ตอนที่ 330 โบราณคดีวิทยา3

Legend of the mythological genes

กระดูกสัตว์เป็นเหมือนทวีป จากมุมมองทางชีววิทยา เฟิงหลินสามารถบอกได้ทันทีว่านี่คือกระดูกหน้าแข้งของเสือดาวหรือเสือโคร่ง ศีรษะและร่างกายของมันหายไปนานแล้วและไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน

แค่กระดูกยังใหญ่ขนาดนี้ แล้วขนาดเดิมใหญ่ขนาดไหน?

มันเป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่เท่ากับระบบดวงดาวเลยหรือไม่?

พระเจ้า!

แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเห็น แซทท์และคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถปกปิดความตกใจได้ สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกคือครั้งนี้แตกต่างไปจากที่เคย

พวกเขารู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสนามรบสำหรับหมอผีและปีศาจจากการชี้นำของเฟิงหลิน

สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกๆคือซากปรักหักพังแห่งความมืดนี้เป็นส่วนหนึ่งของทวีปในตำนานโบราณ แต่ในสนามรบของหมอผีและปีศาจพวกเขาไม่ได้ค้นพบปีศาจยักษ์หรือหมอผีเลย

กระดูกยักษ์ลึกลับอันนี้มาจากไหน?

“ทุกคนสวมเกราะไมโครเมชาของตัวเองและเตรียมออกไป” แซทท์พูด หุ่นยนต์นำไมโครเมชามาให้ทุกคนที่นี่

ไมโครเมชามีระบบหมุนเวียนออกซิเจน ตราบใดที่มีพลังงานเพียงพอก็สามารถให้ออกซิเจนแก่ผู้บ่มเพาะได้ไม่จำกัด  เป็นอุปกรณ์ระดับสูงสุดสำหรับผู้บ่มเพาะในการสำรวจอวกาศ

ในช่องว่างขนาดใหญ่บนกระดูกสัตว์ร้าย กระสวยอวกาศเปลี่ยนเป็นลำแสงสีเงินและยิงเข้าไปในนั้นเหมือนปลาตัวเล็ก

เฟิงหลิน จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ยืนรอที่ประตูเตรียมพร้อมที่จะออกไป

พวกเขาใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงผ่านช่องว่างภายในกระดูกก่อนจะหยุดในที่สุด

“ประตูยานบินกำลังจะเปิด ทุกคนโปรดเตรียมตัว” ปัญญาประดิษฐ์เตือน

“ตามฉันมา!” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์พูดด้วยเสียงเบา  และเตรียมตัวที่จะวิ่งออกไป ไมโครเมชายิงกระแสลมรุนแรง ทำให้เธอดูเหมือนลูกธนูที่ถูกยิงออกไป

เสาเหล็กติดตามเธออย่างใกล้ชิด

เฟิงหลินสูดหายใจเข้าลึก แล้วตามไปด้วยเช่นกัน

ที่ด้านหลัง แซทท์และคนอื่น ๆ ก็ตามมา

ในความมืดของอวกาศห้าทีมเป็นเหมือนจุดฝุ่นที่ไม่มีนัยสำคัญ

กระสวยอวกาศจอดอยู่บนผนังกระดูก ไม่ทราบว่าระยะทางที่มองเห็นกระดูกนั้นไกลเท่าไหร่ ระยะทางนั้นกว้างใหญ่จนไม่สามารถมองเห็นจุดจบของมันได้

จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์เป็นผู้นำและในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงมุมกำแพง ที่เสี้ยวกระดูกมีคำจารึกในแบบการพยากรณ์ ถ้านี่ไม่ใช่สูตรการเล่นแร่แปรธาตุสำหรับยาเซียนร่วงโรยแล้วมันจะเป็นอะไร?

“ก่อนหน้านี้ ที่นี่เป็นที่ที่เราได้รับสูตรมา” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์กล่าว

เฟิงหลินพยักหน้าเขาขยับเข้ามาใกล้และส่งพลังวิญญาณของเขาไปศึกษาจารึก

สะเก็ดกระดูกนี้อาจใหญ่พอๆกับเสาขนาดใหญ่ แต่ฐานของมันคือกระดูกปกติ นอกเหนือจากที่จารึกแล้วมันไม่มีอะไรลึกลับอีก

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือแม้กระดูกจะผ่านเวลามานาน แต่กระดูกนี้ก็ยังส่องประกายเหมือนหยกและไม่กลายเป็นฟอสซิล แต่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่พิเศษแทน

เฟิงหลินส่ายหัว รู้สึกไม่สบายใจเลย

(นี่คืออาณาจักรลับในตำนาน?)

(ทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น … โดยเฉลี่ย)

เขาปล่อยพลังวิญญาณของเขาเพื่อครอบคลุมระยะร้อยกิโลเมตร วัตถุเล็ก ๆ ทั้งหมดปรากฎในการรับรู้ของเขา

ช่างเป็นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง!

แม้ว่าจะเป็นการยากที่จะปลุกยีนประเภทวิญญาณ แต่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยของสุดยอดกำแพงนั้นเป็นพวกระดับสูง มีหลายคนที่ทำเช่นนั้นได้

ฐานการบ่มเพาะของเขาอาจอ่อนแอ แต่ความสามารถอื่น ๆ ทั้งหมดของเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก!

อย่างไรก็ตามมีเพียงสายตาของจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์เท่านั้นที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ แซทท์ละคนอื่นๆมองด้วยสายตาลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่พวกเขาไม่ทราบว่าพลังวิญญาณของเฟิงหลินได้รับการบ่มเพาะให้อยู่ในระดับที่สูงอย่างมาก โดยที่ไม่ต้องทำอะไรการรับรู้ของเขานั้นแม่นยำมาก

หัวใจมนุษย์ไม่น่าไว้วางใจ เขาต้องระวังไว้

เฟิงหลินเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

ประมาณสิบนาทีต่อมาหัวใจของเขาตื่นเต้น เขาดูเหมือนจะค้นพบบางอย่าง ไมโครเมชาบินอย่างรวดเร็วไปในทิศทางที่แน่นอนภายใต้การควบคุมของเขาและพวกเขาก็มาถึง ห่างออกมาห้าสิบกิโลเมตร

กำแพงกระดูกพร้อมกับความมันวาวของหยกปรากฎต่อหน้าพวกเขา

เฟิงหลินชกหมัดใส่ แต่ไม่มีผลอื่นใด

รอยประทับค้อนพลิกฟ้า!

ท่าทางเขาเปลี่ยนไป หมัดเขาเป็นเหมือนค้อนพลิกคว่ำกระแทกลงเหมือนภูเขาที่ต้องการทำลายสวรรค์และโลก

กระนั้นผนังกระดูกก็สั่นเพียงเล็กน้อย มันไม่เสียหายใดๆเลย

ช่างเป็นกระดูกที่แข็งแกร่งจริงๆ!

เฟิงหลินขมวดคิ้ว ตอนนี้สถานะพลังของเขาพุ่งทะลุ 1,200 แล้ว หมัดของเขานั้นดุร้ายมาก การต่อยหมัดจะมีแรงหลายร้อยกิโลกรัม ในแง่ของน้ำหนัก มันเพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถทำลายภูเขาได้ เขาไม่สามารถทำอะไรกับชิ้นส่วนของกระดูกที่ถูกทิ้งให้เน่ามาเป็นเวลานานแบบนี้ มันจะเป็นไปได้ยังไง?

“เฟิงหลิน นายเจออะไร?” ในขณะนี้จ้าว เยวี่เอ๋อร์และคนอื่น ๆ หันมาสนใจเขา

เฟิงหลินไม่ปกปิดอะไร ถ้าฐานการบ่มเพาะของเขายังไม่เพียงพอ เขาต้องยืมพลังของทุกคน

เขาชี้ไปที่ใต้เท้าของเขา และพูดว่า “ก่อนหน้านี้เมื่อฉันส่งพลังวิญญาณออกไป ฉันพบความผันผวนทางจิตวิญญาณที่ไหนสักแห่งด้านล่างหรือภายในกำแพงของกระดูกนี้ ฉันเชื่อว่าอนุภาควิญญาณอาจจะเป็นกลิ่นอายทางจิตวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ในวัตถุโบราณ”

“โอ้” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้

วัตถุทางจิตวิญญาณโบราณนั้นไม่ธรรมดาและพวกมันมีเศษเสี้ยวของตำนานที่หลงเหลืออยู่ วัตถุทรงพลังนั้นเป็นที่รู้จักกันในนามของสมบัติในตำนาน และเมื่อพวกมันปรากฏตัวขึ้นความขัดแย้งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

พวกเขาไม่ได้ค้นพบอะไรเลยแม้จะค้นหามานาน แต่เฟิงหลินมาที่นี่เพียงครั้งเดียวและพบบางสิ่งบางอย่าง ด้วยการสแกนจากพลังวิญญาณของเขา

จริงหรือไม่จริง?

ดูเหมือนว่าเฟิงหลินจะรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาส่ายหัวเบาๆ “ความผันผวนดูจะอ่อนแอมาก มันดูเหมือนจะไม่ได้มาจากสมบัติในตำนาน”

ในความเป็นจริงแม้ว่าสิ่งที่เขาสัมผัสจะเป็นสมบัติจริงๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเปิดเผยสิ่งนี้

ความโลภในสมบัติจะกระตุ้นหัวใจมนุษย์อย่างแน่นอน!

หากมีสมบัติจริงๆ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าคนเหล่านี้จะเริ่มมีความคิดที่เป็นอันตรายกับเขาหรือไม่

นี้…

เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเฟิงหลิน แซทท์และคนอื่น ๆ ก็เริ่มลังเล

“ ไม่ว่าจะเป็นสมบัติหรือไม่ก็คุ้มค่าที่จะลอง!” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ระเบิดพลัง ในขณะที่เป็นคนเริ่มต้นคิดที่จะทำ

พลังยุทธ์แท้จริง!

เธอกำหมัดและระเบิดหมัดออกมา อาจจะสามารถปราบปีศาจได้ทั้งหมด

แรงหมัดของเธอกลายเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง เติมเต็มสุญญากาศด้วยแรงกดดันที่รุนแรง บังคับให้เฟิงหลินและคนอื่น ๆ ถอยหลังไปหลายก้าว

แม้แต่แซทท์ผู้ที่เป็นผู้ใช้ยีนระดับสูงก็ยังต้องล่าถอย

จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์เป็นผู้ที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับสูงสุดในระดับดวงจันทร์ และกำลังเดินบนเส้นทางที่เป็นตำนานของจักรพรรดิเจินหวู่ เธอมีความสามารถในการต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งกว่า

เห็นได้ชัดว่าแซทท์และคนอื่นๆไม่ใช่คู่มือเธอ

บูม!

หมัดกระแทกลงสู่พื้นทำให้เกิดรอยแตกร้าว แต่มันยังห่างไกลจากการถูกทำลาย

ความเหนียวของกระดูกนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!

ผู้เชี่ยวชาญที่นี่อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าแรง

“มาลงมือด้วยกันเถอะ!” จ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ร้องออกมา กระตุ้นให้ทุกคนโจมตีด้วยกัน

ผู้ใช้ยีนระดับสูงสามคนและผู้ใช้ยีนสิบเอ็ดคน ทั้งหมดร่วมมือกันไฟฟ้า ไฟ – พลังงานทุกประเภทหลอมรวมและระเบิดออกมาพร้อมกัน

ส่วนหนึ่งของกระดูกที่แตกออกจากการโจมตีของจ้าว เยวี่ยเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ในที่สุดก็พังทลาย เผยให้เห็นหลุมที่เป็นเหมือนอุโมงค์แห่งความมืดด้านใน

หู่!

คลื่นพลังปราณจิตวิญญาณไหลทะลักออกมาจากข้างใน แรงจนมีพลังลมพายุที่พัดเฟินหลินและคนอื่นออกไปทันที