมแบบนี้..”
  เกาเฉินเฉินไม่สามารถอดทนรอต่อไปได้อีกเธอรีบหยิบช้อนสีทองขึ้นมาตักน้ำซุปเข้าปากทันที
  “นี่คือน้ำลายมังกร..มีประโยชน์อย่างมหาศาลเลยทีเดียว!”
  หลิงหยุนตอบในขณะที่ดวงตาจับจ้องอยู่แถวเนินอกขาวนวลของเกาเฉินเฉินสายตาของเขาราวกับอดอยากมานาน..
  “นี่..ห้ามมอง!”
  เกาเฉินเฉินร้องบอกอย่างเอียงอายเมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลิงหยุน
  “เฉินเฉิน..คุณสวยขนาดนี้.. จะให้ผมอดใจไหวได้ยังไง”
  หลิงหยุนฉีกยิ้มกว้างก่อนจะใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก..
  เกาเฉินเฉินทำทีเป็นโมโหแต่ความจริงแล้วไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เพราะทั้งหลิงหยุนและเธอก็เคยอยู่ด้วยกันสองต่อสอง และทำอะไรมากกว่านี้มาแล้ว จะเหลือก็เพียงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น
  เกาเฉินเฉินเห็นหลิงหยุนคีบอาหารเข้าปากเธอก็คีบอาหารเข้าปากเช่นกัน และอาหารมื้อนี้สำหรับหลิงหยุนก็ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
บทที่ 784 : มากันหมด!
  อาหารตรงหน้านั้นทั้งสีสันกลิ่นหอม และรสชาติล้วนดีเยี่ยม เกาเฉินเฉินจึงกินแทบไม่หยุดหายใจ
  เมื่อคนเราหิวโหยอย่างมากและต้องการที่จะเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่าแล้วล่ะก็ ปัญหาทุกอย่างก็ล้วนไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป! เกาเฉินเฉินไม่สนใจสายตาของหลิงหยุนอีก..
  “เฉินเฉิน..ค่อยๆกิน เคี้ยวช้าๆ แล้วก็ดื่มน้ำตามด้วย..”
  มนุษย์เราจำเป็นต้องกินอาหารเข้าไปทุกวันเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานแต่หลิงหยุนซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9 นั้น มีพลังชีวิตหมุนเวียนอยู่ อีกทั้งยังมีพลังหยิน-หยางที่ไม่เคยขาดแคลน เปรียบเสมือนแม่น้ำทั้งห้าสายที่ไหลมารวมกัน
  พูดง่ายๆก็คือว่า..อาการหิวของหลิงหยุนนั้นเกิดจากธรรมชาติ และความเคยชินของร่างกาย และที่เขารับประทานอาหารนั้นก็เพียงแค่เติมเต็มท้องที่ว่างเปล่าเท่านั้น
  ดังนั้นแม้จะมีอาหารรสเลิศมากมายบนโต๊ะหลิงหยุนก็กินไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือทั้งหมดก็ลงไปในท้องของเกาเฉินเฉินแทน
  หน้าที่หลักของหลิงหยุนจึงมีเพียงแค่นั่งชื่นชมเรือนร่างที่สวยงามเซ็กซี่ของเกาเฉินเฉินเท่านั้นแล้วก็ต้องคอยร้องเตือนให้เธอกินช้าๆ
  “โอย..อิ่มตื้อเลย!”
  ในที่สุดเกาเฉินเฉินก็ร้องออกมาหลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตากินจนอิ่ม..
  เกาเฉินเฉินมองหน้าท้องที่ป่องออกมาของตนเองอย่างอายๆแต่แล้วก็ย้ายไปนั่งข้างหลิงหยุนพร้อมกับทำเสียงตำหนิ
  “ทั้งหมดเป็นความผิดของนาย!”
  หลิงหยุนยกมือทั้งสองข้างผายไปที่โต๊ะอาหารพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ก็คุณกินจนหมดไม่เหลืออะไรเลย! เอาล่ะ.. ถ้ากินเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเดินย่อยอาหารได้แล้ว เคยมั๊ยว่าหลังจากกินอาหารเสร็จ ให้เดินหนึ่งร้อยก้าว จะทำให้อายุยืนยาวได้ถึงเก้าสิบเก้าปีทีเดียว..”
  “เอาล่ะ..ลุกขึ้นเดินย่อยได้แล้ว..”
  มาถึงตอนนี้..เกาเฉินเฉินคุ้นชินกับสายตาโลมเลียของหลิงหยุนแล้ว เธอจึงไม่หวาดกลัวหรือเขินอายสายตาของเขาอีก และลุกขึ้นบิดสะโพกอ่อนช้อยขึ้นยืนทันที..
  หลิงหยุนเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันพร้อมกับพึมพำว่า“คุณเดินไปก่อน.. ผมจะไปเรียกบริกรมาเก็บโต๊ะอาหาร..”
  เกาเฉินเฉินได้ฟังถึงกับตกใจและพูดขึ้นอย่างโมโห “นี่นายบ้าไปแล้วหรือไง ฉันใส่ชุดแบบนี้ยังจะเรียกคนอื่นมาดูอีกงั้นเหรอ?”
  “จริงด้วย..ผมลืมนึกไป!”
  หลิงหยุนเหลือบมองร่างของเกาเฉินเฉินพร้อมกับยอมรับผิดแต่โดยดีและล้มเลิกความคิดที่จะเรียกบริกรขึ้นมาเก็บโต๊ะทันที
  เกาเฉินเฉินแต่งตัวแบบนี้แม้แต่หลิงหยุนยังชอบมอง แต่หากมีคนอื่นกล้ามองเฉินเฉินในชุดนี้แล้วล่ะก็ รับรองว่าเขาจะต้องควักลลูกตาของมันออกมาอย่างแน่นอน
  “ห้องนี้ใหญ่มากจริงๆน่าจะแพงมากเลยทีเดียว..”
  เกาเฉินเฉินเดินเท้าเปล่าอยู่บนพรมนุ่มสบายภายในห้องแต่เมื่อเดินไปได้สองรอบ เธอก็ไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างซึ่งหลิงหยุนยืนอยู่ก่อนหน้านี้ และจ้องมองออกไปไกล..
  จากนั้นเกาเฉินเฉินจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบา“ครูประจำชั้นสบายดีมั๊ย”
  “สบายดี!”
  “แล้วฉางหลิงล่ะไม่รู้ว่าผลสอบเอนทรานซ์ของเธอเป็นไงบ้าง?”
  “คะแนนของฉางหลิงสูงทีเดียวฉางหลิงส่งข้อความมาบอกผม..”
  เกาเฉินเฉินได้ฟังถึงกับใจสั่นเธออยากจะถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉางหลิงกับหลิงหยุน แต่ก็เลือกที่จะเงียบ..
  หลังจากผ่านประสบการณ์มามากมายไม่ว่าจะเป็นเสียใจ ทุกข์ใจ สับสน ซาบซึ้ง และประทับใจ แต่หลังจากที่ท้องอิ่ม อารมณ์ของเธอก็สงบนิ่งลงไปด้วยเช่นกัน และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งสภาพอารมณ์ของเกาเฉินเฉินก็ดำเนินไปในทิศทางที่หลิงหยุนพอใจ และคาดหวังไว้
  ซึ่งก็คือภาวะอารมณ์ที่เหมาะสมและพร้อมสำหรับการฝึกบ่มเพาะ..
  หลังจากที่หลิงหยุนไล่ถังเมิ่งออกไปห้องจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่มันก็ทำให้เกาเฉินเฉินที่อ่อนไหวรู้สึกดีขึ้นมาก และทำให้เธอสงบลงไปได้มากจริงๆ
  “หลิงหยุน..ที่นี่มีแค่เราสองคนแล้ว! นายตอบฉันมาตามความเป็นจริงว่านายจะสามารถทำให้คนในครอบครัวของฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้จริงๆอย่างนั้นเหรอ”
  “อะไรกัน!นี่คุณไม่เชื่อในความสามารถของผมหรือยังไง?” หลิงหยุนร้องถามออกมาทันที
  เกาเฉินเฉินหน้าแดงแต่ก็ไม่หันกลับหลังกลับไปมองหลิงหยุน หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่ เธอจึงถามต่อว่า
  “แล้วเมื่อไหร่นายจะเริ่มสอนวรยุทธให้กับฉัน”
  เกาเฉินเฉินไม่ต้องการให้ช่องว่างระหว่างเธอกับหลิงหยุนต้องห่างมากไปกว่านี้อีกทั้งยังเป็นห่วงคนในครอบครัว จึงรีบร้อนอยากเรียนวรยุทธกับหลิงหยุนโดยเร็ว
  “อีกครึ่งเดือน..ต้องรอให้คุณฟื้นตัวสักระยะก่อน..”
  เกาเฉินเฉินถามอย่างงุนงงไม่เข้าใจ“แต่ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไร ก็แค่ซูบผอมลงไปบ้างเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงตอบกลับไป“เฉินเฉิน.. เคล็ดวิชาบ่มเพาะของผมนั้นแตกต่างจากวิชาบ่มเพาะที่พวกคุณได้รู้ได้ฟังมา วิชาบ่มเพาะของผมนั้นผู้ฝึกจะต้องมีสภาพจิตใจและร่างกายที่มั่นคง..”
  “คุณไม่ต้องกังวลใจไป..รอให้สภาพจิตใจและอารมณ์ของคุณเสถียรก่อน ผมรับรองว่าถึงเวลานั้นกำลังภายในของคุณจะเหนือว่าพี่ชาย หรือไม่แน่ว่าอาจจะเหนือกว่าพ่อของคุณก็เป็นได้!”
  หลิงหยุนได้ทำการชำระล้างร่างกายของเกาเฉินเฉินอีกทั้งยังมีพลังอมตะหมุนเวียนอยู่ในร่างกาย หากหลิงหยุนได้บ่มเพาะเคียงคู่กับเธอ แน่นอนว่าทั้งเขาและเกาเฉินเฉินต่างก็จะสามารถไปได้ไกลเกินกว่าที่จะคาดคิดได้
  หลิงหยุนมั่นใจอย่างยิ่งว่าหากเขาและเกาเฉินเฉินได้บ่มเพาะเคียงคู่กันนั้น เกาเฉินเฉินจะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-3 ได้เป็นอย่างน้อย ส่วนจะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-4 ได้หรือไม่นั้น ก็คงต้องแล้วแต่โชคชะตา!
  “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ!”เกาเฉินเฉินร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อ
  หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ถูกต้อง.. ” แต่หลิงหยุนก็จงใจที่จะไม่พูดเรื่องบ่มเพาะเคียงคู่ให้เกาเฉินเฉินได้รู้
  “ฉันยังมีคำถามที่อยากจะถามนายอีก..”
  เกาเฉินเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมาอายๆ
  ร่างของหลิงหยุนพุ่งไปยืนอยู่ด้านหลังของเกาเฉินเฉินทันทีและเอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเธอไว้ จากนั้นก็วางคางไว้บนไหล่ของเกาเฉินเฉินพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  “ถามมาได้เลย..”
  “ตอนที่อยู่จิงฉูเราสองคนเกือบจะ..เกือบจะ.. แต่ทำไมนายถึงได้ยังไม่..”
  “นาย..นายเองก็ยังไม่เคยใช่มั๊ย”
  หลังจากที่พูดออกไปเกาเฉินเฉินก็ซุกหน้าเข้าไปกลางอกของหลิงหยุนพร้อมกับถามเสียงเบา..
  หลิงหยุนจึงแนบริมฝีปากเข้าที่ใบหูของเกาเฉินเฉินพร้อมกับกระซิบเสียงเบาเช่นกัน
  “อย่าโง่ไปหน่อยเลย..คุณเป็นผู้หญิงของผม จะช้าหรือเร็วก็ต้องเป็นของผมอยู่ดี จะกังวลเรื่องนี้ไปทำไมกัน”
  แล้วริมฝีปากของทั้งคู่ก็แนบเข้าหากันอีกครั้ง..
  ………
  เกาเฉินเฉินนั้นทั้งตื่นเต้นและดูเหนื่อยล้าอย่างมาก หลิงหยุนเห็นว่าร่างกายของเธอนั้นต้องการการพักผ่อน จึงได้ทำการจี้จุดหลับของเกาเฉินเฉิน และอุ้มร่างที่หลับไหลของเธอไปวางลงบนเตียง แล้วจัดการห่มผ้าให้ ส่วนตัวเขาก็กลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม
  ระหว่างที่นั่งครุ่นคิดอะไรอยู่เงียบๆหลิงหยุนก็สังเกตุเห็นว่าโทรศัพท์มือถือของถังเมิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นมีไฟกระพริบไม่หยุด
  ตอนที่ถังเมิ่งเดินออกไปจากห้องนั้นเขาลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกไปด้วย แต่ได้กดปิดเสียงไว้ และเวลานี้ก็มีสายที่ไม่ได้รับมากมาย..
  หลิงหยุนไม่อยากจะรับแต่เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์มือถือของถังเมิ่งยังคงกระพริบไม่หยุด เขาจึงต้องกดรับสาย..
  แต่ปรากฏว่าปลายสายกลับเป็นเสียงของถังเมิ่ง“พี่หยุน.. พี่เป็นไงบ้าง”
  หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและถามขึ้นว่า“นี่.. แล้วตอนนี้นายอยู่ที่ใหน เอาโทรศัพท์ของใครโทรเข้ามา?”
  แน่นอนว่าหลิงหยุนใช้โทรศัพท์มือถือของพี่น้องแก๊งมังกรเขียวที่อยู่ด้วยกัน..
  “เฉินเฉินหลับไปแล้วนายขึ้นมาหาฉันได้แล้ว!”
  “ได้เลย..ไม่เกินสองนาที!”
  หลังจากที่วางสายไปไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำไปถังเมิ่งก็มาถึงหน้าประตูห้องเพรสซิเดนท์สูทเรียบร้อยแล้ว..
  หลิงหยุนเห็นถังเมิ่งมาถึงแล้วจึงรีบเดินไปที่ประตู และกระซิบบอกถังเมิ่งว่า “ ไปคุยกันที่ลิฟท์”
  “นี่พี่หยุน.. ทุกอย่างไปได้สวยใช่มั๊ย” ทันทีที่ถังเมิ่งเห็นหน้าหลิงหยุนก็อ้าปากถามทันที
  หลิงหยุนยกมือขึ้นเขกหัวถังเมิ่งพร้อมกับทำเสียงตำหนิ“นี่นายกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันเพิ่งจะช่วยเกาเฉินเฉินออกมา นายไม่เห็นหรือยังไงว่าเธอผอมไปมากแค่ใหน?”
  พูดจบ..หลิงหยุนก็มองถังเมิ่งอย่างสำรวจพร้อมทำสีหน้าสงสัย แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันว่านายควรจะหาแฟนได้แล้วล่ะ ดูเหมือนฮอร์โมนของนายจะขึ้นๆลงๆ!”
  หลังจากที่เป็นฝ่ายตัดใจจากหนิงหลิงยู่เองถังเมิ่งก็มีประสบการณ์เจ็บปวดจากอาการอักหัก แต่เขาก็เยียวยาตัวเองด้วยการทำงานยุ่งๆ ตามคำสั่งของหลิงหยุน และไม่เคยสนใจหรือคิดเรื่องผู้หญิงอีกเลย เขาจึงตอบหลิงหยุนไปอย่างไม่ใส่ใจนัก..
  “พี่หยุน..เรื่องไร้สาระ จิ๊บจ๊อย ฉันจะหาเมื่อไหร่ก็ได้!”
  ตราบใดที่มีเงินและอำนาจรับรองว่าไม่ขาดผู้หญิงอย่างแน่นอน..
  ทั้งคู่คุยเล่นกันอีกสองสามคำก็เข้าเรื่องสำคัญทันทีถังเมิ่งจ้องหน้าหลิงหยุนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง..
  “พี่หยุน..พรุ่งนี้ไม่ได้มีแค่ครูกงนะที่จะมา แต่ทั้งเซียนเอ๋อ หนิงน้อย พี่หลิน หลงหวู่ ฉางหลิง แล้วก็น้าหญิงของท่าน ทุกคนก็จะมากันหมดเลย!”
  “นายว่าอะไรนะ!”หลิงหยุนร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ!
  มากันหมดงั้นหรือถ้าเป็นเช่นนั้นจริง.. ต่อให้หลิงหยุนมีสามหัวหกมือก็คงไม่เพียงพอ!
  แต่หลิงหยุนกลับนึกถึงปัญหาใหญ่สุดพร้อมกับร้องถามออกมา“น้าหญิงกับหลลิงยู่ก็จะมาด้วยงั้นเหรอ!”
  ถังเมิ่งเกาหัวแกรกพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะมาถึงเย็นนี้หรือเปล่า เพราะยังไม่มีใครโทรหาฉันเลย..”
  หลิงหยุนถึงกับยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าของตนเองพร้อมกับรำพึงรำพันออกมา“ในเมื่อพวกเขาจะมา.. ฉันจะทำอะไรได้”
  การที่หลิงหยุนไม่รับทั้งโทรศัพท์และไม่เปิดข้อความอ่านนั้นก็เพราะกลัวว่าสาวๆของพวกเขาจะพากันแห่มาปักกิ่งนั่นเอง เพราะเพียงแค่เกาเฉินเฉินคนเดียวเขายังพอคุ้มครองดูแลได้ แต่ถ้ายกโขยงมากันหมดแบบนี้ เขาคงไม่เป็นอันได้ทำอะไรพอดี..
  ถังเมิ่งผายมือยักไหล่และพูดขึ้นอย่างคนหมดหนทาง“พี่หยุน.. ฉันทำดีที่สุดแล้ว! พี่ลองคิดดูสิ.. ไม่ว่าจะเป็นเซียนเอ๋อ หนิงน้อย พี่หลิน หรือหลงหวู่ มีใครที่ฉันสามารถห้ามได้บ้าง!”