บทที่ 1874+1875

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1874 เจ้าของกล่อง

คฤหาสน์ที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้กลับว่างเปล่ายิ่งนักเสมอมา นับประสาอะไรกับคฤหาสน์หลังนี้ที่ก่อสร้างขึ้นบนฮวงจุ้ยอันเป็นมงคลที่สุดในที่ดินทำเลทองของเมืองหลวงเล่า?

ดังนั้นจักรพรรดิจึงถือโอกาสสอบถามกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วยึดมั่นถือมั่นในคฤหาสน์หลังนั้นจริงๆ เธอส่ายหน้าแล้วตอบว่า “อย่าแตะต้องหญ้าสักกอไม้สักต้นของที่นั่น เปิ่นจุนจะใช้สอยมัน”

ในเมื่อเธอเอ่ยเช่นนี้แล้ว จักรพรรดิเฟยซิงก็ไม่พูดจาเป็นอื่นอีก

ยามที่กู้ซีจิ่วจะจากไป ได้ลบความทรงจำในชาติก่อนของหรงเจียหลัวทิ้งไปด้วย ชั่วชีวิตของหรงเจียหลัวมิเคยผาสุกเลย เสมือนแบกรับภาระหนังอึ้งเอาไว้ตลอด สุดท้ายยังถูกโม่เจ้าปล้นชิงสังขารจนสิ้นชีพไป

ตอนนี้ในเมื่อเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่แล้ว ก็สมควรเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ มิใช่แบกรับภาระในชีวิตชาติก่อนเอาไว้อีก…

อีกอย่างแม้ว่าจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะระลึกถึงพี่ชายของตนอย่างยิ่ง แต่หากว่าปล่อยให้ทราบว่าพี่ชายกลับชาติมาเกิดเป็นโอรสของตน อาจจะไม่เป็นผลดีต่อการเติบใหญ่ในอนาคตของเขา และถ้าหรงเจียหลัวยังมีความทรงจำในชาติก่อนอยู่ จะเผยพิรุธได้ง่ายยิ่งนัก…

กู้ซีจิ่วไม่ได้ไปที่จวนทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดิน แต่ไปที่วังค้ำนภา

ที่นี่ถูกทิ้งร้างมาเกือบสองปีแล้ว ศาลาพลับพลาถูกพงหญ้าสูงบดบังไว้ครึ่งหนึ่ง ดูเปลี่ยวร้างอย่างยิ่ง

เธอเดินไปตามหนทาง พลางใช้เวทวิชากำจัดวัชพืชเหล่านั้นไปด้วย ทำให้ศาลาพลับพลาเหล่านั้นได้พบเห็นดวงตะวันอีกครา

ไม่ทันรู้ตัวเธอก็เดินไปถึงริมสระน้ำพุร้อนแล้ว บนผิวน้ำมีไอน้ำลอยกรุ่น ปานภาพฝันมายา

ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่ เธอกระโจนลงไปในสระ น้ำในสระอุ่นร้อน ไหวกระเพื่อมเบาๆ ข้างกายเธอ สถานการณ์นี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างรางๆ

ในความเลื่อยลอย คล้ายจะมองเห็นโฉมงามชุดแดงผู้หนึ่งลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในน้ำ เงาร่างชุดดำผอมแห้งคนหนึ่งกึ่งๆ โอบโฉมงามชุดแดงผู้นั้นไว้ ไม่คล้ายว่าอิงแอบแนบชิดกัน แต่คล้ายว่าถูกจี้เอาตัวอยู่…

บทสนาหนึ่งแว่วเลือนรางเข้ามาในหูเธอ

“เจ้าเห็นข้าเปลือยแล้ว…”

“แถมเจ้ายังแตะต้องข้าด้วย…”

“องค์หญิงผู้สูงส่งเช่นข้าถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งทั้งมองทั้งจับเช่นนี้ ความบริสุทธิ์ย่อมหายไปหมดแล้ว เปิ่นกงยอมตายเสียดีกว่า…”

“ข้าเป็นสตรี!”

“มองไม่ออกเลย”

“การเจริญเติบโตของข้าไม่ดีเท่าไหร่ แต่ข้าเป็นสตรีจริงๆ นะ หากพระองค์ไม่เชื่อ…”

“อย่างไร? เจ้าจะพิสูจน์อย่างไร?”

เนื้อหาของบทสนทนาใรครั้งนี้ค่อนข้างมาก ถึงแม้ว่าฟังแล้วจะยังแยกเพศไม่ออกเช่นเดิม แต่ก็ฟังออกว่าเป็นคนสองคน แต่กู้ซีจิ่วกลับทราบแจ่มแจ้งอย่างน่าประหลาด โฉมงามชุดแดงผู้นั้นคือบุรุษ ส่วนเงาร่างชุดดำผอมแห้งเป็นสตรี…

เกิดเสียงน้ำกระเซ็นดังซ่า ภาพหลอนนั้นหายไปแล้ว ในสระน้ำพุร้อนที่กว้างขวางมีเพียงตัวเธอผู้เดียว ไม่มีบุคคลที่สอง

หัวใจเธอเต้นกระหน่ำยิ่งนัก โพรงจมูกแสบเคืองขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

เธอสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง นี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นของเธอกับเขาหรือ?

ครั้งนี้เขาสวมอารมณ์แดงดุจเปลงเพลิง…

เห็นทีว่าคนผู้นี้จะมิได้สวมใส่เพียงชุดสีม่วงอยู่ร่ำไป ชุดแดง ชุดขาวล้วนเคยสวมใส่ทั้งสิ้น

คนผู้นั้นคือหวงถูที่หยกนภากล่าวถึงหรือ?

แต่ข้อเท็จจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว หลังจากหวงถูดับขันธ์ก็ไม่ได้ขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบน แต่ดับสูญไปโดยสมบูรณ์…

บางทีชั่วชีวิตนี้ตนอาจไม่ได้พบเจอเขาอีกแล้ว

ในใจของเธอค่อนข้างสิ้นหวัง ล้วงกล่องใบนั้นออกมาจากมิติเก็บของตน ปลายนิ้วของเธอไล้วนบนกล่อง ราวกับว่าหัวใจเธอไร้ที่พึ่ง

ภารกิจนั้นคือตามหาเจ้าของกล่องใบนี้ และฐานะของเจ้าของกล่องใบนี้คงจะไม่ธรรมดาเป็นแน่กระมัง? เป็นใครกันนะ?

แสงจันทร์เยียบเย็น แขวนลอยอยู่กลางฟ้า ส่องสะท้อนเงาร่างเดียวดายในสายน้ำของเธอ

เธอพริ้มตาลงนิดๆ ในใจมีข้อสงสัยมากมายเหลือเกินที่ยังไม่กระจ่าง ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถแถลงไขให้เธอได้

‘ลิขิตสวรรค์!’ เสียงหนึ่งพลันแว่วขึ้นในสมองกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้น “อะไรนะ?”

‘เจ้าของกล่องคือร่างอวตารของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์’ เสียงนั้นราบเรียบเฉยชา

—————————————————————

บทที่ 1875 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน รูปสลักหยกอุ้มกล่องที่เธอเห็นในความฝันคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์หรือ?!

“ผู้ที่ฝังกล่องไว้ก็คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์หรือ?” กู้ซีจิ่วเอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่

‘ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย เจ้ารู้แค่ว่าผู้ที่เจ้าต้องตามหาคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ก็พอ อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องถาม’

“ความหมายของเจ้าคือ เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์หนีไปใช่ไหม? จากนั้นพวกเจ้าเลยจะให้ข้าไปตามจับเขากลับมากระมัง?”

‘เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เจ้าไหนเลยจะจับกุมได้?! จาบจ้วงยิ่งนัก!’

“เช่นนั้นให้ข้าตามหาเขาทำไม?”

‘ส่องมอบกล่องให้เขา จากนั้นทุกอย่างจะตำเนินไปตามครรลอง’

“ได้ เขาเป็นบุรุษกระมัง?”

‘ไร้สาระ!’

“เขาอยู่ที่ทวีปไหน?”

‘ไม่รู้’

สีหน้ากู้ซีจิ่วทะมึนแล้ว แม้แต่อยู่ที่ใดก็ยังไม่แน่ชัด เธอไม่ต้องตามหาเขาปานงมเข็มในมหาสมุทรหรอกหรือ? เช่นนั้นมิต้องหากันจนถึงปีวอกเดือนม้าเลยหรือไง?!

“ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าใช่เขา?”

‘เรื่องนี้ต้องอาศัยสัมผัสที่หกของเจ้าแล้ว…’

กู้ซีจิ่วอับจนวาจาแล้ว สัมผัสที่หกของเธอเฉียบไวก็จริง แต่จะใช้สัมผัสที่หกกับคนที่ยังไม่เคยพบหน้ากันสักหนเลยได้อย่างไร?

ความคิดหนึ่งพลันผุดวาบขึ้นมาในสมองของเธอ หรือว่าหวงถูที่เคยเกี่ยวข้องพัวพันกับเธอก็คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์?!

หัวใจเธอเต้นกระหน่ำ ถือโอกาสสอบถาม “หวงถูคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ใช่หรือไม่?”

‘เหอๆ’

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ ‘เหอๆ’ ผีสางอันใด?! สรุปแล้วใช่หรือไม่ใช่?!”

เสียงนั้นหายไปแล้ว ไม่ตอบกลับมาอีก

กู้ซีจิ่วรออยู่พักหนึ่ง ก็ไม่ได้รับคำตอบจากเสียงนั้น ถอนหายใจเบาๆ เอาเถอะ เช่นนั้นเธอก็ตามหาเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้ก่อนแล้วกัน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ตัวตนที่สูงส่งเหนือล้ำ ต่อให้คนผู้นี้กลับชาติมาเกิดใหม่ เช่นนั้นฐานะก็น่าจะตระการตาเช่นเดิมกระมัง? น่าจะตามหาได้ไม่ยากจนเกินไป…

….

สิ่งที่กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงก็คือ คนผู้นั้นมิใช่น่าจะตามหาได้ไม่ยากจนเกินไป แต่เป็นตามหาได้ยากเย็นเป็นพิเศษ!

การตามหาครั้งนี้ของเธอหามาเกือบสองร้อยปีแล้ว!

ดินแดนเบื้องบน โลกเบื้องล่าง เธอวิ่งขึ้นวิ่งลง พบคนที่โดดเด่นยอดเยี่ยมนับไม่ถ้วน ผลคือไม่ใช่ทั้งสิ้น…

ในสองร้อยปีนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายนัก

เรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนเบื้องล่างคือ กู้เซี่ยเทียนจากไปแล้ว ก่อนตายในที่สุดเขาก็ได้รับการให้อภัยจากหลัวซิงหลาน ทั้งสองได้ตกปากรับคำกันไว้ว่าจะสานต่อวาสนากันในชาติหน้า หลังจากกู้เซี่ยเทียนสิ้นชีพไปได้ไม่นาน หลัวซิงหลานก็จากไปเช่นกัน ช่วงสามปีก่อนที่กู้เซี่ยเทียนจะจากไป ในที่สุดหลัวจั่นอวี่ (กู้เทียนนั่ว) ก็ยอมกลับเข้าตระกูลแล้ว เปลี่ยนแซ่เป็นกู้จั่นอวี่

กู้จั่นอวี่จัดการตามคำสั่งเสียของหลัวซิงหลาน ฝังนางกับกู้เซี่ยเทียนไว้ร่วมหลุม นับว่าเป็นการเติมเต็มความปรารถนาของคนทั้งสอง

หลัวจั่นอวี่ไม่ได้เข้าสู่แวดวงการเมือง เขากลายเป็นเจ้าสำนักรุ่นใหม่

หลังจากจักรพรรดิของอาณาจักรเฟยซิงสวรรคต หรงเจียหลัวได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ ด้วยความช่วยเหลือของกู้ซีจิ่ว จึงบรรลุพลังวิญญาณขั้นเก้าได้ในวัยสามสิบปี อายุขัยยืนยาว เขาอุทิศตัวเพื่อพัฒนาอาณาจักร เป็นจักรพรรดิผู้ทรงธรรม

สองร้อยปีมานี้ กู้ซีจิ่วได้ทดสอบพบสานุศิษย์สวรรค์ตัวจริงห้าคน และมอบหมายให้มู่เฟิงอบรมสั่งสอนพวกเขาให้กลายเป็นผู้มีความสามารถ…

แน่นอนว่าสานุศิษย์สวรรค์ตัวปลอมก็มีบ้างเช่นกัน ล้วนถูกกู้ซีจิ่วโยนเข้าป่าทมิฬให้เป็นตายไปตามยถากรรม

ในช่วงสองร้อยปีนี้ ทุกๆ ยี่สิบปีกู้ซีจิ่วจะเข้าไปที่เขตหวงห้ามแห่งนั้นหนึ่งเที่ยว พาผู้คนที่ฝึกฝนจนบรรลุขั้นเก้าแล้วออกมา

คนเหล่านี้ย่อมทั้งกริ่งเกรงทั้งเคารพเธอ ต่อให้ออกมาแล้วก็ไม่กล้าก่อคลื่นลมขึ้น หลังจากออกมาได้บ้างก็ก่อตั้งสำนักขึ้น บ้างก็ออกท่องไปทั่วหล้า…

แผ่นดินนี้กลับสู่ความเจริญรุ่งเรืองเช่นที่เคยเป็นมา

แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ บรรดาสหายเก่าได้จากไปบ้างแล้วเช่นกัน บ้างก็สิ้นชีพด้วยความชรา บ้างก็สิ้นชีพในสนามรบ…

อย่างเช่นหลีเมิ่งซย่า นางสิ้นชีพในสนามรบ ก่อนนางจะตาย กู้ซีจิ่วติดตามไปอยู่ข้างกายนางได้พอดี

เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะใช้ทักษะการแพทย์ที่ท้าทายอำนาจสวรรค์ช่วยชีวิตนาง…

——————————–