บทที่ 785 : ฝันร้าย!
“เฮ้อ..อย่าว่าแต่นาย ฉันเองยังห้ามไม่ได้เลย!”
จากนั้นสองคนพี่น้องต่างก็เงียบไปทั้งครู่มองตากันครู่หนึ่ง แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“คนอื่นยังไม่เท่าไหร่แต่เซียนเอ๋อกับหนิงน้อยนี่สิ!”
หลิงหยุนครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงยิ้มพร้อมพูดขึ้นมาว่า“แต่ฉันพอมองเห็นคนที่จะมาช่วยฉันเรื่องนี้ได้แล้ว..”
“ใครเหรอพี่หยุน!”ถังเมิ่งร้องถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็น้าหญิงไงล่ะ!”
เพราะฉินตงเฉี่วยมีทั้งสถานะและความอาวุโสอยู่ในตัว!
ถังเมิ่งตบหน้าขาเสียงดังป้าบพร้อมกับร้องออกมาอย่างดีใจ“จริงด้วย.. ฉันลืมน้าฉินไปได้ยังไง”
ความจริงแล้วถังเมิ่งไม่ได้ลืมนึกถึงฉินตงเฉี่วยเลยเพียงแต่ทั้งสถานะและความอาวุโสของนาง ทำให้ถังเมิ่งสึกหวาดกลัว และไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้นางต่างหาก ถังเมิ่งจะไปหานางก็เฉพาะเวลาที่มีเรื่องของหลิงหยุนเท่านั้น
“ตอนนี้สถานการณ์ในปักกิ่งค่อนข้างตึงเครียดไม่เหมะที่จะให้สาวๆมา เพราะจะยิ่งวุ่นวายมากขึ้น..”
เพียงแค่ช่วยเกาเฉินเฉินออกมาก็วุ่นวายมากพอแล้วหากเหล่าเทพธิดาของเขามาที่นี่อีก หลิงหยุนคงต้องวุ่นจนไม่มีเวลาทำอะไรแน่ๆ
หลิงหยุนเรียกโทรศัพท์มือถืออกมาจากแหวนพื้นที่และรีบกดโทรหาหนิงหลิงยู่ทันทีโดยไม่สนว่าจะเป็นเวลากี่โมง เพราะหลิงหยุนรู้ดีว่าน้องสาวของเขานั้นน่าจะยังไม่หลับ
และก็จริงอย่างที่หลิงหยุนคาดเดาเพราะโทรศัพท์มือถือดังเพียงแค่ครั้งเดียว หนิงหลิงยู่ก็กดรับสายทันที และน้ำเสียงที่ตื่นเต้นก็ดังขึ้นที่ปลายสาย
“พี่ใหญ่!”
“หลิงยู่..ตอนนี้พี่ยังไม่เสร็จธุระในปักกิ่งเลย แต่เพราะผลคะแนนสอบเอนทรานซ์ของพี่ทำให้เซียนเอ๋อ และหนิงน้อยต่างก็กังวลใจมาก พี่ได้ข่าวว่าทั้งคู่จะเดินทางมาปักกิ่งวันนี้ เธอช่วยไปบอกน้าหญิงให้จัดการห้ามทุกคนไม่ให้มาที่นี่ด้วย เพราะจะยิ่งสร้างความวุ่นวายให้กับพี่!”
“ค่ะพี่ใหญ่..”
หนิงหลิงยู่รู้ว่าพี่ชายของเธอนั้นคงต้องยุ่งมากจริงๆไม่เช่นนั้นคงไม่โทรหาเธอกลางดึกเช่นนี้ เธอจึงรีบตกปากรับคำทันที
“พี่มีข่าวดีจะบอกเธอด้วย..พี่ช่วยเกาเฉินเฉินออกมาได้แล้ว เวลานี้เฉินเฉินปลอดภัยดีแล้ว! ได้ข่าวว่าฉางหลิงเองก็กำลังจะมาปักกิ่งเหมือนกัน ดีล่ะ.. ทั้งคู่จะได้พบหน้ากันซะที!”
ฉางหลิงและเกาเฉินเฉินต่างไม่เพียงนั่งโต๊ะติดกันมานานถึงสามปีแต่ทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนสนิท และค่อนข้างรู้ใจกันอย่างมาก และคนแรกที่เกาเฉินเฉินถามถึงก็คือฉางหลิง หลิงหยุนรู้สึกว่าหากฉางหลิงมาก็จะช่วยให้เกาเฉินเฉินกลับคืนสู่สภาพปกติได้เร็วยิ่งขึ้น
“อืมม..”
หนิงหลิงยู่เพียงแค่ทำเสียงรับรู้อยู่ในลำคอแต่กลับไม่พูดอะไรมาก
“หลิงยู่..อย่าลืมว่าต้องค่อยๆฝึกไปทีละขั้นตอนนะ อย่ารีบร้อนที่จะก้าวหน้ามากนัก! เพราะยิ่งพื้นฐานแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ในวันข้างหน้าก็จะสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น เธอเข้าใจใช่มั๊ย”
หลิงหยุนไม่ลืมที่จะกำชับหนิงหลิงยู่ด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะวางสายไป..
“พี่ใหญ่..พี่อยู่ที่นั่นก็ต้องระวังตัวให้มากๆนะ..” หนิงหลิงยู่บอกหลิงหยุนด้วยความเป็นห่วง
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ได้.. พี่จะระวังตัวให้มาก! เธอช่วยบอกน้าหญิงแทนพี่ด้วยว่า.. ไว้พี่เสร็จธุระที่นี่แล้วจะรีบกลับจิงฉูทันที เอาล่ะ.. พี่ต้องวางสายก่อนนะ แล้วเธอก็รีบไปพักผ่อนได้แล้ว..”
หลังจากที่วางสายจากหนิงหลิงยู่แล้วหลิงหยุนก็ปิดโทรศัพท์ทันทีโดยไม่สนใจข้อความที่ยังไม่ได้อ่านมากมาย
“พี่หยุน..หลายวันนี้พี่อยู่ปักกิ่งคนเดียว คงมีเรื่องหนักใจมาสินะ!”
ถังเมิ่งจัดการจุดบุหรี่สูบและร้องถามหลิงหยุนด้วยสีหน้าจริงจัง..
“อืมม..”
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องสร้างภาพต่อหน้าถังเมิ่งเขาถอนหายใจยาวก่อนจะตอบกลับไปอย่างเหนื่อยล้า
“มากทีเดียว!”
หลิงหยุนไม่เพียงมีแรงกดดันที่สูงแต่ยังมีภาระหนักอึ้งที่เขาต้องแบกรับไว้บนบ่าอีกด้วย!
ในการต่อสู้กับศัตรูนั้นหากหลิงหยุนไม่มีกระบี่โลหิตแดนใต้ ไม่มีกระบี่มังกรขาว หรือดาบพายุที่ทรงอานุภาพแล้วล่ะก็ เขาก็ยากที่จะเอาชนะ หรือสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 ได้อย่างแน่นอน!
และหากหลิงหยุนไม่ได้ฝึกวิชาดาราคุ้มกายเขาก็คงไม่มีสิ่งวิชาป้องกันตัวที่ทรงอานุภาพ และคงยากที่จะต้านทานแม้แต่ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5 ได้ด้วยซ้ำไป
และยิ่งไปกว่านั้นหากหลิงหยุนไม่มีวิชาพลังมังกรไม่มียันต์ขุมพลัง ไม่มีน้ำลายมังกรที่จะทำให้เขามีกำลังภายในที่แข็งแกร่งแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่แวมไพร์ขั้นมาร์ควิส ขั้นเคาน์ และไวส์เคานต์เลย แม้แต่แวมไพร์ขั้นบารอน เขาก็คงจะไม่สามารถเอาชนะได้แน่..
และหากหลิงหยุนไม่มีสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้นความสามารถของเขาคงอยู่ในระดับเดียวกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-4 เท่านั้น
ไม่เพียงหลิงหยุนจะมีศัตรูมากมายแต่พ่อของเขาหลิงเสี่ยวก็ยังคงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อีกทั้งตระกูลหลิงเองก็ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ และต้องการการปกป้องคุ้มครองจากเขา..
เรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้หลิงหยุนต้องเดินทางมาที่ปักกิ่งนั้นก็คือหลิงหยุนต้องการที่จะสืบหาตัวผู้ที่จ้างวานองค์กรนักฆ่าให้ส่งคนไปสังหารตนเอง
แต่ศัตรูซึ่งอยู่ในที่ลับเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะหาพบได้ภายในวันสองวันเสียเมื่อไหร่..
หลิงหยุนอาจจะดูสบายๆไม่มีทีท่าทุกข์ร้อนใจต่อหน้าคนอื่น แต่ภาระและแรงกดดันที่เขาต้องแบกรับนั้น ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออกเช่นกัน ทุกวันนี้หลิงหยุนแทบไม่มีเวลาได้ฝึกฝนกำลังภายใน และจิตใจ เรื่องนี้นับว่าเป็นปัญหาที่หลิงหยุนต้องหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด..
ถังเมิ่งเป็นน้องชายของหลิงหยุนและเปรียบเสมือนพยาธิในท้องของเขา ทั้งคู่จึงแทบไม่ต้องพูดอะไรกันมากมาย และเพียงแค่มองตาก็สามารถเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้อย่างถูกต้อง
สองสามวันที่ผ่านมาหลิงหยุนวุ่นวายอยู่กับเรื่องของเกาเฉินเฉินจนแทบไม่มีเวลาโทรหาถังเมิ่ง ถังเมิ่งจึงเข้าใจได้ดีว่าหลิงหยุนอยู่ปักกิ่งคนเดียวเช่นนี้ คงต้องเผชิญกับเรื่องที่หนักหนาสาหัสพอสมควร
ถังเมิ่งไม่สามารถช่วยอะไรได้จึงได้แต่พูดออกไปว่า “พี่หยุน.. ใหนๆพี่ก็ช่วยเกาเฉินเฉินออกมาได้แล้ว ถ้าไง.. ถอยกลับไปจิงฉูก่อนดีมั๊ย แล้วค่อยคิดหาหนทางกันใหม่?”
หลิงหยุนอึ้งไปเล็กน้อยเขายกมือขึ้นตบบ่าถังเมิ่งด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วจึงตอบกลับไปยิ้มๆ
“ให้ฉันถอยแล้วก็หนีงั้นเหรอถังเมิ่ง.. นายจำไว้ให้ดี เวลานี้ในพจนานุกรมของฉันไม่มีสองคำนี้!”
หลิงหยุนฝึกบ่มเพาะเพื่ออะไรอย่างนั้นหรือ
คำตอบก็คือเพราะเขาต้องการแข็งแกร่งแล้วก็แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น..
หลิงหยุนต้องการที่จะผ่านบททดสอบจากสวรรค์ขั้นสุดท้ายให้ได้..และขนาดบททดสอบที่เหี้ยมโหดจากสวรรค์เขายังไม่หวาดกลัว แล้วเหตุใดเขาจึงต้องถอย หรือหนีอีกด้วยเล่า
อีกทั้งหลิงหยุนต้องการก้าวสู่ความเป็นอมตะ!
การฝึกบ่มเพาะของหลิงหยุนนั้นเป็นการฝึกที่เกี่ยวเนื่องกับจิตใจ หากเขาสร้างความคิดที่จะหนีแม้เพียงครั้งเดียวขึ้นมาในจิตใจ สภาพความแข็งแกร่งมั่นคงของจิตใจเขาก็จะไม่สมบูรณ์อีกต่อไป..
เพราะแม้ว่าจะไม่ส่งผลมากมายกับหลิงหยุนในเวลานี้แต่จะส่งผลกระทบกับเขาอย่างมากในช่วงที่ต้องเผชิญบททดสอบสุดท้ายจากสวรรค์!
หลิงหยุนล้มเหลวมาครั้งหนึ่งแล้วและไม่ต้องการที่จะล้มเหลวอีกเป็นครั้งที่สอง!
หลิงหยุนตอบถังเมิ่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง!
ถังเมิ่งเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจหลิงหยุนดีเขาดูดบุหรี่เข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้..
หลิงหยุนกำลังลังเลใจว่าจะบอกเรื่องที่เขามาพบกับครอบครัวที่แท้จริงของตนเองให้ถังเมิ่งรู้ดีหรือไม่แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะยังไม่บอกใคร และตั้งใจว่าจะรอจนกว่าเขาจะหาพ่อของตนเองพบเสียก่อน
หลิงหยุนไม่ต้องการเป็นต้นเหตุให้ถังเมิ่งต้องตกอยู่ในอันตรายและไม่ต้องการให้พ่อและตระกูลหลิงต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน และไม่ต้องการให้กระทบกับแผนการทั้งหมดที่เขาได้วางไว้
“ไม่มีเรื่องอื่นแล้วใช่มั๊ยถ้าไม่มี.. นายก็กลับไปพักผ่อนได้! แล้วพรุ่งนี้ก็อย่าลืมมารับฉันไปที่สนามบินด้วยล่ะ!”
ตอนนี้ก็ตีสามแล้วหลิงหยุนอาจจะสามารถทานทนได้ แต่ถังเมิ่งนั้นตาแดงก่ำ เพราะอดหลับอดนอนมานาน
ถังเมิ่งพยักหน้าพร้อมกับบอกลาหลิงหยุนแล้วกลับขึ้นไปพักผ่อนบนห้องพักชั้นสิบกับพี่น้องแก๊งมังกรเขียว
ส่วนหลิงหยุนก็กลับไปที่ห้องเพรสซิเดนท์สูทและเริ่มนั่งขัดสมาธิฝึกฝนวิชาต่อ..
……….
เมื่อตะวันขึ้นสู่ขอบฟ้าเช้าวันใหม่ก็มาถึง..
เวลาหกโมงเช้า..หลิงหยุนค่อยๆลืมตาขึ้นมองเกาเฉินเฉินที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง เขากระโดดมาข้างเตียงจัดการห่มผ้าให้เกาเฉินเฉินที่นอนขดตัวเพื่อไม่ให้เธอเย็นจนเป็นหวัด จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าต่างหันหน้าไปทางตะวันออก และเริ่มฝึกวิชาดาราคุ้มกาย
หลิงหยุนให้ความระมัดระวังกับการฝึกวิชาดาราคุ้มกายเพื่อให้เข้าสู่ขั้นที่-3และรู้สึกว่าอีกไม่นานก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้แล้ว!
วิชาดาราคุ้มกายนั้นเป็นวิชาที่ฝึกฝนให้ก้าวหน้าได้ค่อนข้างยากต้องอาศัยความพยายามและความสม่ำเสมอ ที่สำคัญต้องใช้เวลา..
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหลิงหยุนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเกาเฉินเฉินดังขึ้น..
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
“เฉินเจี้ยนกุ่ย..ฉันจะฆ่าแก!”
“ท่านพ่อ..ท่านแม่.. ท่านปู่..”
“หลิงหยุน..นายอยู่ที่ใหน นายอยู่ที่ใหน..”
“พูดไม่ได้..ต่อให้ตายก็พูดไม่ได้.. ไม่นะเฉินเฉิน.. เธอจะทำร้ายเขาไม่ได้..”
เกาเฉินเฉินกำลังละเมอเพราะฝันร้าย!
หลิงหยุนหยุดฝึกทันทีและวิ่งตรงไปหาเกาเฉินเฉินที่ดิ้นรนอยู่บนเตียงทันที เขายื่นมือออกไปกดไหล่ของเธอไว้อย่างอ่อนโยน และร้องเรียกอย่างอ่อนโยน
“เฉินเฉิน..เฉินเฉิน..”
คิ้วตรงของหลิงหยุนขมวดเข้าหากเม้มริมฝีปากแน่น และแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
‘ข้าอยากจะฉีกเนื้อเฉินเจี้ยนกุ่ยออกมาเป็นเชิ้นๆนัก!’
แม้แต่ในฝัน..เกาเฉินเฉินก็ยังคอยเตือนตนเองไม่ให้บอกความลับของหลิงหยุนออกไป เพื่อปกป้องหลิงหยุนจากอันตราย!
ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเธอต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง และต้องต่อสู้ลำพังเพียงคนเดียว!
“ห๊ะ..”
ทันทีที่ลืมตาขึ้น..เกาเฉินเฉินก็ร้องออกมาอย่างงุนงง ดวงตาที่จ้องมองหลิงหยุนด้วยความงุนงงนั้นยังคงมีน้ำเตาเอ่อล้นอยู่ทั้งสองข้าง จากนั้นเธอก็รีบโผเข้าหาอ้อมแขนของหลิงหยุนพร้อมกับพึมพำออกมา
“น่าอายจัง..นี่ฉันร้องไห้อีกแล้วเหรอ!”
“เฉินเฉิน..ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว มันเป็นแค่ฝัร้ายเท่านั้น!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของเกาเฉินเฉินอย่างอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบปะโลมเด็กน้อยที่กำลังหวาดกลัว
บทที่ 786 : กักรถ!
“ไม่ใส่..ฉันไม่ใส่ชุดนั้นอีกแล้ว อย่ามาบังคับฉัน!”
เกาเฉินเฉินเอามือกอดอกแน่นพร้อมกับร้องตะโกนปฏิเสธเมื่อหลิงหยุนขอให้เธอสวมเสื้อผ้าที่เธอถอดทิ้งไปเมื่อคืนนี้
“เฉินเฉิน..ชุดพวกนั้นผมใช้ยันต์ธาราซักให้อีกครั้งจนสะอาดแล้ว ตอนนี้มันสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากชุดใหม่เลยล่ะ..”
“เอาล่ะ..คุณสวมชุดนี้เถิดนะ! ผมรับปากว่าทันทีที่ทานอาหารเช้าเสร็จ ผมจะรีบพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าก่อนเลย ตกลงมั๊ย
หลิงหยุนได้แต่ขอร้องและหลอกล่อเกาเฉินเฉินให้ยอมสวมเสื้อผ้าชุดเดิม..
“ฉันยอมสวมชุดนอนนี่ออกไปข้างนอกดีกว่าที่จะสวมชุดนั้นอีกนายรีบเอาชุดนี้ไปทิ้งเลย หรือไม่ก็เอาไปเผาซะ ฉันไม่อยากเห็นมันอีก!”
ไม่ว่าอย่างไรเกาเฉินเฉินก็ไม่ยอมกลับไปสวมเสื้อผ้าชุดเดิมอีกเธอยังคงนั่งกอดอกแน่น..
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกแต่ก็ไม่มีทางเลือก เขาทำท่าทางเลิกลั่กเล็กหน้อยก่อนจะเหลือบมองเกาเฉินเฉินพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คุณจะให้เผาทิ้งจริงๆเหรอ”
“ใช่!รีบเผาเลย..”
“ได้ๆ”
หลิงหยุนเรียกยันต์อัคนีออกมาและเปลวไฟก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา หลิงหยุนจัดการเผาเสื้อผ้าชุดนั้นทิ้งไปจนเป็นเถ้าถ่าน
“เฉินเฉิน..ผมเผาทิ้งไปหมดแล้ว!”
หลิงหยุนทำตามคำร้องขอของเกาเฉินเฉินทันทีเพราะไม่ต้องการให้เธอต้องตกอยู่ในฝันร้ายอีก
พูดจบหลิงหยุนก็เดินตรงเข้าไปหาเกาเฉินเฉินที่เตียงสายที่ไม่ต่างจากหมาป่าเจ้าเล่ห์ของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างงดงามของเกาเฉินเฉินพร้อมกับถามต่อว่า
“ตอนนี้เสื้อผ้าของคุณไหม้หมดแล้วคราวนี้จะออกไปข้างนอกกันได้ยังไง”
เกาเฉินเฉินตอบกลับอย่างไม่แยแส“ก็ถ้านายไม่แคร์ ฉันก็จะใส่ชุดนอนนี่ออกไป ดูสิว่าใครจะเป็นฝ่ายทนไม่ได้!”
“เอ่อ..”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเพราะคนที่จะเป็นฝ่ายทนไม่ได้ก็ต้องเป็นตัวเขาเองอย่างแน่นอน!
เกาเฉินเฉินยิ้มกริ่มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“อย่างโง่ไปหน่อยเลย.. ในแหวนพื้นที่ของนายก็มีเสื้อผ้าอยู่นี่ ฉันใส่เสื้อผ้าของนายก็ได้!”
หลิงหยุนเกาศรีษะพร้อมกับพูดสวนขึ้นมาทันที“แล้วชั้นในล่ะ”
“ก็ใส่ของนายไง!”
ดูเหมือนเกาเฉินเฉินจะมีความสุขที่ได้เห็นหลิงหยุนต้องปวดหัวเพราะเรื่องของตนเอง..
แต่ในที่สุดหลิงหยุนก็สั่งให้พนักงานโรงแรมช่วยไปจัดหาชุดชั้นในของผู้หญิงมาให้เกาเฉินเฉินจนได้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา..เกาเฉินเฉินก็จัดการเปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ของหลิงหยุน แล้วสวมรองเท้าแตะของทางโรงแรม จากนั้นจึงเดินกอดแขนหลิงหยุนออกจากประตูโรงแรมเซ็นจูลี่โกลเดนท์รีสอร์ทไป
ตามมาด้วยพี่น้องแก๊งมังกรเขียวทั้งห้าคนและถังเมิ่ง..
หลิงหยุนนั้นสูงกว่าเกาเฉินเฉินถึงสิบสองเซนติเมตรเสื้อผ้าของหลิงหยุนที่เธอสวมใส่จึงดูใหญ่กว่าตัวมาก และดูไม่เข้ากับเธอมากนัก แต่กลับทำให้เกาเฉินเฉินดูเซ็กซี่ และมีเสน่ห์น่าดึงดูดได้อย่างน่าประหลาด
“โอ้โห..หล่อมากเลย!”
“ผู้หญิงก็สวย..แล้วดูแต่งตัวสิ นี่เป็นเทนรด์แฟชั่นใหม่ปีนี้เหรอ..”
รอบๆตัวหลิงหยุนและเกาเฉินเฉินต่างก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้น..
เกาเฉินเฉินเดินกอดแขนหลิงหยุนไว้แน่นเธอจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า “หลิงหยุน.. นี่นายอายมั๊ย”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแทนคำพูดเพราะเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าการที่เกาเฉินเฉินสวมเสื้อตัวโคร่งของเขา และกางเกงที่ยาวกว่าตัวกว่าเองถึงสิบเซนติเมตรนั้น จะดูมีเสน่ห์เช่นนี้..
หลังจากที่หลิงหยุนพาเกาเฉินเฉินไปทางอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วเขาก็พาเธอไปห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดเพื่อหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่
เวลาแปดโมงครึ่งร้านค้าต่างๆในห้างสรรพสินค้าก็เปิดให้บริการ หลังจากที่จัดการเลือกซื้อของได้ตามที่ต้องการแล้ว ทั้งคู่จ่ายเงินแล้วก็รีบเดินออกจากร้านไป
“วันหลังเชิญมาที่ร้านอีกนะคะ!”
เมื่อหลิงหยุนเกาเฉินเฉิน ถังเมิ่ง และสมาชิกแก๊งมังกรเขียวทั้งห้าคนเดินออกจากห้างสรรพสินค้าไป เกาเฉินเฉินที่ตามออกมาด้วยนั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว เธอสวมเสื้อยืนแขนกุดเอวลอย และกางเกงยีนส์ ดูแล้วเซ็กซี่ไม่เบาเช่นเดิม!
“วันนี้อากาศสดชื่นจังเลย..”
เกาเฉินเฉินยกมือขวาชูขึ้นเลียนแบบรูปปั้นเทพีเสรีภาพพร้อมกับร้องตะโกนออกมาราวกับได้ชีวิตใหม่
และฝันร้ายของเธอก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว..
หลิงหยุนมองเกาเฉินเฉินด้วยความโล่งอกแต่ลึกๆก็แอบคิดด้วยความปวดใจ ‘แม่สาวน้อย.. เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเจ้าก็ใช้เงินช้อปปิ้งไปตั้งมากมาย จะไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไรกัน ’
“เอาล่ะ..พวกเราไปสนามบินรับครูกงกันเถอะ!”
เกาเฉินเฉินอารมณ์ดีและกลับมาดูมั่นอกมั่นใจเหมือนเกาเฉินเฉินคนเดิมแล้ว เธอรีบยื่นแขนไปจับมือหลิงหยุน และลากเขากลับไปที่รถทันที
และแน่นอนว่าคนขับรถก็เป็นเพื่อนนักเรียนของเธอเอง..ถังเมิ่ง!
ช่างโชคร้าย..วันนี้เครื่องบินที่กงเสี่ยวลู่โดยสารมานั้นดีเลย์ถึงสามชั่วโมง จากที่ไฟลท์จะต้องออกจากจิงฉูตอนแปดโมงเช้า แต่กลับเลื่อนมาเป็นสิบเอ็ดโมงแทน
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็นับว่าล่าช้าไปมากเพราะมัวแต่เสียเวลาไปกับการเลือกซื้อเสื้อผ้าของเกาเฉินเฉินเป็นชั่วโมง
“ถังเมิ่ง..นายอย่าขับเข้าเมืองจะดีกว่า ฉันว่านายไปทางถนนวงแหวนที่ห้า แล้วตัดเข้าตัวเมืองทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วค่อยขับตรงไปที่สนามบินหนานหยวนจะดีกว่า”
ในตัวเมืองเวลานี้รถติดมากเกาเฉินเฉินจึงแนะนำเส้นทางใหม่ให้กับถังเมิ่ง ซึ่งแม้ว่าจะไกลกว่า แต่ก็สามารถเลี่ยงรถติดได้ดีมาก
“ก็ดีเหมือนกัน..”
ถังเมิ่งเปลี่ยนเส้นทางและขับเลี่ยงไปทางถนนวงแหวนที่ห้าตามคำแนะนำของเกาเฉินเฉิน แต่แล้วเมื่อขับตรงไปทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ได้เพียงเล็กน้อย รถแลนด์โรเวอร์ก็ต้องติดหนึบอยู่อย่างนั้น
แม้ว่าถังเมิ่งจะกดแตรอย่างไรรถด้านหน้าก็ยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหว..
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ถังเมิ่งร้องตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิด
“โอ้แม่เจ้า!นี่มีการประกาศกฏอัยการศึกหรือยังไง ถึงได้มีตำรวจพร้อมอาวุธครบมือเชียว!”
หลิงหยุนนั่งฟังนิ่งอยู่ในรถเขายิ้มมุมปากเล็กน้อยแต่ไม่ออกความเห็น..
และแน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน!
เพราะคฤหาสน์ตระกูลเฉินก็อยู่ทางทิศตระวันตกเฉียงใต้ของปักกิ่งเช่นกันและตำแหน่งที่รถของหลิงหยุนติดอยู่นั้นก็ห่างจากคฤหาสน์ตระกูลเฉินไปเพียงแค่สามกิโลเมตรเท่านั้น อีกทั้งเมื่อคืนก่อนโน้น และเมื่อคืนนี้หลิงหยุนก็ได้สังหารคนตระกูลเฉิน และยอดฝีมือของตระกูลเฉินไปตั้งมากมาย จึงไม่แปลกที่วันนี้จะมีตำรวจพร้อมอาวุธครบมือมากันเต็มบ้าน!
“พี่หยุน..เอาไงดี!” ถังเมิ่งหันกลับไปขอความเห็นหลิงหยุนที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“ไม่ต้องทำอะไรรอ..”
นี่เป็นเวลากลางวันแสกๆตระกูลเฉินคงไม่สามารถปิดถนนวงแหวนที่ห้าไม่ให้ผู้คนผ่านไปผ่านมาได้ เพราะมีคนมากมายที่ต้องการสัญจรผ่านเส้นทางนี้ เพียงแต่อาจต้องเสียเวลาบ้างเท่านั้น
ผ่านไปสิบนาทีการจราจรก็เริ่มเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ และถังเมิ่งก็ขับรถแลนด์โรเวอร์ไหลตามไปเรื่อยๆ
“เห้ย!นี่มันอะไรกัน ข้างหน้ามีการตั้งด่านตรวจด้วยเหรอเนี่ย!” ถังเมิ่งร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ..
“นายไม่เห็นจะต้องทำเสียงตกอกตกใจขนาดนั้นขับไปเถอะน่า..”
หลิงหยุนที่นั่งโอบเอวบอบบางของเกาเฉินเฉินอยู่เบาะหลังร้องบอกถังเมิ่งด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน..
การจราจรยังคงเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้าๆและผ่านไปอีกราวเจ็ดนาที รถแลนด์โรเวอร์ของหลิงหยุนก็ไปจอดอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
และสาเหตุที่รถติดยาวก็เพราะมีคนคอยตรวจรถอยู่นั่นเอง..
“ใบขับขี่..บัตรประชาชน..”
ในขณะเดียวกันนั้นชายร่างสูงใหญ่สองคนก็เดินเข้ามาใกล้รถแลนด์โรเวอร์พร้อมกับสั่งถังเมิ่งให้ส่งใบขับขี่กับบัตรประชาชนให้ และสั่งให้เปิดกระจกลงให้สุด และเริ่มทำการสอบสวน..
ถังเมิ่งจัดการส่งใบขับขี่และบัตรประชาชนของตนเองให้โดยไม่ขัดขืน
“มาจากจิงฉูงั้นรึเข้ามาปักกิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วมาทำอะไรที่ปักกิ่ง?”
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจและพบว่าชายร่างใหญ่ทั้งสองคนมีกำลังภายในอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-7 จึงรีบส่งกระแสจิตบอกถังเมิ่ง
-อย่าลดกระจกลง..บอกพวกมันไปว่าไม่สะดวก!–
ตอนนี้เกาเฉินเฉินก็นั่งอยู่ในรถด้วยหลิงหยุนเพิ่งจะช่วยเธอออกมา ตระกูลเฉินถึงได้จัดการปิดถนนตรวจเช่นนี้ และจุดประสงค์ของพวกมันก็คือต้องการหาตัวเกาเฉินเฉิน เรื่องนี้หลิงหยุนแทบไม่ต้องคิดก็เดาได้อย่างง่ายดาย..
“นี่เพื่อน..ใบขับขี่กับบัตรประชาชนผมมีปัญหาอะไรเหรอครับ ถ้าไม่มี.. ก็กรุณาให้ผมผ่านไปได้แล้ว พอดีผมมีธุระ..” ถังเมิ่งอธิบายอย่างสุภาพ
“ขอโทษครับ..กรุณาเปิดกระจกลงเดี๋ยวนี้!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับกระซิบกับเกาเฉินเฉิน“เฉินเฉิน.. ก้มหน้าไว้นะ อย่าให้พวกมันเห็นหน้าคุณ!”
เมื่อเกาเฉินเฉินก้มหน้าลงแล้วหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายลดกระจกรถลงเอง เขาจ้องมองชายร่างใหญ่ทั้งสองคนด้วยสายตาเย็นชา และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“มีอะไรอีกมั๊ยถ้าไม่มีอะไรก็ให้พวกเราผ่านไปได้แล้ว!”
ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนสำรวจหลิงหยุนตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอะไร แต่แล้วสายตาของพวกมันก็เหลือบไปเห็นเกาเฉินเฉินที่นั่งก้มหน้า..
“คุณผู้หญิง..กรุณาเงยหน้าขึ้นด้วย!”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันที“ขอโทษด้วย.. พอดีแฟนของผมเป็นไข้หวัด และเวลานี้ก็มีไข้สูง ผมต้องรีบพาเธอไปหาหมอ จะให้โดนลมไม่ได้..”
“เป็นหวัดงั้นเหรอแล้วก็โดนลมไม่ได้ด้วยสินะ! แต่กลับอวดต้นขาได้..”
“เจ้าหนู..ถ้านายอยากจะไปจากที่นี่ ก็ต้องให้ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้า ไม่อย่างนั้นฉันก็จะกักรถนายไว้ไม่ให้ไปใหน”
นับว่ากล้ามาก..ที่ต้องการจะกักรถของหลิงหยุนไว้ในเวลากลางวันแสกๆ แบบนี้!
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าหนุ.. ถ้าไม่อยากมีเรื่อง ก็อย่าให้แฟนของฉันต้องเงยหน้าจะดีกว่า!”
“นี่..พวกเจ้ามาช่วยกันกักรถคันนี้ไว้เร็วเข้า!”
ชายร่างใหญ่อีกคนที่ไม่ได้พูดอะไรเห็นหลิงหยุนดื้อดึงจึงร้องสั่งให้คนอื่นๆมาช่วยกันกักรถหลิงหยุนไว้ทันที!
-เฉินเฉิน..รอผมเดี๋ยว!-
หลิงหยุนส่งกระแสจิตบอกเกาเฉินเฉินจากนั้นจึงปล่อยมือที่โอบเอวเกาเฉินเฉินไว้ แล้วผลักประตูรถเปิดออกทันที
เพียะ..เพียะ.. เพียะ.. เพียะ..
แลแน่นอนว่าไม่มีใครมองเห็นว่าหลิงหยุนทำอะไรได้ทัน!สิ้นเสียงตบหน้าสี่ฉาดที่ดังขึ้น ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนถึงกับฟันร่วงหลุดออกมา
“ยังมีใครอยากจะกักรถคันนี้ไว้อีกมั๊ย”