ตอนที่ 544 เชือดไก่ให้ลิงดู / ตอนที่ 545 ตายอยู่ท่ามกลางข่าวลือ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 544 เชือดไก่ให้ลิงดู 

 

 

           “ปัญหาอะไรเหรอครับ” ประธานหยางรู้ว่าปัญหาที่ฉู่เจียเสวียนพูดคืออะไร เธอทำงานในแผนกต่างประเทศเป็นเวลาครึ่งเดือน จะต้องพบปัญหาในแผนกต่างประเทศอย่างแน่นอน 

 

 

           ท้ายที่สุดนอกเหนือจากการเป็นนักออกแบบแล้ว ฉู่เจียเสวียนยังเคยศึกษาด้านการเงินและการบริหารธุรกิจอีกด้วย 

 

 

           แม้แต่ประธานหยางยังไม่กล้าประมาทฉู่เจียเสวียนเลย 

 

 

           “ปัญหาของแผนกต่างประเทศเป็นเรื่องของกระบวนการทำงานทั้งหมด ข้อแรก แผนกต่างประเทศแม้จะมีการแบ่งหน้าที่และร่วมมือกับทำงาน แต่ว่ามีงานบางอย่างละเอียดเกินไป ถ้ามีคนนึงเกิดปัญหาหรือว่ามีสถานการณ์อะไร งานของคนอื่นก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย นี่คือข้อแรก” สัปดาห์ที่แล้วพนักงานคนหนึ่งป่วย เขาลาสองวันและไม่ได้มาทำงาน ผลสุดท้ายกระบวนการทำงานก็ผิดพลาดอย่างสมบูรณ์ 

 

 

           “ข้อสอง แผนกต่างประเทศมีพนักงานใหม่น้อย อยู่กันเป็นกลุ่มก้อนมากเกินไป พนักงานเก่าอยู่กันอย่างแออัด ถ้าพนักงานใหม่อยากจะเข้าไปนับว่ายากมาก แผนกนึงถ้าไม่มีเลือดใหม่เข้าไปเลย มันก็เป็นทางน้ำตันไม่ใช่เหรอ ถ้าหากวันนึงพนักงานเก่าเกษียณหรือเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง งานของพวกเขาจะทำยังไง” 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนค้นพบปัญหาเหล่านี้หลังจากได้เข้าไปในแผนกต่างประเทศแล้ว เธออยู่ในแผนกเป็นเวลาครึ่งเดือน มองปัญหาเหล่านี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง 

 

 

           ปัญหาที่ฉู่เจียเสวียนพูด ที่จริงประธานหยางก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เขาแค่ไม่รู้ว่าต้องลงมืออย่างไร สุดท้ายแล้วคนที่ทำงานในแผนกต่างประเทศ คือคนที่ทำประโยชน์ให้กับบริษัทมาเป็นเวลานาน 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าประธานหยางเงียบไป เธอจึงรีบพูดต่อ “ส่วนปัญหาอื่นฉันจะไม่พูดก็แล้วกัน ปัญหาสองข้อนี้ค่อนข้างร้ายแรง ต้องแก้ให้เร็วที่สุด ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ปัญหาก็จะกลายเป็นแก้ไขไม่ได้” 

 

 

           เนื่องจากนี่เป็นปัญหาของแผนกต่างประเทศ จึงจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด 

 

 

           “เรื่องแบ่งหน้าที่กันยังพอแก้ไขได้ แต่ปัญหาของกลุ่มเล็กๆ อาจจะแก้ยากหน่อย” ประธานหยางพูดฉู่เจียเสวียนพร้อมพูด 

 

 

           “งั้นก็เชือดไก่ให้ลิงดู ประธานหยางคงจะเข้าใจนะคะ?” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย มองไปที่ประธานหยางโดยตรง 

 

 

           รับมือกับคนที่ดื้อรั้นก็ต้องใช้ไม้แข็ง ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่กลัว 

 

 

           “ความหมายของคุณฉู่?” ประธานหยางเลิกคิ้ว มองฉู่เจียเสวียนแล้วพูดต่อ “งั้นจะเลือกใครเหรอครับ” 

 

 

           ตอนแรกเขาก็คิดจะใช้วิธีนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาพบว่ากลุ่มเล็กแบบนั้นไม่มีผู้นำตั้งแต่แรก 

 

 

           “ใครที่สง่างามที่สุด จิตสำนึกกลุ่มแรงที่สุดก็ฆ่าคนนั้น” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเย็นชา แววตาเยือกเย็น ตอนนี้เธอไม่ใช่ฉู่เจียเสวียนผู้ใจอ่อนเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว 

 

 

           บางเรื่องโหดได้ก็ควรโหด ความเมตตาที่ไร้ประโยชน์มีแต่จะกลับมาทำร้ายตัวเอง 

 

 

           ยิ่งไปกว่านั้น การที่พบปัญหาของแผนกต่างประเทศในตอนนี้นับว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ถ้าหากช้ากว่านี้สักปีสองปี ถึงตอนนั้น กลุ่มเล็กๆ ในแผนกต่างประเทศก็จะไร้ทางจัดการแล้ว 

 

 

           “คือ…” ประธานหยางเงยหน้ามองฉู่เจียเสวียน สีหน้าลำบากใจ 

 

 

           “ภายในครึ่งเดือนนี้ หวังว่าหลังจากนี้หนึ่งเดือน แผนกต่างประเทศจะมีบรรยากาศใหม่ๆ ประธานหยาง หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง” ฉู่เจียเสวียนอยู่ในแผนกต่างประเทศนานขนาดนั้น หาหนอนบ่อนไส้ไม่เจอไม่เป็นไร ตอนนี้พบว่าแผนกต่างประเทศมีปัญหา ถ้าหากไม่ทำอะไรสักหน่อย เช่นนั้นเธอก็อยู่ในแผนกต่างประเทศโดยเปล่าประโยชน์สิ? 

 

 

           ประธานหยางมองดูใบหน้าที่โหดเ**้ยมของฉู่เจียเสวียน ในที่สุดก็ต้องพยักหน้าภายใต้สายตาที่ก้าวร้าวของเธอ  

 

 

           “ดีมาก” เมื่อประธานหยางรับปาก ฉู่เจียเสวียนก็ยิ้ม ลุกขึ้นแล้วจากไป 

 

 

           เมื่อกลับถึงออฟฟิศของแผนกต่างประเทศ ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานเกล็ด มองดูพนักงานที่ทำงานอย่างขะมักเขม้นภายนอก มุมปากยกยิ้ม 

 

 

           ด้านนอกหน้าต่าง ดวงอาทิตย์กำลังสาดส่องทิศตะวันตกอย่างอ่อนโยน แสงสีทองที่ร้อนระอุเริ่มกลายเป็นหมอกบางๆ ใบไม้สั่นไหวเบาๆ บนกิ่งไม้ เวลาผ่านไปช้าๆ มันกำลังประกาศว่ากลางคืนใกล้จะมาถึงแล้ว 

 

 

 

 

 

       ตอนที่ 545 ตายอยู่ท่ามกลางข่าวลือ 

 

 

           ในออฟฟิศ ฉู่เจียเสวียนกำลังทบทวนเอกสาร เมื่อใกล้เวลาห้าโมงครึ่ง โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น ขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเห็น ‘เผยหนานเจวี๋ย’ สามคำกระพริบอยู่นั้น คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน 

 

 

           หลังจากครุ่นคิดแล้ว เธอก็ยังกดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล” 

 

 

           “ผมกำลังอยู่ระหว่างทางไปที่บริษัทของคุณ ผมจะไปรอคุณอยู่ที่เดิม อีกห้านาทีถ้าคุณไม่ออกมา ผมจะไปหาคุณด้วยตัวเอง” น้ำเสียงเอาแต่ใจของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น เขาคิดจะใช้วิธีนี้บีบให้ฉู่เจียเสวียนเลิกงานตรงเวลา เขาไม่อยากให้เธอทำงานล่วงเวลาบ่อยๆ 

 

 

           “คุณ…” 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยพูดจบก็วางหูทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้ฉู่เจียเสวียนได้ปฏิเสธ 

 

 

           ได้ยินเสียงสายไม่ว่างดังขึ้นในโทรศัพท์ ฉู่เจียเสวียนโมโหเล็กน้อย หลังจากนั้นก็มองไปที่โทรศัพท์มือถือด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว 

 

 

           ครั้งนี้เผยหนานเจวี๋ยตั้งใจแน่นอน เขากำเวลาได้พอดิบพอดี แต่ว่าเธอไม่ต้องการให้เผยหนานเจวี๋ยขึ้นมาหาเธอ ในที่สุดเธอก็ต้องเชื่อฟัง 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนจัดโต๊ะให้เรียบร้อย เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ หยิบกระเป๋าแล้วออกไปจากออฟฟิศ 

 

 

           ขณะที่เธอมาถึงก็ห้านาทีพอดี ไม่ขาดไม่เกิน 

 

 

           “ขึ้นรถ ผมจะส่งคุณกลับบ้าน” เผยหนานเจวี๋ยสีหน้าผ่อนคลาย ดวงตาที่มองฉู่เจียเสวียนโก่งงอเล็กน้อย 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเหลือบมองเผยหนานเจวี๋ย สีหน้าไม่พอใจ แต่ว่าเธอก็ยังเปิดประตูแล้วขึ้นรถ 

 

 

           เธอนั่งลงด้วยใบหน้าขุ่นเคือง เธอไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผยหนานเจวี๋ยอีก ที่นี่ใกล้กับบริษัทกง เพื่อนร่วมงานอาจจะเห็นเมื่อไรก็ได้ 

 

 

           แม้ว่าบริษัทกงและบริษัทเผยจะร่วมมือกัน แต่ตอนนี้กงจวิ้นฉือก็ไม่ได้อยู่ในประเทศ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิด 

 

 

           “ประธานเผยกลายเป็นคนขับรถไปแล้วเหรอคะ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยเย็นชา กวาดตามองเขาอย่างเฉยเมย 

 

 

           “ผมเป็นให้แค่กับคุณ” เผยหนานเจวี๋ยว่าไปตามคำพูดของฉู่เจียเสวียน 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไร้คำพูดไปชั่วขณะ ไม่อาจหาคำตอบที่เหมาะสมได้ ได้แต่นิ่งเงียบ แล้วเบือนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง 

 

 

           ในเวลานี้ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท ยังมีแสงมีทองที่ยังส่องสลัวมายังพื้นโลก 

 

 

           หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ที่วิลล่าหลีหยวน 

 

 

           “คุณจอดรถได้แล้ว” ยังไม่ทันถึงหน้าประตูวิลล่า ฉู่เจียเสวียนก็ต้องการจะลงรถ แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้เผยหนานเจวี๋ยปรากฏตัวนอกวิลล่าของเธอ ยิ่งไม่อยากให้ซูซานเห็น 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยไม่เคยสนใจสายตาของคนอื่น แต่ว่าฉู่เจียเสวียนไม่เหมือนกัน เธอมีแฟนแล้ว เธอทนไม่ได้หากคนอื่นจะซุบซิบนินทา เธอยิ่งไม่อยากลากกงจวิ้นฉือให้ถูกคนอื่นซุบซิบนินทาด้วย 

 

 

           “ยังไม่ถึงหน้าประตู” เผยหนานเจวี๋ยขับต่อไปยังวิลล่าของเธอ ไม่สนใจคำขอของฉู่เจียเสวียนเลย 

 

 

           “ฉันลงตรงนี้ก็ได้แล้ว ฉันไม่อยากให้คุณเข้าใกล้บ้านฉัน” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยอย่างไม่พอใจ คำที่เอ่ยออกมาก็ไร้ความเกรงใจ 

 

 

           “อยู่กับผมคุณรู้สึกขายหน้ามากเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่พอใจ เดิมทีไม่อยากจะอะไรกับเธอ แต่ว่าท่าทางรังเกียจของเธอเช่นนี้ ทำให้เขาทนไม่ไหวจริงๆ 

 

 

           “ประธานเผย ฉันมีแฟนแล้ว ถ้าปล่อยให้คนอื่นเห็นว่าฉันอยู่กับคุณตลอดเวลา ไม่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวหรอกหรือ? คุณอยากให้คนอื่นหัวเราะเยาะฉันหรือไง” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเย็นชา เพราะการพัวพันกับเผยหนานเจวี๋ยในระยะหลังนี้ เธอถูกคนติฉินนินทาไม่น้อย คำนินทาเป็นสิ่งน่ากลัว เธอไม่ต้องการตายอยู่ท่ามกลางข่าวลือ 

 

 

           แม้ว่าตอนนี้เขาจะโสด แต่ว่าเธอไม่โสด 

 

 

           คำพูดของฉู่เจียเสวียนทำให้สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง เขามองเธอด้วยความเย็นชา จากนั้นก็มองวิลล่าหลีหยวนที่กำลังปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า 

 

 

           เขากระแทกเบรก หยุดที่ระยะร้อยเมตรก่อนถึงวิลล่าหลีหยวน 

 

 

           “ลงรถ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยเย็นชา ในใจโมโหสุดขีด 

 

 

           เขาไม่เคยลำบากใจบบนี้มาก่อน และเขาไม่เคยประนีประนอมกับใครเลย แต่ฉู่เจียเสวียนกลับท้าทายความอดทนของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนขี้คร้านที่จะใส่ใจความรู้สึกของเผยหนานเจวี๋ย เธอเปิดประตูแล้วลงรถไปอย่างรวดเร็ว เดินไปยังวิลล่าหลีหยวนโดยไม่หันกลับมามอง เธอยิ่งเย็นชากับเผยหนานเจวี๋ยมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองดูรูปร่างที่เพรียวบางนั้น มือที่จับพวงมาลัยกำแน่น ริมฝีปากเม้มกันจนเป็นเส้นตรง จนกระทั่งฉู่เจียเสวียนลับตาไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยจึงเหยียบกระแทกคันเร่ง แล้วไปจากเขตวิลล่าหลีหยวน 

 

 

           ทำไมเขาถึงยังไม่ยอมแพ้? ยังจะต้องทำเพื่อเธอจนถึงขั้นไหน? เขาเกือบดูถูกตัวเองแล้วจริงๆ ตามตื้อจนไร้ยางอายแบบนี้ ช่างน่าเสียหน้าเหลือเกิน 

 

 

           เข้ามาในบ้าน ฉู่เจียเสวียนถอนหายใจแผ่วเบา หลังจากเปิดประตูและยืนหันหลังพิงประตูสักพักแล้ว ก็เปลี่ยนรองเท้าแล้วเข้าห้องโถงไป 

 

 

           ในห้องโถง เธอไม่เห็นเงาของซูซาน ฉู่เจียเสวียนรู้ว่าเวลานี้ซูซานจะต้องกำลังยุ่งอยู่ในครัวอย่างแน่นอน 

 

 

           วางกระเป๋าลง เธอเดินไปยังห้องครัว เป็นไปตามคาด เพิ่งจะมาถึงหน้าประตูฉู่เจียเสวียนก็ได้ยินเสียงน้ำไหลดังมาจากในครัว ริมฝีปากยกยิ้ม 

 

 

           “แม่ ทำอะไรอร่อยๆ เหรอคะ” เดินเข้าไปหาซูซาน ฉู่เจียเสวียนยื่นมือควงแขนของเธอ ยิ้มสดใส 

 

 

           “อุ๊ย ทำไมคืนนี้ลูกกลับมาเร็วจังเลย” ซูซานพูดด้วยความประหลาดใจ เธอยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย 

 

 

           “อ่อ หิวแล้วก็เลยกลับมา” 

 

 

           “งั้นลูกรอแป๊บนึงนะ แม่ยังทำกับข้าวไม่เสร็จ” ทันทีที่ได้ยินว่าฉู่เจียเสวียนหิวแล้ว ซูซานก็รีบเร่งมือ 

 

 

           “โอเคค่ะ ลำบากแม่แล้ว” หอมแก้มซูซานหนึ่งฟอด ฉู่เจียเสวียนหันหลังออกไปจากห้องครัว เดินไปยังห้องหนังสือ 

 

 

           เข้ามาในห้องหนังสือ เธอเปิดสมุดบันทึกและเริ่มยุ่งอยู่กับงาน 

 

 

           เธอยังมีกองงานในมือจำนวนมากที่ยังไม่จัดการ หากเธอไม่รีบจัดการในตอนนี้ มันก็มีแต่จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

           เดิมทีท้องฟ้ายังเป็นสีขาว แต่ว่าในเวลานี้มันมืดสนิทแล้ว ไฟในห้องหนังสือของฉู่เจียเสวียนก็สว่างขึ้น 

 

 

           หน้าต่างยาวสะท้อนให้เห็นเงาของฉู่เจียเสวียนอย่างชัดเจน ท่าทางทำงานที่จริงจังของเธอดูสวยงามมาก ปากกาในมือวาดไปมาไม่หยุด 

 

 

           จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเธอ 

 

 

           ในวิลล่า มีเพียงฉู่เจียเสวียนกับซูซานเพียงสองคน คนงานมาแค่ชั่วคราว ฉะนั้นจึงไม่พักอยู่ในวิลล่า 

 

 

           เมื่อประตูเปิดออก ซูซานถือนมแก้วหนึ่งอยู่ในมือ “เจียเสวียน ดื่มนมก่อนเถอะ” 

 

 

           เดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของฉู่เจียเสวียน ยื่นนมที่อยู่ในมือให้เธอ เธอยื่นมืออกมารับ ยิ้มเอ่ย “ขอบคุณค่ะแม่” 

 

 

           “ลูกน่ะ อย่าทำงานจนดึกล่ะ” ซูซานพูดอย่างปวดใจ 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนดื่มนมรวดเดียวหมด มองเธอด้วยดวงตาโก่งยิ้ม “หนูรู้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ก็วันสุดสัปดาห์นี่นา หนูก็เลยอยากทำงานดึกหน่อย พรุ่งนี้จะได้นอนตื่นสายได้” 

 

 

           ซูซานได้ยินแล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน “แบบนี้จะได้ยังไงล่ะ จะต้องดูแลเรื่องการนอนด้วย เป็นผู้หญิงน่ะ จะสาวแค่ไม่กี่ปีเอง ลูกอยากแก่เร็วเหรอ พรุ่งนี้วันสุดสัปดาห์แล้ว ลูกออกไปเดินเล่นดีไหม” 

 

 

           “คนตั้งเยอะแยะอาศัยช่วยวันสุดสัปดาห์ออกไปผ่อนคลายกัน แต่ลูกน่ะกลับอยากนอนอยู่ในบ้าน” 

 

 

           “แหม แม่คะ หนูรู้แล้ว หนูทำงานต่ออีกครึ่งชั่วโมงก็เลิกแล้ว” ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าซูซานร้อนใจ เธอจึงเดินเข้าไปหาพร้อมพูดจาออดอ้อน 

 

 

           “ลูกน่ะ…” ซูซานไม่รู้ว่าจทำอย่างไรกับฉู่เจียเสวียนจริงๆ สุดท้ายก็หยิกแก้มเธอเบาๆ 

 

 

           “แม่คะ พรุ่งนี้พวกเราไปปีนเขากันเถอะ ไม่ได้ไปปีนเขากับแม่นานแล้ว” 

 

 

           “เอาสิ งั้นพรุ่งนี้ลูกห้ามบ่นว่าเหนื่อยนะ” 

 

 

           “ได้ค่ะ”