บทที่ 1876+1877

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1876 อันที่จริงนี่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเช่นกัน…

เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะใช้ทักษะการแพทย์ที่ท้าทายอำนาจสวรรค์ช่วยชีวิตนาง ทว่าถูกนางยับยั้งไว้ นางหอบหายใจ ท่าทางเหมือนเช่นในอดีต เรียกชื่อของกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ให้ข้าตายเถอะ…”

นัยน์ตาของนางฉายแววหลุดพ้นประการหนึ่ง กู้ซีจิ่วประหลาดใจ “เพราะเหตุใด?”

ดวงตาของหลีเมิ่งซย่าเหม่อมองท้องฟ้า “ข้าคิดถึงเขา…ในเมื่อเขามาหาข้าไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปหาเขา…”

ไม่กี่ร้อยปีมานี้หลีเมิ่งซย่าใช้ชีวิตอย่างสดใสร่าเริงเสมอมา จัดการเรื่องราวอย่างกระตือรือร้น เพียงแต่ครองตัวเป็นโสดตลอดมา กู้ซีจิ่วยังนึกอยู่ว่านางเป็นผู้ที่ไม่ปรารถนาการครองเรือน กลับนึกไม่ถึงเลยว่านางจะมีคนในใจ

“เขาเป็นใคร?” กู้ซีจิ่วอดจะเอ่ยถามไม่ได้

“เจ้าสำนักหลง…” หลีเมิ่งซย่าถอนหายใจเบาๆ ในที่สุดก็ได้กล่าวสิ่งที่พัวพันอยู่ในใจนางมาหลายปีออกมาแล้ว ได้เอ่ยนามที่ไม่เคยเอ่ยออกมา

กู้ซีจิ่วสะเทือนใจอยู่บ้าง

หลีเมิ่งซย่าไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกนี้ออกมาเลย นึกไม่ถึงเลย…

ตอนนี้หลงซือเย่เข้ากับโลกเบื้องบนได้ไม่เลวเลย เป็นขุนศึกคนหนึ่งแล้ว ได้รับการขนานนามว่าซือเย่เสินจวิน ถึงขั้นที่มีจวนพำนักเป็นของตัวเอง ณ ชั้นฟ้าที่เจ็ดแล้ว

ส่วนหลีงเมิ่งซย่าหลังจากสิ้นชีพแล้วกลับต้องเข้าสู่ยมโลก เวียนว่ายตายเกิด ต่อให้นางตาย ก็ไม่มีทางได้เฉียดใกล้กับหลงซือเย่อีก

เธอจับมือของหลีเมิ่งซย่าไว้ สุดท้ายก็เล่าถึงสถานการณ์ของหลงซือเย่ เพียงหวังให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไป

ไม่นึกเลยว่าหลีเมิ่งซย่าจะเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง กลับแย้มยิ้มออกมา “อันที่จริง…แบบนี้ก็ไม่เลวเลย ขอเพียงข้าได้ทราบว่าเขาอยู่สุขสบายดีก็พอแล้ว ส่วนข้าก็จะกลับมาเกิดใหม่ สามารถเริ่มต้นใช้ชีวิตเป็นตัวเองคนใหม่ได้ ไม่ต้องจดจำเขาอีกต่อไป ไม่ต้องทรมานเพราะความคิดถึง ข้าจะอยู่ในโลกเบื้องล่างอย่างมีความสุข ได้พบรักกับผู้อื่น…”

ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความปรารถนา “ข้าตั้งตารอชาติหน้าของตนจริงๆ…”

นางเอ่ยมาถึงตรงนี้ กู้ซีจิ่วก็ไม่อาจฝืนรั้งไว้ได้อีก

หลีเมิ่งซย่าสิ้นชีพในอ้อมแขนเธอ เธอฝังนางไว้ในเนินเขาเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์งดงามแห่งหนึ่ง

หลีเมิ่งซย่าเป็นเพื่อนสนิทของกู้ซีจิ่ว ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะกลายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่สายสัมพันธ์ของสหายกลับไม่เคยแปรเปลี่ยนไป การจากไปของนางจึงทำให้กู้ซีจิ่วโศกเศร้านัก

แต่โชคดีที่เธอเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ สามารถคาดคะเนการถือกำเนิดใหม่ในชาติหน้าของนางได้

ดังนั้นอีกสิบห้าปีให้หลัง กู้ซีจิ่วจึงไปตามหาหลีเมิ่งซย่าที่กลับชาติมาเกิดใหม่ที่อาณาจักรเฮ่าเยวี่ย นางมีชีวิตที่เป็นสุขยิ่งนักจริงๆ ถึงขั้นที่มีคู่รักเหมยเขียวม้าไม้ไผ่คนหนึ่งด้วย ยามที่กู้ซีจิ่วไปถึงมีการพูดคุยเรื่องวิวาห์กันแล้ว…

อุปนิสัยของหลีเมิ่งซย่าไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงสดใสมีชีวิตชีวาเช่นในอดีต กับคนรักเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของนางก็รักใคร่กันดียิ่งนัก กู้ซีจิ่วเห็นนางกับคนรักของนางจับจูงกันท่องเที่ยวด้วยตาตน…

นางที่กลับชาติมาเกิดสลัดหลงซือเย่ทิ้งไปไกลโพ้นแล้วจริงๆ ไม่จดจำอีกต่อไป

อันที่จริงนี่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเช่นกัน…

กู้ซีจิ่วไม่ได้รบกวนนาง จากไปเสีย

มนุษย์เราเมื่อมีชีวิตยืนยาว ได้เห็นการจากเป็นพรากตายมามากมาย และได้พบเห็นโลกมามากมาย หัวใจย่อมแปรเปลี่ยนเป็นเฉยเมยด้านชา ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่เก็บมาใส่ใจอย่างจริงจังอีก

กู้ซีจิ่วย่อมเป็นเช่นนี้เหมือนกัน

เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนก็เป็นเช่นนี้หรือ? ตอนนั้นเขาก็เฉยชาต่อเรื่องราวต่างๆ หรือ? ไม่ว่าเรื่องใดล้วนไม่เก็บมาใส่ใจใช่ไหม?

เมื่อปีนั้นสัมพันธ์รักอันคลุมเครือของเธอกับเขาเป็นความจริงหรือไม่?

ชีวิตอันยืนยาวน่าเบื่อหน่ายนัก หวงถูในตอนนั้นจัดการช่วงเวลาเช่นนี้อย่างไรกันนะ?

เนื่องจากไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับหวงถู กู้ซีจิ่วจึงทำได้เพียงคาดเดาไปเรื่อยเช่นนี้

จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ของตนค่อนข้างยืดยาวเหลือเกิน ยืดยาวจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด และค่อนข้างน่าเบื่อหน่าย

โชคดีที่เธอยังมีภารกิจนั้นอยู่กับตัว ทำให้เธอมีแรงจูงใจและความเบิกบานในการใช้ชีวิตอยู่บ้าง

สองร้อยปีมานี้เธอวิ่งขึ้นวิ่งลงระหว่างดินแดนเบื้องบนกับโลกเบื้องล่าง ขอเพียงได้ยินว่าที่ไหนมีคนแปลกๆ ปรากฏตัวขึ้น เธอจะต้องไปตรวจสอบดูอยู่ร่ำไป ผลคือล้วนไม่ใช่คนที่เธอกำลังตามหาทั้งสิ้น…

——————————————————————

บทที่ 1877 ฟ้าเปลี่ยนไปแล้ว

ที่ดินแดนเบื้องบนอวิ๋นเยียนหลีช่วยเธอตามหาอยู่ตลอด ซ่างเซียนกว่าสองร้อยคนเธอล้วนไปพบมาแล้วโดยไม่ตกหล่นไปสักคนเลย ผลคือผิดหวังไปตามระเบียบ

เธอไม่ได้ไปที่ดินแดนเบื้องบนตามระยะเวลาครึ่งปี บางครั้งถ้าในโลกเบื้องล่างมีอะไรถ่วงรั้งไว้ เธอก็คร้านจะขึ้นไป

ตั้งแต่พบว่าซ่างเซียนเหล่านั้นไม่ใช่คนที่ตนตามหา จึงไปตระเวนในภพมารและภพปีศาจอยู่หลายรอบ หลังจากไม่เป็นผลเช่นกัน จิตใจที่อยากขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบนของเธอจึงจืดจางลงไปมาก

บางทีหนึ่งปีถึงจะไปสักหน บางทีก็สามสี่ปีถึงจะไปสักหน

ระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดคือสิบปี

และหลังจากเธอขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบนในรอบสิบปี ก็พบว่าฟ้าของดินแดนเบื้องบนได้เปลี่ยนไปแล้ว!

ภพมารมีจอมมารน้อยตนหนึ่งกำเนิดขึ้น กล่าวกันว่าเป็นผู้ที่กลับชาติมาเกิด จอมมารน้อยตนนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก นำทัพมารบุกตีดินแดนเบื้องบน ตีภพเซียนจนแต่กพ่ายไม่เป็นท่า ทำได้เพียงยอมจำนน…

ตอนที่กู้ซีจิ่วขึ้นไป จอมมารตนนั้นผนวกทวีปเสินโม่ให้เป็นหนึ่งแล้ว สามภพเซียนมารปีศาจล้วนศิโรราบให้แก่นาง

ส่วนอวิ๋นเยียนหลีหายตัวไปในสงครามหนึ่ง ยามอยู่ที่ดินแดนเบื้องบนกู้ซีจิ่วทำตัวเป็นแขกเสมอมา ไม่คิดจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องราวใดของทวีปเสินโม่เลย ดังนั้นเธอจึงไม่ตามหาอวิ๋นเยียนหลี อีกทั้งแน่ใจด้วยว่าอวิ๋นเยียนหลียังปลอดภัยดี จึงละวางเรื่องนี้ เธอยังคงตามหาเป้าหมายของภารกิจตนต่อไป

แน่นอนว่าเธอเคยสงสัยในตัวจอมมารน้อยผู้นั้น เคยลอบไปตรวจสอบดูแล้ว พบว่าจอมมารน้อยเป็นเด็กสาวนางหนึ่ง ซ้ำยังเป็นเด็กสาวที่เด็ดเดี่ยวกล้าหาญมีฝีมือยิ่งนักผู้หนึ่งด้วย กู้ซีจิ่วรู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวนางนี้อย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้เผยตัวไปสานสัมพันธ์ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เป้าหมายภารกิจที่เธอตามหา…

เธออยู่ที่ดินแดนเบื้องบนตามเวลาครึ่งปีที่กำหนด หลังจากค้นหาอยู่ครึ่งปีก็ยังคงไร้ผล ขณะที่กำลังจะกลับไปที่โลกเบื้องล่าง ได้ทราบข่าวว่ามหาเทพของทวีปนี้ก็หวนกลับมาแล้วเช่นกัน

กล่าวกันว่าเหตุผลที่ทวีปเสินโม่แห่งนี้ถูกขนานว่าทวีปเสินโม่ ก็เป็นเพราะในอดีตผู้ที่คอยดูแลควบคุมทวีปเสินโม่คือมหาเทพกับจอมมาร…

ต่อมามหาเทพกับจอมมารได้หายตัวไปพร้อมกัน ถึงได้ทำให้จักรพรรดิเซียนของภพเซียนได้ควบคุมดูแลทวีปนี้ กลายเป็นสถานการณ์เช่นที่กู้ซีจิ่วได้เห็นยามที่เพิ่งขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบน

ตอนนี้มหาเทพกับจอมมารหวนกลับมาตามลำดับแล้ว อำนาจปกครองของตระกูลจักรพรรดิเซียนย่อมแปรเปลี่ยนไป

และระหว่างมหาเทพองค์นี้กับจอมมารน้อยผู้นั้นก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงยิ่งนักอยู่…

กู้ซีจิ่วย่อมไปดูมหาเทพองค์นั้นมาแล้วรอบหนึ่งเช่นกัน มหาเทพองค์นั้นมีนามว่าเสินจิ่วหลี่ รูปโฉมหล่อเหลายิ่งนัก พลังอำนาจก็กล้าแกร่งอย่างยิ่ง แต่กู้ซีจิ่วมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ตนกำลังตามหา…

เพียงแต่ เธอยังคงสัมผัสถึงกลิ่นทะแม่งๆ จากร่างของมหาเทพผู้นี้ได้ คล้ายว่าคนที่เธอกำลังตามหาจะเกี่ยวข้องกับมหาเทพผู้นี้อยู่บ้าง…

เดิมทีเธอคิดจะจับตามมองอย่างละเอียดต่อไป แต่ระยะเวลาในดินแดนเบื้องบนของเธอถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่อาจโอ้เอ้อยู่ต่อไปได้ ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่โลกเบื้องล่าง

ครึ่งปีผ่านไปเธอขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบนอีกครั้ง จากนั้นก็พบว่าในระยะเวลาครึ่งปีนี้ดินแดนเบื้องบนยังคงเปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าพลิกดินโดยแท้!

จักรพรรดิเซียนหายตัวไป บุคลากรของทวีปเสินโม่ปลิดปลิวโรยราไปอย่างยิ่ง ไอวิญญาณก็ไม่หนาแน่นเท่าแต่ก่อน

บ้านเมืองของสามภพพังทลาย ชำรุดเสื่อมโทรม

เห็นได้ชัดว่าทวีปนี้ได้ประสบหายนะครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยพบพานมาก่อน ในอากาศมีไอพิฆาตมืดมนอยู่รางๆ ผุ้คนของสามภพแต่ละคนดูราวกับเพิ่งรอดพ้นจากภัยพิบัติมา

ระหว่างที่เธอเหินทะยานขึ้นสู่ชั้นฟ้าที่เจ็ด ได้เห็นมหาเทพเสินจิ่วหลี่ผู้นั้นกับจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ด้วย

ทั้งสองคล้ายว่าเพิ่งรอดพ้นจากหายนะมา กำลังโอบกอดล่องลอยกระซิบพร่ำรำพันกันอยู่กลางอากาศ

———————————-